- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 25 January 2019 20:26
- Hits: 10325
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
“ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐออกมาแกร่ง หุ้นเอเซียบวก”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : --
ภาวะตลาดและปัจจัย : SET วานนี้ +3.15 จุด ปิดที่ 1620.53 จุด มูลค่าการซื้อขายหนาแน่นที่ 60.8 พันล้านบาท สอดคล้องกับตลาดหุ้นเพื่อนบ้านแต่SET อัตราปรับขึ้นน้อยกว่า ที่ปรับขึ้นได้เพราะผลประกอบการบริษัทสหรัฐออกมาดี แต่ระหว่างวันมีแรงขายทำกำไร เนื่องจากรับข่าวดี เรื่องกำหนดวันเลือกไทยไปก่อนหน้าส่วนหนึ่งแล้ว ด้านผู้ขายสุทธิคือ รายย่อย 4.7 พันลบ. และพอร์ตโบรกเกอร์ขายเล็กน้อย ส่วนผู้ซื้อสุทธิเป็น ต่างชาติ 3.9 พันลบ.และสถาบัน 1.4 พันลบ. ด้านแนวโน้มตลาดและกลยุทธ์วันนี้คือ
# ระยะสั้นคาด SET จะ Sideways ทางบวก เพราะตัวเลข PMI และการขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกสหรัฐออกมาดี ตลาดหุ้นเพื่อนบ้านเช้านี้ปรับขึ้นถ้วนหน้า กพช.ประกาศทั้งต่ออายุ SPP และแผนรับซื้อไฟฟ้า 20 ปี ส่งผลดีต่อหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า บาทแข็งค่า ดัชนีความกลัวลด
# ด้านปัจจัยลบคือ ยังกังวลความไม่แน่นอนสงครามการค้า และปัญหา Shut Down ล่าสุดวุฒิสภาตีตกร่างกฎหมาย 2 ฉบับ
# กลยุทธ์ คือ ระยะสั้น หากมีการรีบาวด์ต่อ เก็งกำไรรอบสั้นได้แนวต้านเป็น 1630-1640 จุด ด้านการซื้อลงทุนระยะกลาง รออ่อนตัว ด้านแนวรับเป็น1560-1550 จุด ส่วนดัชนีฯเป้าหมายทางพื้นฐานปี 2562 ยังเป็น 1780 จุด (+0.5 SD) ด้วยคาดการณ์อัตราการเติบโตกำไรปี 61-62 ที่ +8%/+6%ตามลำดับ แนะนำทยอยสะสมหุ้นพื้นฐานดี หุ้น Top Pick ในงวด 1Q62 คือ AOT,BBL,CPALL,HANA,PTT และ WHA
# หุ้นเด่น CPN : วางแผนมีอัตราการเติบโต CAGR รายได้ระหว่างปี 61-66 เป็น 13% จะมีการเปิดศูนย์การค้าใหม่อีก 5 แห่ง รวมเป็น 47 แห่งสำนักงานให้เช่าอีก 2 แห่ง และโรงแรมอีก 10 แห่ง รวมทั้งโครงการที่อยู่อาศัยปีละ 3-5 แห่ง วางแผนให้รายได้ในส่วนที่ไม่ได้เป็นหลัก เป็น 15% ในปี2566 จากระดับ 8% ในงวดปี 61 คงคำแนะนำ ซื้อ ด้วยการเป็นผู้นำศูนย์การค้าไทย กระแสเงินสดแข็งแกร่ง แผนขยายธุรกิจที่ชัดเจน และทีมผู้บริหารมีความสามารถสูง ด้วยราคาพื้นฐานที่ 85.00 บาท ซึ่งประเมินด้วยวิธี DCF ราคาปิดเสนอส่วนเพิ่มได้อีกที่ 10%
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ระยะสั้น สัญญาณ Candlestick & Indicators (ยัง) เป็น (แค่)บวกเล็กๆ {“ปิดบวก”ไม่มาก, เหนือ“SMA10วัน”ต่อ (แต่ยังมี“โครงสร้างขาลง – ระยะกลาง”กดดัน)} ชี้ความน่าจะเป็นของตลาดฯวันนี้“แกว่ง”แบบเริ่มให้น้ำหนักกับการลง แต่“ค่าบวก” จะช่วยให้มีรีบาวด์ฯสั้นๆต่อก่อน(แล้วจึงลงต่ำ,ตามมา)ได้ แนวต้าน 1630 (หรือ 1640) จุด {แนวตัดขาดทุน “ต่ำกว่า 1600” จุด}
นักกลยุทธ์&นักวิเคราะห์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : [email protected]
Inside Story
Key Drivers TODAY : ปัจจัยต่างประเทศ / ปัจจัยในประเทศ
Industry Focus : กลุ่มธนาคารพาณิชย์
Stock in Focus : AEONTS - แนวโน้มการเติบโตดีทั้งในประเทศและต่างประเทศ
Company Guide : HREIT (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 8.05)
In The News : ข่าวเด่นวันนี้
Turnover List Watch : คาด SMM มีโอกาสสูงติด Cash Balance แล้ว
Key Drivers TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
+ สหรัฐ : ตัวเลขล่าสุดออกมาแกร่ง ทั้ง PMI และการขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก
# ไอเอชเอส มาร์กิตระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐ ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 54.5 ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 2 เดือน หลังจากแตะระดับ 54.4 ในเดือนธ.ค. โดยได้รับแรงหนุนจากการดีดตัวของคำสั่งซื้อใหม่ ขณะที่ความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจฟื้นตัวขึ้นจากระดับต่ำสุดในรอบ 1 ปี แม้ว่าการจ้างงานได้ชะลอตัวลง
# ทางด้านกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 13,000 ราย สู่ระดับ 199,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่กลางเดือนพ.ย.2512 ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 220,000 ราย
- สหรัฐ : กังวลความไม่แน่นอนการเจรจาการค้า สหรัฐ-จีน
# นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนของการเจรจาการค้าระหว่างสองชาติมหาอำนาจทางเศรษฐกิจอย่างจีนและสหรัฐ หลังจากนายวิลเบอร์ รอสส์ รัฐมนตรีพาณิชย์สหรัฐได้ออกมายอมรับว่า สหรัฐยังคงจากการบรรลุ "ห่างเป็นไมล์ๆ"ข้อตกลงการค้ากับจีน โดยระบุว่า ประเด็นที่เป็นอุปสรรคต่อการเจรจาการค้ากับจีน ได้แก่ การที่สหรัฐขาดดุลการค้าจำนวนมากต่อจีน, การที่จีนมีแผนที่จะครอบครองอุตสาหกรรมเทคโนโลยีชั้นสูงในปี 2025 และการที่จีนควรเปิดตลาดให้แก่บริษัทสหรัฐเพื่อให้เข้าสู่ตลาดได้อย่างเท่าเทียมกัน
# ทั้งนี้ นายรอสส์แสดงความเห็นว่า รัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จะต้องทำการปฏิรูปโครงสร้าง และกำหนดบทลงโทษ เพื่อให้มีการเริ่มต้นความสัมพันธ์ทางการค้ากับจีนอีกครั้ง
- สหรัฐ: ปัญหาการ Shut Down วุฒิสภาปฏิเสธการรับรองร่างกฎหมายงบประมาณ
# ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ชัตดาวน์ในสหรัฐ หลังจากวุฒิสภาสหรัฐปฏิเสธการรับรองร่างกฎหมายงบประมาณทั้ง 2 ฉบับ โดยฉบับหนึ่งเป็นร่างกฏหมายที่รวมงบประมาณสำหรับสร้างกำแพงกั้นชายแดนเม็กซิโกวงเงิน 5.7 พันล้านดอลลาร์ตามคำเรียกร้องของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ส่วนอีกฉบับหนึ่งเป็นร่างกฎหมายที่สนับสนุนโดยพรรคเดโมแครต โดยที่มีวัตถุประสงค์เพื่อให้หน่วยงานของรัฐบาลที่ถูกชัตดาวน์นั้น มีงบประมาณใช้จ่ายไปจนถึงวันที่ 8 ก.พ.
# ร่างกฎหมายทั้ง 2 ฉบับต่างก็ได้รับคะแนนสนับสนุนไม่ถึง 60 เสียงตามเกณฑ์ที่กำหนดเพื่อให้ร่างกฎหมายผ่านการพิจารณา ส่งผลให้สถานการณ์ชัตดาวน์ในสหรัฐก้าวเข้าสู่วันที่ 35 ซึ่งเป็นระยะเวลาที่ยาวนานที่สุดเป็นประวัติการณ์
-/+ ภาวะตลาดหุ้นสหรัฐ : ดาวโจนส์ปรับลง แต่ Nasdaq และ S&P 500 กลับเพิ่มขึ้น
# ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,553.24 จุด ลดลง 22.38 จุด หรือ -0.09% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่2,642.33 จุด เพิ่มขึ้น 3.63 จุด หรือ +0.14% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,073.46 จุด เพิ่มขึ้น 47.69 จุด หรือ +0.68%
# ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดขยับลงเมื่อคืนนี้ (24 ม.ค.) เนื่องจากความไม่แน่นอนของการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากรัฐมนตรีกระทรวงสหรัฐยอมรับว่า การบรรลุข้อตกลงการค้ากับจีนยังคงอยู่ห่างไกล นอกจากนี้ นักลงทุนยังวิตกกังวลว่าสถานการณ์ชัตดาวน์ในสหรัฐจะยืดเยื้อต่อไป หลังจากวุฒิสภาสหรัฐคว่ำร่างกฎหมายงบประมาณ 2ฉบับ อย่างไรก็ตาม ดัชนี Nasdaq และ S&P500 ดีดตัวขึ้นปิดในแดนบวก โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี และผลประกอบการที่สดใสของบริษัทจดทะเบียน
+/- ภาวะตลาดน้ำมัน : WTI ปรับขึ้น แต่ Brent กลับปรับลง
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 51 เซนต์ หรือ 1% ปิดที่ 53.13 ดอลลาร์/บาร์เรล
# สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 5 เซนต์ หรือประมาณ 0.09% ปิดที่ 61.09 ดอลลาร์/บาร์เรล
# สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (24 ม.ค.) หลังจากสหรัฐขู่ว่าจะคว่ำบาตรการส่งออกน้ำมันของเวเนซุเอลา ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวอาจส่งผลให้เกิดภาวะอุปทานน้ำมันตึงตัวในตลาดโลก อย่างไรก็ตามตลาดน้ำมันได้รับปัจจัยกดดันจากรายงานที่ว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐพุ่งขึ้นสวนทางกับตัวเลขคาดการณ์ในสัปดาห์ที่ผ่านมา
+ ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก : ปรับลง หลังดอลลาร์แข็งค่า
# สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. ลดลง 4.20 ดอลลาร์ หรือ 0.33% ปิดที่1,279.8 ดอลลาร์/ออนซ์
# สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (24 ม.ค.) โดยได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์นอกจากนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ ซึ่งรวมถึงจำนวนผู้ขอสวัสดิการว่างงานที่ลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 50 ปีนั้น ยังส่งผลให้นักลงทุนลดการถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
ปัจจัยในประเทศและข่าวหลักทรัพย์
+ บอร์ด กพช.เห็นชอบต่ออายุโรงไฟฟ้า SPP ด้าน BGRIM ตอบรับเพิ่มโรงไฟฟ้า 3 โรงเพื่อทดแทนโรงเดิม
# รมว.พลังงาน เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เห็นชอบการปรับปรุงช่วงเวลาการสิ้นสุดอายุสัญญาของ SPP ระบบ Cogeneration กลุ่มต่ออายุสัญญาให้ครอบคลุม SPP ระบบ Cogeneration เป็นปี2559 - 2561 เพื่อให้สอดคล้องตามเจตนารมณ์ของมติ กพช. เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2559 ประเภทสัญญา Firm ระบบCogeneration จำนวน 25 ราย (Aspen)
# บริษัท BGRIM เตรียมจะใช้เงินลงทุนราว 1.65 หมื่นล้านบาท เพื่อสร้างโรงไฟฟ้าเอกชนขนาดเล็ก (SPP) ขึ้นมาใหม่ 3แห่งเพื่อทดแทนโรงไฟฟ้า SPP ที่หมดอายุสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับภาครัฐ โดยคาดว่าโรงไฟฟ้าทดแทนทั้ง 3 แห่ง จะเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าเขิงพาณิชย์ (COD) ได้พร้อมกันในปี 65 นอกจากนี้ยังให้ความสนใจประมูล SPP 1 จาก GLOW
# ผลกระทบ: ระยะสั้น อาจมีแรงขายเมื่อมีข่าวดีจริง (Sell on Fact) เพราะเก็งกำไรมาก่อนหน้า แต่ระยะกลาง-ยาวดี ได้ทำธุรกิจเพิ่ม มีผลตอบแทนที่สูงขึ้นในอนาคต
+ กพช.อนุมัติแผน PDP รับซื้อไฟฟ้า 56,431 เมกะวัตต์
# ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) กล่าวว่า กพช.เห็นชอบแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศ พ.ศ. 2561-2580 (PDP 2018) ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ โดยการทบทวนสถานการณ์กำลังผลิตไฟฟ้าในปัจจุบันและได้จัดทำการพยากรณ์ความต้องการใช้ไฟฟ้าระยะยาว 20 ปี โดยกำลังการผลิตไฟฟ้าใหม่ตามแผน PDP จากปี 61-80 รวมกำลังการผลิตทั้งสิ้น 56,431 เมกะวัตต์
+ การเมืองไทย: พรรคการเมืองออกหาเสียงได้ทันที หลัง พ.ร.ฎ.เลือกตั้งออกมา
# นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายกฎหมาย กล่าวว่า หลังมีพระราชกฤษฎีกาประกาศให้มีการเลือกตั้ง ส.ส.เป็นการทั่วไป พ.ศ. 2562 แล้ว ตามกฏหมายนักการเมืองจะสามารถหาเสียงได้ทันที ซึ่งกระบวนการหาเสียงก็สามารถทำได้เต็มที่ ตามระเบียบที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กำหนดไว้ และการคิดค่าใช้จ่ายในการหาเสียงก็จะเริ่มทันทีส่วนการหาเสียงผ่านโซเชียลมีเดียต้องสอบถามความชัดเจนจาก กกต.เอง
+ คาดการส่งออกสินค้าประมงไทยไป EU มีโอกาสจะพลิกขยายตัวเป็นบวกในรอบ 8 ปี
# ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่า จากการที่สหภาพยุโรป (EU) เพิกถอนสถานะใบเหลืองให้ไทย หลังผลการแก้ไขปัญหา IUUFishing เป็นรูปธรรม น่าจะเป็นหนึ่งปัจจัยที่ช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์การส่งออกสินค้าประมงไปยังตลาด EU ให้ปรับตัวดีขึ้น โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า หากไม่มีปัจจัยที่ส่งผลกระทบรุนแรงต่อการผลิตสินค้าประมง โดยเฉพาะปัญหาภัยธรรมชาติ โรคระบาด มูลค่าการส่งออกสินค้าประมงของไทยไปยังตลาด EU ปี 2562 น่าจะมีโอกาสพลิกกลับมาอยู่ในแดนบวกได้อีกครั้งในรอบ 8 ปี คิดเป็นมูลค่าประมาณ 400-410 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือขยายตัว 0.0-2.0% (YoY)
# ผลกระทบ: หลักทรัพย์ที่ยังคงได้ประโยชน์คือ TU, ASIAN และ CFRESH ด้านหลักทรัพย์ที่ DBSVTH วิเคราะห์ และแนะนำ ซื้อ คือ TU ราคาพื้นฐาน 19.70 บาท และ ASIAN ราคาพื้นฐาน 10.95 บาท
นักวิเคราะห์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : [email protected]