- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 24 January 2019 18:26
- Hits: 4111
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
Daily Trading Focus
“เก็งกำไรหุ้นเลือกตั้ง แต่รับข่าวไปบ้างแล้ว”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : --
ภาวะตลาดและปัจจัย : SET วานนี้โดดเด่น +15.61 จุด ปิดที่ 1617.38 จุด มูลค่าการซื้อขายหนาแน่นขึ้นที่ 67.9 พันล้านบาท สวนทางกับตลาดหุ้นเพื่อนบ้านที่ส่วนใหญ่ปรับลง เพราะปัจจัยต่างประเทศยังเป็นลบ แรงกระตุ้นดัชนีคือ การออก พ.ร.ฎ.เลือกตั้ง และกกต.ก็ประกาศวันเลือกตั้งออกมาวานนี้เลยคือ 24 มี.ค.62 ตามคาด ถือว่าประกาศเร็วเพราะมีเวลา 5 วันหลังออก พรฏ. ด้านผู้ขายสุทธิคือ รายย่อย 6.0 พันลบ. ต่างชาติ 0.7 พันลบ. ส่วนผู้ซื้อสุทธิเป็น สถาบัน 6.4 พันลบ. และพอร์ตโบรกเกอร์ซื้อเล็กน้อย ด้านแนวโน้มตลาดและกลยุทธ์วันนี้คือ
# ระยะสั้นคาด SET จะ Sideways ทางบวก รับข่าวกำหนดวันเลือกตั้งแล้ว ในกลุ่มที่เกี่ยวข้อง เช่น รับเหมาฯ นิคมฯ สื่อ และพาณิขย์ เป็นต้น แต่ก็ต้องระวังแรงขายทำกำไร เพราะวานนี้รับข่าวดีไปส่วนหนึ่งแล้ว ปัจจัยต่างประเทศยังคล้ายเดิม แต่ผลประกอบการสหรัฐออกมาดี
# บาทแข็งค่า ส่งผลบวกอีก ตลาดหุ้นเพื่อนบ้านและดาวโจนส์ล่วงหน้าเป็นบวก ดัชนีความกังวล (VIX) ลดลง แต่ปัจจัยลบคือ ราคาน้ำมันลดลง และปัญหาการ Shut Down สหรัฐ ยังไม่ได้รับการแก้ไข อาจกระทบเศรษฐกิจสหรัฐในงวดไตรมาส 1 นี้ได้
# กลยุทธ์ คือ ระยะสั้น หากมีการรีบาวด์ต่อ เก็งกำไรรอบสั้นแนวต้านเป็น 1620-1630 จุด ด้านการซื้อลงทุนระยะกลาง รออ่อนตัว ด้านแนวรับเป็น1550-1540 จุด ส่วนดัชนีฯเป้าหมายทางพื้นฐานปี 2562 ยังเป็น 1780 จุด (+0.5 SD) ด้วยคาดการณ์อัตราการเติบโตกำไรปี 61-62 ที่ +8%/+6%ตามลำดับ แนะนำทยอยสะสมหุ้นพื้นฐานดี หุ้น Top Pick ในงวด 1Q62 คือ AOT,BBL,CPALL,HANA,PTT และ WHA
# หุ้นเด่น TISCO : คาดการณ์กำไรสุทธิปี 62 โตน่าพอใจเป็น 8.5% โดยให้สมมติฐานสินเชื่อโต 4%, NIM 4%, รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยหดตัว 2% และสัดส่วน Cost-to-income 43% และการตั้งสำรองฯ 0.9% ของสินเชื่อรวม แนะนำซื้อ ให้ราคาพื้นฐาน 102 บาท เทียบเท่ากับ P/BV ปี 62 ที่ 2.0 เท่าคาดการณ์ Dividend Yield ปี 61-62 ปีละ 7% สำหรับปัจจัยที่อาจกลับมาดีกว่าคาด (Upside Risks) คือ 1. การตั้งสำรองฯต่ำกว่าที่เราประมาณการและ 2. รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยเติบโตมากกว่าคาด
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ระยะสั้น สัญญาณ Candlestick & Indicators (ยัง)เป็น(แค่)บวกเล็กๆต่อ {“ปิดบวกแรง”เหนือ“SMA10วัน”ต่อเนื่อง (แต่ยังมี“โครงสร้างขาลง – ระยะกลาง”กดดัน)} ชี้ความน่าจะเป็นของตลาดฯวันนี้“แกว่ง”แบบมีรีบาวด์ฯสั้นๆต่อก่อน(แล้วจึงลงต่ำ,ตามมา)ได้ แนวต้าน 1620 –1630 (หรือ 1640) จุด {แนวตัดขาดทุน “ต่ำกว่า 1600” จุด}
ส่วนหุ้นเข้ามาใหม่มีสัญญาณบวกทางเทคนิคหรือมีโอกาสทำ New High ได้ คือ TISCO,STPI,WHA,GULF,MEGA,AH,RJH ด้านหุ้นที่ยังอยู่ใน List คือBANPU,TU,VNT,DCC,JWD สำหรับหุ้นที่หลุด List ไม่มี และหุ้นอยู่ในพื้นที่หาจังหวะ Take Profit คือ STEC,BCH,ERW
นักกลยุทธ์&นักวิเคราะห์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : [email protected]
Inside Story
Key Drivers TODAY : ปัจจัยต่างประเทศ / ปัจจัยในประเทศ
Company Guide : BJC (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 60.00)
In The News : BEAUTY : ได้ประโยชน์จากภาคท่องเที่ยวฟื้นตัว & ขยายช่องทางการตลาด
TKS : ตัวเต็งคว้างานพิมพ์บัตรเลือกตั้งชนิดพิเศษ
ข่าวเด่นวันนี้
Turnover List Watch : คาด SMM มีโอกาสสูงติด Cash Balance แล้ว
Key Drivers TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
+/- สหรัฐ : อยู่ในช่วงประกาศผลประกอบการ
# ตลาดหุ้นสหรัฐดีดตัวขึ้นขานรับผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ ซึ่งรวมถึง P&G บริษัทจำหน่ายสินค้าเพื่อผู้บริโภค, คอมแคสต์ บริษัทสื่อยักษ์ใหญ่ของสหรัฐ, อินเตอร์เนชั่นแนล บิสซิเนส แมชชีน (IBM) บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่และยูไนเต็ด เทคโนโลยีส์ บริษัทยักษ์ใหญ่ในภาคอุตสาหกรรมสหรัฐ ซึ่งเป็นผู้ผลิตเครื่องยนต์สำหรับเครื่องบินของแพรทท์แอนด์ วิทนีย์, เครื่องปรับอากาศของแคร์เรียร์ และลิฟท์ของโอติส
# ติดตามบริษัทขนาดใหญ่ที่ตลาดให้ความสนใจ ที่จะทยอยประกาศออกมา ว่าจะดีหรือต่ำกว่าคาด
- สงครามการค้า: ติดตามความคืบหน้าผลการเจรจาที่จะเกิดขึ้นปลายเดือนนี้
# นักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาทการค้าระหว่างสหรัฐและจีน โดยหากจีนและสหรัฐไม่สามารถตกลงกันได้เกี่ยวกับแนวทางแก้ไขปัญหาที่ถาวร ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ก็จะเพิ่มการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนมูลค่า 2 แสนล้านดอลลาร์ สู่ระดับ 25% จากเดิม 10% ในขณะนี้
- สหรัฐ: ปัญหาการ Shut Down ยังไม่ได้รับการแก้ไข
# นักลงทุนยังวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ชัตดาวน์หน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐที่ย่างเข้าสู่วันที่ 34 ขณะที่นายเควิน แฮสเซทท์ ประธานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจของปธน.ทรัมป์ กล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐอาจขยายตัวที่ระดับ 0% ในไตรมาสแรกปีนี้ หากภาวะชัตดาวน์ยังคงยืดเยื้อต่อไป
# นักลงทุนจับตาวุฒิสภาสหรัฐเตรียมโหวตร่างกฎหมายงบประมาณ 2 ฉบับในวันนี้ ซึ่งมีเป้าหมายที่จะยุติปัญหาชัตดาวน์โดยร่างกฎหมายฉบับหนึ่งจะรวมงบประมาณสำหรับสร้างกำแพงกั้นชายแดนเม็กซิโกวงเงิน 5.7 พันล้านดอลลาร์ ส่วนอีกฉบับหนึ่งจะเป็นร่างกฎหมายที่มีวัตถุประสงค์เพื่อให้หน่วยงานของรัฐบาลมีงบประมาณใช้จ่ายไปจนถึงวันที่ 8 ก.พ.อย่างไรก็ตาม คาดว่าร่างกฎหมายทั้ง 2 ฉบับอาจเผชิญกับความไม่แน่นอนในวุฒิสภา โดยร่างกฎหมายแต่ละฉบับจำเป็นจะต้องได้รับการโหวต 60 เสียง จึงจะสามารถผ่านการพิจารณาได้
+ ภาวะตลาดหุ้นสหรัฐ : ดัชนีปรับขึ้น ผลประกอบการบางบริษัทดีกว่าคาด
# ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,575.62 จุด เพิ่มขึ้น 171.14 จุด หรือ +0.70% ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปิดที่7,025.77 จุด เพิ่มขึ้น 5.41 จุด หรือ +0.08% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,638.70 จุด เพิ่มขึ้น 5.80 จุด หรือ +0.22%
# ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (23 ม.ค.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ ซึ่งรวมถึงพรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล (P&G) และยูไนเต็ด เทคโนโลยีส์ อย่างไรก็ตาม ตลาดยังคงได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาทการค้าระหว่างสหรัฐและจีน รวมทั้งสถานการณ์ชัตดาวน์ในสหรัฐที่ยืดเยื้อมาเป็นเวลานานกว่า 1 เดือน
- ภาวะตลาดน้ำมัน : ปรับลง เพรากังวลเศรษฐกิจโลกชะลอ ฉุดความต้องการน้ำมัน
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 39 เซนต์ หรือ 0.7% ปิดที่ 52.62 ดอลลาร์/บาร์เรล
# สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 36 เซนต์ หรือ 0.6% ปิดที่ 61.14 ดอลลาร์/บาร์เรล
# สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดขยับลงเมื่อคืนนี้ (23 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลว่าการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกอาจส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้พลังงาน อย่างไรก็ตาม ตลาดได้รับแรงหนุนในระหว่างวัน จากรายงานข่าวที่ว่าสหรัฐเตรียมคว่ำบาตรน้ำมันของเวเนซุเอลา ซึ่งจะส่งผลให้อุทานน้ำมันตลาดโลกอยู่ในภาวะตึงตัว
- ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก : ปรับขึ้นเล็กน้อย หลังดอลลาร์อ่อนค่า
# สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 60 เซนต์ หรือ 0.05% ปิดที่1,284.00 ดอลลาร์/ออนซ์
# สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (23 ม.ค.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม สัญญาทองคำขยับขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เนื่องจากนักลงทุนบางส่วนได้ลดการถือครองทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย และเข้าลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง เช่นหุ้น หลังจากตลาดหุ้นสหรัฐดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้
ปัจจัยในประเทศและข่าวหลักทรัพย์
+ กกต.กำหนดวันเลือกตั้งแล้วเป็น 24 ก.พ.2562
# นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แถลงว่า ที่ประชุม กกต.วานนี้มีมติให้จัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) เป็นการทั่วไปในวันที่ 24 มี.ค.62 โดยจะเปิดรับสมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้งในระหว่างวันที่ 4-8 ก.พ.62 ประกาศรายชื่อผู้สมัคร ส.ส.วันที่ 15 ก.พ.62 ทั้งนี้ จะจัดให้ลงคะแนนเสียงนอกราชอาณาจักรวันที่ 4-16 มี.ค.62 และลงคะแนนนอกเขตเลือกตั้งวันที่ 17 มี.ค.62 ซึ่งจะประกาศในราชกิจจานุเบกษาในวันนี้ (Aspen)
# ส่วนการประกาศรับรองผลการเลือกตั้งจะสามารถทำได้ก่อนวันที่ 9 พ.ค.หรือไม่นั้น ประธาน กกต.กล่าวว่า ในขณะนี้ขอกำหนดวันที่จะนำไปสู่วันเลือกตั้งก่อน
# ผลกระทบ: เมื่อวันเลือกตั้งชัดเจนขึ้น ก็มีโอกาสจะมาเก็งกำไรหลักทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง ได้แก่ รับเหมาก่อสร้าง นิคมอุตสาหกรรม สื่อที่ใช้ในการเลือกตั้ง และกลุ่มพาณิชย์ เป็นต้น
-ธปท.เห็นพ้อง IMF ศก.โลกปีนี้ชะลอลงจากผลกระทบสงครามการค้า-ปัญหาการเมืองในยุโรป
# นายดอน นาครทรรพ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า การชะลอลงของเศรษฐกิจโลก เป็นสาเหตุหลักที่ ธปท.ปรับลดประมาณการการส่งออกสินค้า และอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยทั้งในปีที่แล้วและปีนี้ลง โดยในปีนี้ ธปท.มองอัตราการขยายตัวของมูลค่าการส่งออกที่ 3.8% ต่ำกว่าเป้าหมายของกระทรวงพาณิชย์
# อย่างไรก็ดี มีข้อสังเกตว่า IMF คาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปี 63 ไว้ที่ 3.6% ซึ่งสูงกว่า 3.5% ในปีนี้เล็กน้อย ซึ่งบ่งชี้ว่า IMF ไม่ได้มองว่าเศรษฐกิจโลกจะชะลอลงต่อเนื่อง (Aspen)
-ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม ธ.ค.61 อ่อนลง
# สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เผยดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือน ธ.ค.61 อยู่ที่ระดับ 93.2 ลดลงจาก 93.9 ในเดือนพ.ย.61 เนื่องจากผู้ประกอบการเร่งผลิตสินค้าไปแล้วในเดือน พ.ย.61 เพื่อชดเชยวันทำงานที่น้อยกว่าปกติในช่วงเดือน ธ.ค. ขณะเดียวกันมีความกังวลต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งจะส่งผลให้ต้นทุนทางการเงินของผู้ประกอบการเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะ SMEs นอกจากนี้ ผู้ประกอบการส่งออกยังมีความกังวลต่อการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน ซึ่งส่งผลกระทบต่อคำสั่งซื้อสินค้าของไทย (Aspen)
+/- ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาด เงินสะพัด 13,560 ล้านบาท ช่วงตรุษจีนปีนี้
# ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดตรุษจีนปี 62 เงินสะพัด 13,560 ลบ. เพิ่มขึ้น 0.9% คนกรุงระมัดระวังการใช้จ่าย เน้นประหยัดมากขึ้น อย่างไรก็ตาม เนื่องจากส่วนใหญ่ผู้ร่วมกิจกรรมตรุษจีน เช่น ผู้ที่เซ่นไหว้ มีการจัดเตรียมสำรองค่าใช้จ่ายไว้แล้วและส่วนใหญ่ก็ปรับลดงบประมาณในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเท่าที่จำเป็น ทำให้ได้รับผลกระทบจากปัจจัยด้านกำลังซื้อไม่มากนัก แต่เป็นที่น่าสังเกตว่าสำหรับกลุ่มที่มีรายได้ปานกลางลงล่าง ซึ่งอ่อนไหวต่อปัจจัยด้านกำลังซื้อ ก็อาจปรับลดค่าใช้จ่ายในส่วนกิจกรรมบางอย่างที่ทำได้ (Aspen)
นักวิเคราะห์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : [email protected]