ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index วานนี้ปรับตัวขึ้น 3.15 จุด (+0.19%) ปิดที่ 1,620 จุด มูลค่าการซื้อขาย 6 หมื่นล้านบาท ตอบรับวันเลือกตั้งที่ชัดเจน 24 มี.ค. รวมถึงกพช. ผ่านแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้า PDP ฉบับใหม่ อย่างไรก็ตามมีแรงขายทำกำไรระยะสั้นกดดันหลังดัชนีดีดตัวขึ้นแรง 2 – 3 วันก่อนหน้านี้ ส่งผลให้ดัชนีปิดบวกเล็กน้อย ทั้งนี้นักลงทุนต่างชาติพลิกกลับเป็นซื้อสุทธิ 3,877 ล้านบาท แต่ขายสุทธิในตลาดพันธบัตร 4,233 ล้านบาท และ Net Short TFEX 4,795 สัญญา

แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้ : คาด SET Index พักตัวในกรอบ 1,615 – 1,630 จุด เนื่องจากแม้ว่าภาวะตลาดจะได้ปัจจัยบวกจากภาวะการเมืองภายในที่ชัดเจนหลัง กกต.ประกาศวันเลือกตั้ง 24 มี.ค. รวมถึงราคาน้ำมันดิบที่รีบาวด์ขึ้น อย่างไรก็ตามการที่ดัชนีดีดตัวตอบรับข่าวบวกภายในประเทศไประดับหนึ่งแล้ว ประกอบกับปัจจัยภายนอกยังมีความไม่แน่นอนโดยรมต.พาณิชย์สหรัฐเผยว่า การเจรจาข้อตกลงทางการค้าระหว่างสหรัฐ-จีนยังอยู่ห่างไกลโดยเฉพาะประเด็นการขาดดุลการค้าต่อจีนจำนวนมาก การที่จีนมีแผนจะครอบครองอุตสาหกรรมเทคโนโลยีชั้นสูงในปี 2025 และการเปิดเข้าสู่ตลาดจีน นอกจากนี้ภาวะ Shutdown ของสหรัฐที่ยังคงยืดเยื้อต่อไปหลังวุฒิสภาปฏิเสธการรับรองร่างกฏหมายงบประมาณทั้ง 2 ฉบับซึ่งเป็นแรงกดดันให้ดัชนีมีความผันผวน

•    STEC, AMATA, WHA ได้ประโยชน์ภาวะการเมืองปลดล็อคและวันเลือกตั้งที่ชัดเจน

•    กลุ่มท่องเที่ยวและโรงแรม (AOT, MINT, CENTEL, ERW) ครม.ขยายเวลามาตรการฟรีค่าธรรมเนียมวีซ่า (VOA) ถึงวันที่ 30 เม.ย.19 และคาดจำนวนนทท.จีนขยายตัวขึ้นในช่วงเทศกาลตรุษจีน

•    กลุ่มค้าปลีก (CPALL, ROBINS, HMPRO) ได้ประโยชน์เม็ดเงินที่จะสะพัดมากขึ้นในช่วงก่อนการเลือกตั้ง

•    หุ้น Defensive Stock ในช่วงตลาดผันผวน (BEM, BGRIM, TPIPP และ TTW)

•    กลุ่มอาหาร (TU, ASIAN) EU ปลดธงเหลืองต่อการนำเข้าสินค้าประมงของไทย (CPF, GFPT) อานิสงส์ราคาไก่และ By product ปรับตัวขึ้น

หุ้นแนะนำวันนี้ : AMATA (ปิด 22.1 ซื้อเก็งกำไร/เป้า Consensus 27.5) คาดกำไร 4Q18 ออกมาดี จากยอดขายและยอดโอนที่สูงขึ้นแบบก้าวกระโดด ขณะที่ กกต.ประกาศวันเลือกตั้งอย่างเป็นทางการเป็นบวกต่อหุ้นที่เกี่ยวข้อง อาทิ นิคมฯ และ ค้าปลีก, ERW (ปิด 7 ซื้อเก็งกำไร/เป้า 8.2) รับผลบวกจากภาครัฐขยายเวลาฟรีค่าธรรมเนียมวีซ่า (VOA) ไปถึงเดือน เม.ย. หนุนนักท่องเที่ยวกลับมาฟื้นตัวโดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวจีน ด้านผลประกอบการคาดกำไร 4Q18 ฟื้นตัวเด่นจาก high season, SCB (ปิด 130 ซื้อเก็งกำไร/เป้า 140 บาท) ราคาหุ้นลดลงแรงสะท้อนผลประกอบการที่อ่อนแอในช่วง 4Q18 ไปแล้ว แนะนำเก็งกำไรคาดหวังเกิด Technical rebound ในช่วงสั้น ราคายัง Laggard เมื่อเทียบกับกลุ่ม

Top picks ปี 2019 : BGRIM, CPALL, EA, EPG, JMT และ ROBINS

KSS report วันนี้ : BANPU (ปิด 16.9 ซื้อ/เป้าใหม่ 22 จาก 24), Thailand Strategy

ประเด็นสำคัญวันนี้ :          

•    (-) US Shutdown ยังไม่จบ เมื่อคืนวุฒิสภาสหรัฐคว่ำร่างกฏหมายเพื่อยุติชัตดาวน์ทั้ง 2 ฉบับ : วุฒิสภาสหรัฐโหวตคว่ำร่างกฏหมายงบประมาณเพื่อแก้ไขปัญหาชัตดาวน์ของสหรัฐทั้ง 2 ฉบับ คือ 1)ร่างกฏหมายงบประมาณสำหรับสร้างกำแพงกั้นชายแดนเม็กซิโกวงเงิน 5.7 พันล้านดอลลาร์ตามคำเรียกร้องของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และ 2) ร่างกฏหมายงบประมาณเพื่อให้หน่วยงานที่ถูกปิดกลับมาดำเนินการปกติ และมีงบประมาณใช้จ่ายได้ถึงวันที่ 8 ก.พ. ซึ่งการคว่ำร่างกฏมายดังกล่าวส่งผลให้หน่วยงานบางส่วนของสหรัฐปิดทำการรวมเป็นวันที่ 35 นับเป็นช่วงเวลานานสุดเป็นประวัติการณ์

•    (-) เจรจา จีน –สหรัฐ ส่อแววยืดเยื้อ หลังจาก รมว.สหรัฐยอมรับการแก้ปัญหาข้อพิพาทการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐยังห่างไกลความเป็นจริง : เจรจา จีน – สหรัฐ เกิดความไม่แน่นอนอีกครั้ง หลังจากนายวิลเบอร์ รอสส์ รมว.กระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐยอมรับว่าการเจรจาระหว่างจีนกับสหรัฐเพื่อยุติข้อพิพาททางการค้ายังห่างไกลความเป็นจริง เนื่องจากยังมีประเด็นที่เป็นอุปสรรคหลายเรื่อง อาทิ 1) ตัวเลขขาดดุลระหว่างสหรัฐกับจีนมันมากเกินไป 2) จีนมุ่งมั่นเกินไปที่จะเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีขั้นสูง และ 3) จีนยังไม่ให้ความเท่าเทียมสำหรับการเปิดตลาดให้ภาคการค้าจากสหรัฐ โดยนายวิลเบอร์ เสนอให้รัฐบาล เตรียมปฏิรูปโครงสร้าง และ ออกบทลงโทษกับจีนเพื่อให้กับสู่การเจรจาอีกครั้ง

•    (+) กพช.เห็นชอบแผน PDP ฉบับใหม่รับซื้อไฟฟ้ารวมกว่า 56,431 MW และ เห็นชอบต่ออายุสัญญาโรงไฟฟ้า SPP 2,974 MW เรายังเลือก BGRIM เป็น Top pick : โดยแผน PDP ฉบับใหม่ไม่ต่างไปจากช่วงเปิดทำประชาพิจารณ์ โดยมุ่งเน้นกำลังการผลิตไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติมากขึ้น โดยจากแผนใหม่มีประเด็นบวกหลักต่อผู้ประกอบการ 2 ส่วนคือ 1)เปิดให้มีโรงไฟฟ้าใหม่ทดแทน 8,300 MW เป็นบวกต่อ โรงไฟฟ้า IPP (EGCO RATCH GLOW และ GULF) จากการเปิดประมูลให้มีโรงไฟฟ้าใหม่ และ 2)เห็นชอบให้ต่ออายุสัญญาโรงไฟฟ้า SPP กำลังการผลิต 2,974 MW ที่จะสิ้นสุดอายุสัญญาในปี 2016-2025 เป็นบวกต่อกลุ่มโรงไฟฟ้า SPP (GLOW BGRIM และ EGCO) โดยทั้ง 2 ประเด็นเรามองกลุ่มโรงไฟฟ้า SPP ดูน่าสนใจที่สุดเนื่องจากได้ประโยชน์ค่อนข้างเร็ว 1-3 ปี ต่างจากกลุ่ม IPP ที่แผนการผลิตอยู่ในช่วง 5-10 ปีข้างหน้า ประกอบกับจำนวน MW ที่เปิดประมูลในช่วงแรกค่อนข้างต่ำคิดเป็นสัดส่วนน้อยเมื่อเทียบกับกำลังการผลิตรวม

•    (+/-) กลุ่มไฟแนนซ์ วันนี้ติดตาม ธปท.ชี้แจงเกณฑ์ควบคุมสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นหลักประกัน คาดกระทบผู้ประกอบการ TISCO MTC และ SAWAD ไม่มาก : คงมุมมองเดิมคาดเกณฑ์ใหม่จะไม่กระทบผู้ประกอบการในระบบ อาทิ TISCO, MTC และ SAWAD เนื่องจากเป็นเกณฑ์ที่มุ่งเน้นสำหรับแก้ปัญหาผู้ประกอบการนอกระบบที่คิดอัตราดอกเบี้ยสูงเกินจริงและไม่เป็นธรรมกับผู้บริโภคมากกว่า