- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 28 January 2019 13:24
- Hits: 3754
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
“ยุติชัตดาวน์ชั่วคราว บาทแข็งค่ามาก ส่งผลดี SET”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : --
ภาวะตลาดและปัจจัย : SET วันศุกร์ +3.09 จุด ปิดที่ 1623.62 จุด มูลค่าการซื้อขายปานกลางที่ 55.2 พันล้านบาท สอดคล้องกับตลาดหุ้นเพื่อนบ้านที่ปรับขึ้นถ้วนหน้า เพราะตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐออกมาดี เงินบาทแข็งค่า มีเงินไหลเข้า ต้นปีถึงปัจจุบัน ต่างชาติซื้อสุทธิ 4.6 พันล้านบาท แต่ก็สลับด้วยแรงขายทำกำไร เพราะยังกังวลปัจจัยต่างประเทศที่ไม่แน่นอน ด้านผู้ขายสุทธิคือ สถาบัน 0.8 พันลบ. และพอร์ตโบรกเกอร์ขาย 0.3 พันลบ. ส่วนผู้ซื้อสุทธิเป็นรายย่อย 0.7 พันลบ. และต่างชาติ 0.4 พันลบ. ด้านแนวโน้มตลาดและกลยุทธ์วันนี้คือ
# ระยะสั้นคาด SET จะ Sideways ทางบวก จากการยุติปัญหาชัตดาวน์ชั่วคราว และบาทแข็งค่ามีเงินไหลเข้าทั้งตลาดเงินและตลาดทุน ดัชนีความกังวล (VIX) อ่อนลงมาที่ 17.42 จุด ตลาดหุ้นเพื่อนบ้านเปิดมาส่วนใหญ่บวก แต่ปัจจัยลบคือ ดาวโจนส์และน้ำมันล่วงหน้าลด
# ปลายเดือนนี้ต้องติดตามการประชุมเฟด คาดว่าจะมีข่าวดีเรื่องการชะลอปรับขึ้นดอกเบี้ย แต่ต้องติดตามการลดขนาดงบดุลที่อาจทำให้สภาพคล่องที่สหรัฐตึงตัวได้ และการที่จีนจะไปเจรจาการค้าที่สหรัฐ ว่าจะมีความคืบหน้าไปในทางที่ดีขึ้นอีกหรือไม่
# กลยุทธ์ คือ ระยะสั้น หากมีการรีบาวด์ต่อ เก็งกำไรรอบสั้นได้แนวต้านเป็น 1630-1640 จุด ด้านการซื้อลงทุนระยะกลาง รออ่อนตัว ด้านแนวรับเป็น1560-1550 จุด ส่วนดัชนีฯเป้าหมายทางพื้นฐานปี 2562 ยังเป็น 1780 จุด (+0.5 SD) ด้วยคาดการณ์อัตราการเติบโตกำไรปี 61-62 ที่ +8%/+6%ตามลำดับ แนะนำทยอยสะสมหุ้นพื้นฐานดี หุ้น Top Pick ในงวด 1Q62 คือ AOT,BBL,CPALL,HANA,PTT และ WHA
# หุ้นเด่น ERW : คาดกำไร 4Q61 กลับมาฟื้นตัว หลัง 3Q61 ลดลงมากถึง 48% y-o-y สืบเนื่องจากการปิดปรับปรุง JW Marriott รวมทั้งนักท่องเที่ยวจีนและรัสเซียลดลง และมีค่าใช้จ่ายก่อนเปิดโรงแรมแห่งใหม่ๆ ด้านความคืบหน้าการขยายโรงแรมยังเป็นไปตามแผน แต่คาดว่ากำไร 4Q61 จะกลับมาฟื้นตัว เมื่อเข้าสู่ไฮซีซั่น คงคำแนะนำ ซื้อ ล่าสุดได้ปรับประมาณการลดลงปีนี้และปีหน้าในอัตรา 8%/9% ตามลำดับ ราคาพื้นฐานจึงปรับลงตามมาเป็น9.00 บาท แต่ราคาปิดมีส่วนเพิ่มได้อีก 25%
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ระยะสั้น สัญญาณ Candlestick & Indicators (ยัง) เป็น(แค่) บวกเล็กๆ {“ปิดบวก”เหนือ“SMA10วัน” (แต่ยังถูกกดดันด้วย“โครงสร้างขาลง – ระยะกลาง”)} ชี้ความน่าจะเป็นของตลาดฯสัปดาห์นี้“แกว่ง”แบบเริ่มให้น้ำหนักกับการลง แต่“ค่าบวก” จะช่วยให้มีรีบาวด์ฯสั้นๆก่อน(แล้วจึงลงต่ำ,ตามมา)ได้ แนวต้าน 1630 – 1640 (หรือ 1650) จุด {แนวตัดขาดทุน “ต่ำกว่า 1600” จุด}
หุ้นทีมีโอกาสทำ New High ทางเทคนิค ที่เข้ามาใหม่คือ CK,GLOW,ERW,TFG หุ้นที่อยู่ใน List คือ TU,DCC,JWD,TISCO,STPI,GULF,AH หุ้นที่หลุดList คือ RJH และหุ้นทีอยู่ในพื้นที่หาจังหวะ Take Profit คือ WHA,MEGA,KTB,CPN
นักกลยุทธ์&นักวิเคราะห์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : [email protected]
Inside Story
Key Drivers TODAY : ปัจจัยต่างประเทศ / ปัจจัยในประเทศ
Industry Focus : กลุ่มไฟแนนซ์ : AEONTS, MTC, SAWAD ไม่กระทบจากเกณฑ์ใหม่ธปท.
Company Guide : IVL (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 65.00)
SENA (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 4.04)
SYNEX (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 17.50)
Flash Note : NWR (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 1.06)
In The News : ข่าวเด่นวันนี้
Turnover List Watch : SMM ติด Cash Balance แล้ว ตามคาด
Key Drivers TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
+ สหรัฐ : บรรลุข้อตกลงยุติปัญหาชัตดาวน์ชั่วคราว
# ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวทำเนียบขาวว่า เขาได้บรรลุข้อตกลงกับผู้นำในสภาคองเกรสเพื่อยุติปัญหาการปิดหน่วยงานรัฐบาล (ชัตดาวน์) โดยเขาหวังว่าจะสามารถลงนามในร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวในวันนี้ เพื่อให้หน่วยงานของรัฐบาลกลับมาเปิดดำเนินงาน และมีงบประมาณในการบริหารงานจนถึงวันที่ 15 ก.พ.
# ทั้งนี้ นายมิทช์ แมคคอนเนล ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภา จะนำร่างกฎหมายงบประมาณดังกล่าว ซึ่งไม่รวมงบประมาณในการสร้างกำแพงกั้นชายแดนเม็กซิโก เข้าสู่การพิจารณาของวุฒิสภาทันที
# หากปธน.ทรัมป์ลงนามในร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราว หลังจากที่บรรลุข้อตกลงกับผู้นำในสภาคองเกรส ก็จะส่งผลให้หน่วยงานของรัฐบาลสามารถเปิดทำการในวันนี้ ซึ่งเป็นวันที่ภาวะชัตดาวน์ในสหรัฐได้ย่างเข้าสู่วันที่ 35 ซึ่งเป็นระยะเวลายาวนานที่สุดเป็นประวัติการณ์ และส่งผลให้พนักงานของรัฐบาล 800,000 คนต้องพักการทำงานชั่วคราว หรือทำงานโดยยังไม่ได้รับเงินเดือน
+/• สหรัฐ : จัดตั้งคณะกรรมการร่วมพิจารณาร่างกฎหมายจัดสรรงบประมาณความมั่นคงมาตุภูมิ
# ในช่วงเวลา 3 สัปดาห์หลังจากนี้ แกนนำของพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันจะจัดตั้งคณะกรรมการร่วมขึ้นมาเพื่อจัดทำร่างกฎหมายจัดสรรงบประมาณสำหรับความมั่นคงมาตุภูมิ ซึ่งปธน.ทรัมป์หวังว่าจะมีการบรรจุงบประมาณ 5.7 พันล้านดอลลาร์เพื่อสร้างกำแพงกั้นชายแดนเม็กซิโกตามข้อเรียกร้องของเขา
# อย่างไรก็ดี ในช่วงท้ายของการกล่าวแถลงการณ์ ปธน.ทรัมป์พูดอย่างชัดเจนว่า ถ้าหากการเจรจาระหว่างพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันประสบความล้มเหลว รัฐบาลก็จะปล่อยให้เกิดภาวะชัตดาวน์อีกครั้งในวันที่ 15 ก.พ. หรือปธน.ทรัมป์อาจใช้อำนาจประธานาธิบดีประกาศภาวะฉุกเฉิน และออกกฎหมายอนุมัติงบประมาณสร้างกำแพงกั้นชายแดนเม็กซิโกโดยไม่ต้องผ่านการอนุมัติจากสภาคองเกรส
+ ภาวะตลาดหุ้นสหรัฐ : ดาวโจนส์ปรับขึ้น รับข่าวการแก้ปัญหาหยุดชัตดาวน์ชั่วคราว
# ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 183.96 จุด หรือ 0.75% ปิดที่ 24,737.20 จุด ดัชนี S&P 500 บวก 22.43 จุดหรือ 0.85% ปิดที่ 2,664.76 จุด และดัชนี Nasdaq ทะยาน 91.40 จุด หรือ 1.29% ปิดที่ 7,164.86 จุด
# ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อวันศุกร์ (25 ม.ค.) หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ บรรลุข้อตกลงกับผู้นำในสภาคองเกรสเพื่อยุติปัญหาการปิดหน่วยงานรัฐบาล (ชัตดาวน์) เพื่อให้หน่วยงานของรัฐบาลกลับมาเปิดดำเนินงาน และมีงบประมาณในการบริหารงานจนถึงวันที่ 15 ก.พ.
+ ภาวะตลาดน้ำมัน : WTI ปรับขึ้น รับข่าวสหรัฐแซงชั่นเวเนซูเอลา
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 56 เซนต์ หรือ 1.1% ปิดที่ 53.69 ดอลลาร์/บาร์เรล
# สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 55 เซนต์ หรือ 0.9% ปิดที่ 61.64 ดอลลาร์/บาร์เรล
# สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อวันศุกร์ (25 ม.ค.) หลังจากสหรัฐขู่ว่าจะคว่ำบาตรการส่งออกน้ำมันของเวเนซุเอลา ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวอาจส่งผลให้เกิดภาวะอุปทานน้ำมันตึงตัวในตลาดโลก โดยข่าวดังกล่าวได้บดบังรายงานสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น
- ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก : ปรับขึ้น หลังดอลลาร์อ่อนค่า
# สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 18.30 ดอลลาร์ หรือ 1.43% ปิดที่1,298.10 ดอลลาร์/ออนซ์
# สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อวันศุกร์ (25 ม.ค.) หลังจากสกุลเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง โดยดอลลาร์ที่อ่อนค่าจะเพิ่มความน่าดึงดูดของทองคำ เนื่องจากทำให้สัญญาทองคำมีราคาถูกลงสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่นๆ
ปัจจัยในประเทศและข่าวหลักทรัพย์
-/+ เงินบาท: แข็งค่ามากต้นปีถึงปัจจุบัน (YTD) +2.5%
# หลักทรัพย์ที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับการส่งออก ที่ได้รับผล sentiment ด้านลบ เช่น กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ได้แก่ KCE, HANA,DELTA, SVI กลุ่มเกษตรอาหาร- ได้แก่ CPF, TU, GFPT, TIPCO, MALEE และหลักทรัพย์ท่องเที่ยวเสียประโยชน์ คือแลกเหรียญเป็นบาทได้น้อยลงเป็น sentiment ลบกับ ERW, CENTEL และ MINT ด้านหลักทรัพย์ได้ประโยชน์คือนำเข้าวัตถุดิบหรือชิ้นส่วนจากต่างประเทศ ได้แก่ TVO, TSTH, IRPC, BCP, SAT, STANLY, AH, COM7, SYNEX และ SISรวมทั้งหลักทรัพย์ที่มีหนี้เงินกู้ต่างประเทศจะมีกำไรอัตราแลกเปลี่ยน ได้แก่ AAV, THAI และ RCL เป็นต้น
-/• ไนท์แฟรงค์ สำรวจปี 61 เปิดขายคอนโดสูงสุดในรอบ 10 ปี
# บริษัท ไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า ตลาดคอนโดมิเนียมกรุงเทพมหานครในปี 2561 ทุบสถิติการเปิดตัวโครงการใหม่สูงสุดในรอบ 10 ปี โดยมีอุปทานใหม่เข้าสู่ตลาดรวมทั้งสิ้นประมาณ 65,000 หน่วย ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 11% ส่งผลให้อุปทานสะสมของคอนโดมิเนียมเฉพาะในกรุงเทพมหานครตั้งแต่ปี 2552 - 2561 อยู่ที่ประมาณ500,000 หน่วย
#สำหรับแนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2562 คาดว่าจะชะลอตัวจากสถานการณ์ตลาดโดยรวม ไม่ว่าจะเป็นนโยบายกำกับดูแลสินเชื่อที่อยู่อาศัยของธนาคารแห่งประเทศไทย การปรับตัวขึ้นของดอกเบี้ยนโยบายภายในประเทศ และภาวะเศรษฐกิจโลกซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อจากต่างประเทศ (Aspen)
# ผลกระทบ: แม้ปี 62 ปีนี้จะมีปัจจัยลบรออยู่ แต่ราคาหุ้นกลุ่มที่อยู่อาศัยก็ปรับตัวลงมาแรง รับข่าวพอสมควรแล้ว เราเห็นว่าหลักทรัพย์ที่มีราคาต่ำกว่าพื้นฐาน (Undervalue) ปันผลอยู่ในเกณฑ์ดี ขณะที่มีอัตราการเติบโตของกำไรที่ดีแนะนำ ซื้อ สำหรับ ANAN ราคาพื้นฐาน 4.90 บาท และ ORI ราคาพื้นฐาน 11.70 บาท
-/• ธปท.ชี้แจงหลักเกณฑ์แนวทางกำกับดูแลสินเชื่อทะเบียนรถ
# ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท.ได้จัดเวทีชี้แจงถึงหลักเกณฑ์ที่ ธปท.จะใช้เป็นแนวทางการกำกับดูแลสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน เพื่อให้ผู้ประกอบธุรกิจปล่อยสินเชื่อได้รับทราบถึงแนวทางและกติกาที่ชัดเจนในระหว่างที่ยังรอให้หลักเกณฑ์ดังกล่าวลงประกาศในราชกิจจานุเบกษา ซึ่งคาดว่าจะเริ่มมีผลบังคับใช้ราวปลายเดือน ม.ค. หรือต้นเดือน ก.พ.62
# "เงินติดล้อ" พร้อมดำเนินการมาตรการสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นหลักประกัน ยันยึดแนวทาง Market Conduct ตามที่ธปท.กำหนด
# ผลกระทบ: บริษัทในตลาดฯ ที่ปฏิบัติตามเกณฑ์ ธปท. ไม่ได้เป็นพิโกไฟแนนซ์ที่จะถูกจำกัดวงเงินและเขตการปล่อยสินเชื่อ ก็คือ MTC และ SAWAD ยังคงคำแนะนำ ซื้อ MTC ราคาพื้นฐาน 63.00 บาท และ ถือ SAWAD ราคาพื้นฐาน50.00 บาท
นักวิเคราะห์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : [email protected]