- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 29 January 2019 15:40
- Hits: 3360
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
“กำไรจีนชะลอ กังวลชัตดาวน์ เฟดประชุม กดดัน”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : --
ภาวะตลาดและปัจจัย : SET วานนี้ +1.41 จุด ปิดที่ 1625.03 จุด มูลค่าการซื้อขายปานกลางที่ 48.4 พันล้านบาท ถือว่ายังดีกว่าตลาดหุ้นเพื่อนบ้านที่บางตลาดปรับลง มีแรงขายทำกำไรหลังจาก SET ทำยอดสูงสุดของวันที่ 1634.70 จุด เพราะยังรอดูผล BREXIT การประชุม Fed และจีนจะมาเจรจาการค้าที่สหรัฐปลายเดือน ม.ค.นี้ ผู้ซื้อสุทธิเป็นต่างชาติ 2.1 พันลบ. สถาบัน และพอร์ตโบรกเกอร์ซื้อสุทธิเล็กน้อย ด้านผู้ขายสุทธิคือ รายย่อย 2.2 พันลบ. ด้านแนวโน้มตลาดและกลยุทธ์วันนี้คือ
# ระยะสั้นคาด SET จะ Sideways ทางลบ จากกำไรบริษัทอุตสาหกรรมขนาดใหญ่จีนหดตัวลงในปี 61 ทรัมป์กล่าวชัตดาวน์อาจกลับมาอีก ประชุมเฟดรับข่าวดีชะลอปรับขึ้นดอกเบี้ยแล้ว แต่ติดตามการลดขนาดงบดุล และ Brexit นายกแถลงต่อรัฐสภารอบสองในวันนี้
# ดาวโจนส์และน้ำมันปรับลง เพื่อนบ้านเช้านี้อยู่ในโซนแดง ดาวโจนส์ล่วงหน้าต่ำลง ดัชนีความกลัว (VIX) เพิ่ม แต่ปัจจัยบวกที่ค้ำอยู่คือ ตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนมาไทยบวกได้ครั้งแรกรอบ 6 เดือนใน ธ.ค.62 บาทแข็งเงินไหลเข้า และความหวังการเลือกตั้งไทยมีขึ้น 24 มี.ค.62
# กลยุทธ์ คือ ระยะสั้น หากมีการรีบาวด์ต่อ เก็งกำไรรอบสั้นได้แนวต้านเป็น 1630-1640 จุด ด้านการซื้อลงทุนระยะกลาง รออ่อนตัว ด้านแนวรับเป็น 1560-1550 จุดส่วนดัชนีฯเป้าหมายทางพื้นฐานปี 2562 ยังเป็น 1780 จุด (+0.5 SD) ด้วยคาดการณ์อัตราการเติบโตกำไรปี 61-62 ที่ +8%/+6% ตามลำดับ แนะนำทยอยสะสมหุ้นพื้นฐานดี หุ้น Top Pick ในงวด 1Q62 คือ AOT,BBL,CPALL,HANA,PTT และ WHA
# หุ้นเด่น WHA : ล่าสุดผนึก JD.Com ของจีน E-Commerce เบอร์ต้นของจีน ตั้งบ.ร่วมทุนสร้างศูนย์กระจายสินค้าในจังหวัด EEC ฉะเชิงเทรา สร้างคลังสินค้าแบบBTS (Built to Suit) 6 หมื่นตรม. รองรับอีคอมเมิร์ซอาเซียนที่เติบโตสูง ในสัดส่วน WHA: JD.Com ที่ 51%:49% เราคาดว่าจะเกิดผลดีในระยะยาว คงคำแนะนำ ซื้อWHA คาดว่าเป็นหนึ่งในหลักทรัพย์กลุ่มนิคมอุตสาหกรรมที่จะได้รับประโยชน์สูงสุดจากนโยบายระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ประเมินราคาพื้นฐานไว้ที่4.72 บาท ด้วยวิธี SOP ราคาปิดมีส่วนเพิ่มได้อีก 7.3%
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ระยะสั้น สัญญาณ Candlestick & Indicators (ยัง)เป็น(แค่) บวกเล็กๆ {“ปิดบวกเล็กน้อย”เหนือ“SMA10วัน” (แต่ถูกกดดันด้วย“โครงสร้างขาลง–ระยะกลาง”)} ชี้ความน่าจะเป็นของตลาดฯวันนี้“แกว่ง”แบบเริ่มให้น้ำหนักกับการลง แต่“ค่าบวก” จะช่วยให้มีรีบาวด์ฯสั้นๆก่อน(แล้วจึงลงต่ำ,ตามมา)ได้ แนวต้าน 1630 – 1640 (หรือ 1650) จุด {แนวตัดขาดทุน “ต่ำกว่า 1600” จุด}
หุ้นทีมีโอกาสทำ New High ทางเทคนิค ที่เข้ามาใหม่คือ JMT,TRUE,PTG,BH หุ้นที่อยู่ใน List คือ JWD, TISCO, GULF, SAT,CK,GLOW, ERW หุ้นที่หลุด List คือDCC และหุ้นทีอยู่ในพื้นที่หาจังหวะ Take Profit คือ TU, STPI, AH, EPG, HMPRO, TFG
Thailand Research Team : reseach-th.dbs.com
Inside Story
Key Drivers TODAY : ปัจจัยต่างประเทศ / ปัจจัยในประเทศ
Industry Focus: อุตสาหกรรมเดินทาง-ท่องเที่ยว
Flash Note : ORI (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 9.20)
SVI (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 7.20)
TSTH (Not Rated)
In The News : DTAC (Under Review)
ข่าวเด่นวันนี้
Key Drivers TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
- จีน : กำไรบริษัทอุตสาหกรรมขนาดใหญ่หดตัวลง
# รายงานล่าสุดของสำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) ระบุว่า กำไรของบริษัทอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ในภาคอุตสาหกรรมของจีนในเดือนธ.ค. หดตัวลง 1.9% เมื่อเทียบเป็นรายปี และตลอดปี 2561 กำไรของบริษัทอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ขยายตัวเพียง 10.3% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งชะลอตัวลงจากปี 2560 ที่มีการขยายตัวอย่างแข็งแกร่งถึง 21%
- สหรัฐ : ยังกังวลปัญหาชัตดาวน์ ทรัมป์กล่าวอาจเกิดขึ้นอีกครั้ง
# นักลงทุนยังกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ชัตดาวน์ในสหรัฐ หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวว่า ภาวะชัตดาวน์อาจเกิดขึ้นอีกครั้งหนึ่ง เนื่องจากเขาไม่เชื่อมั่นว่าสภาคองเกรสจะสามารถบรรลุข้อตกลงในการจัดสรรงบประมาณสร้างกำแพงกั้นชายแดนเม็กซิโกตามที่เขาต้องการ ขณะเดียวกันทรัมป์กล่าวว่า เขาคิดว่ามีโอกาสน้อยกว่า 50% ที่สภาคองเกรสจะบรรลุข้อตกลงดังกล่าว ก่อนที่งบประมาณสำหรับหน่วยงานรัฐบาลจะสิ้นสุดลงในวันที่ 15 ก.พ.
+/- สหรัฐ: เฟดเริ่มประชุมวันนี้ถึง 30 ม.ค.62 ติดตามทิศทางดอกเบี้ย และการลดขนาดงบดุล
# การประชุมระยะเวลา 2 วันของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเปิดฉากขึ้นในวันนี้และสิ้นสุดลงในวันพรุ่งนี้ตามเวลาสหรัฐท่ามกลางการคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้
# หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลรายงานว่า เฟดอาจยุติการปรับลดงบดุลเร็วกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้านี้ ซึ่งทำให้มีการคาดการณ์ว่าเฟดจะชะลอการปรับนโยบายการเงินสู่ภาวะปกติ และบ่งชี้ว่าเฟดจะไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ จากเดิมที่เฟดส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้
# ทั้งนี้ เฟดได้เริ่มการปรับลดงบดุลในเดือนต.ค.2560 โดยขณะนั้นงบดุลของเฟดมีมูลค่าสูงกว่า 4.5 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งในการปรับลดงบดุลนั้น เฟดจะปล่อยให้พันธบัตรจำนวนหนึ่งครบอายุโดยไม่มีการนำรายได้ไปลงทุนในพันธบัตรใหม่ ซึ่งวงเงินการปรับลดงบดุลสูงสุดคือ 5 หมื่นล้านดอลลาร์/เดือน ส่วนเมื่อเดือนที่แล้ว เฟดได้ปรับลดงบดุล 3.4 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะที่วงเงินการปรับลดงบดุลทั้งหมดของเฟดอยู่ที่ระดับ 4 แสนล้านดอลลาร์
-อังกฤษ: โหวตร่างข้อตกลง Brexit ฉบับใหม่ของนายกฯวันนี้
# นักลงทุนจับตาสถานการณ์ที่อังกฤษแยกตัวจากสหภาพยุโรป (Brexit) โดยรัฐสภาอังกฤษเตรียมโหวตร่างข้อตกลงBrexit ฉบับใหม่ของนายกรัฐมนตรีเทเรซา เมย์ ในวันนี้ตามเวลาท้องถิ่น
- ภาวะตลาดหุ้นสหรัฐ : ดาวโจนส์ปรับลง วิตกผลประกอบการและชัตดาวน์
# ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,528.22 จุด ร่วงลง 208.98 จุด หรือ -0.84% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่2,643.85 จุด ลดลง 20.91 จุด หรือ -0.78% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ ปิดที่ 7,085.68 จุด ลดลง 79.18 จุด หรือ -1.11%
# ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 200 จุดเมื่อคืนนี้ (28 ม.ค.) หลังจากแคทเธอร์พิลลาร์ ซึ่งเป็นบริษัทผลิตเครื่องมือก่อสร้างรายใหญ่ระดับโลก เปิดเผยกำไรที่ต่ำกว่าคาด และบริษัท Nvidia Corp ผู้ผลิตชิปรายใหญ่ของสหรัฐ ปรับลดตัวเลขคาดการณ์รายได้ประจำไตรมาส 4/2561 นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากความกังวลที่ว่า สหรัฐอาจเผชิญกับภาวะชัตดาวน์อีกครั้ง เนื่องจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงกับผู้นำสภาคองเกรสในประเด็นการจัดสรรงบประมาณสร้างกำแพงกั้นชายแดนเม็กซิโก
- ภาวะตลาดน้ำมัน : WTI ปรับลง รับข่าวสหรัฐเพิ่มแท่นขุดเจาะน้ำมัน
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค. ร่วงลง 1.70 ดอลลาร์ หรือ 3.2% ปิดที่ 51.99 ดอลลาร์/บาร์เรล
# สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนมี.ค. ร่วงลง 1.71 ดอลลาร์ หรือ 2.8% ปิดที่ 59.93 ดอลลาร์/บาร์เรล
# สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์เมื่อคืนนี้ (28 ม.ค.)หลังจากมีรายงานว่า สหรัฐเพิ่มแท่นขุดเจาะน้ำมันเป็นครั้งแรกในปีนี้ นอกจากนี้ นักลงทุนยังกังวลว่า การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนอาจส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมันด้วยเช่นกัน
- ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก : ปรับขึ้น หลังดอลลาร์อ่อนค่า ตลาดหุ้นร่วง
# สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 5.00 ดอลลาร์ หรือ 0.39% ปิดที่1,303.10 ดอลลาร์/ออนซ์
# สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (28 ม.ค.) โดยสัญญาทองคำดีดตัวขึ้นเหนือระดับ 1,300 ดอลลาร์/ออนซ์เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากตลาดหุ้นสหรัฐร่วงลงอย่างหนัก นอกจากนี้ การอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ยังเป็นอีกปัจจัยที่ช่วยหนุนสัญญาทองคำเช่นกัน
• ติดตามรายงานตัวเลขเศรษฐกิจในสัปดาห์นี้
# นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ราคาบ้านเดือนพ.ย.จากเอสแอนด์พี/เคส-ชิลเลอร์, ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนม.ค.จากคอนเฟอเรนซ์บอร์ด, ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนม.ค.จาก ADP, ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนธ.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนม.ค., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนม.ค.จากมาร์กิต และดัชนีภาคการผลิตเดือนม.ค. จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM)
ปัจจัยในประเทศและข่าวหลักทรัพย์
-/+ เศรษฐกิจไทย : สศค.คาดการณ์ GDP ไทยปี 62 เติบโตชะลอลงกว่าปี 61 เป็น 4%
# สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 62 จะเติบโตได้ 4% ชะลอตัวลงเล็กน้อยจากปี 61 ที่เติบโตได้ 4.1% ส่วนการส่งออกปีนี้คาดว่าจะเติบโต 4.5% การนำเข้า 5.4% อัตราเงินเฟ้อทั่วไปที่ 1.0% อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานที่ 0.9% โดยประเมินว่าการลงทุนภาคเอกชนในปีนี้จะเติบโตได้ 4.5% ส่วนการลงทุนภาครัฐเติบโตได้ 5.3% ขณะที่การบริโภคภาคเอกชนปีนี้ เติบโต 4.3% การบริโภคภาครัฐ เติบโต 2.3%
+ สศค.ระบุความชัดเจนวันเลือกตั้ง ทำให้ภาคเอกชนมีความเชื่อมั่น
# ผู้อำนวยการ สศค. ระบุว่า ความชัดเจนเรื่องการกำหนดวันเลือกตั้ง จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยสนับสนุนความเชื่อมั่นของภาคเอกชน และมีผลต่อการลงทุนของภาคเอกชนให้เติบโตได้กว่าปีก่อน รวมถึงแนวโน้มจากการใช้จ่ายภาคครัวเรือนที่ยังขยายตัวได้ต่อเนื่อง มาตรการจากบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จะยังเป็นปัจจัยหลักที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในปี 62หลังจากภาคการส่งออกมีสัญญาณการเติบโตที่ชะลอตัวลงตามแนวโน้มเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าพร้อมมองว่า การมีรัฐบาลใหม่จะมีผลในด้านจิตวิทยากับนักลงทุน ซึ่งจะเป็นผลดีกับการเติบโตของเศรษฐกิจในอนาคต ซึ่ง สศค. ให้ความสำคัญในส่วนนี้มากกว่าปริมาณเม็ดเงินจากการเลือกตั้งที่จะเข้ามากระตุ้นเศรษฐกิจได้ในช่วงสั้นเท่านั้น
+ สศค.เผยเศรษฐกิจ ธ.ค.61 และไตรมาส 4/61 ยังขยายตัวได้ต่อเนื่อง
# สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยภาวะเศรษฐกิจการคลังเดือน ธ.ค.61 และไตรมาส 4/61 ว่า เศรษฐกิจไทยยังขยายตัวได้ต่อเนื่อง แม้ว่าเครื่องชี้เศรษฐกิจประจำเดือน ธ.ค.61 จะมีสัญญาณชะลอตัวอยู่บ้าง ซึ่งเป็นผลจากการส่งออกสินค้าที่หดตัวจากภาวะเศรษฐกิจโลก แต่การใช้จ่ายภายในประเทศยังขยายตัวได้ต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการปรับตัวดีขึ้นของรายได้เกษตรกรในช่วงปลายปี 61 บวกกับจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ยังขยายตัวเร่งขึ้นในไตรมาสสุดท้าย ช่วยสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย ส่วนเสถียรภาพเศรษฐกิจทั้งภายในและภายนอกยังอยู่ในเกณฑ์ดีและรองรับความผันผวนของเศรษฐกิจโลกได้
นักวิเคราะห์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : [email protected]