- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 21 January 2019 14:53
- Hits: 1712
บล.เออีซี : Daily Focus
AECS Daily Focus
--------------
Market Outlook
• วันนี้มองดัชนี SET ลุ้นฟื้นตัวทดสอบแนวต้าน 1,600 จุด โดยแม้จะมีแรงกดดันจากการขายทำกำไรในหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ แต่คาดถูกชดเชยปัจจัยบวกภาพการเลือกตั้งมีความชัดเจนมากขึ้น บวกกับเม็ดเงินต่างชาติคงซื้อต่อเนื่องเจ็ดวันติดต่อกันมูลค่ารวมกว่า 1.1 หมื่นล้านบาท มองแนวรับ 1,575 จุด และแนวต้าน 1,600 จุด
Market Factors
• (+) แหล่งข่าวจากบลูมเบิร์กรายงานว่าจีนจะมีการนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ มากขึ้นโดยจะทำให้สหรัฐฯ ขาดดุลการค้าลดลงเหลือศูนย์ในปี 2024
• (-) ระวังแรงขายจากหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์หลังประกาศงบ 4Q61 ออกมาน่าผิดหวัง โดยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ธนาคาร 3 แห่งประกาศงบต่ำกว่า Bloomberg Consensus คาดเฉลี่ย 12.77% ทั้งนี้ BBL ต่ำกว่าคาด 12.43%, KKP ต่ำกว่าคาด 13.88% และ KBANK ต่ำกว่าคาด 12.0%
• (+) นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายกฎหมาย มองว่าวันที่ 24 มี.ค.เป็นวันที่เหมาะสมที่สุดในการจัดการเลือกตั้ง คาดภายในสัปดาห์นี้ประกาศพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ขณะที่ ม.หอการค้าไทย ประเมินว่าเศรษฐกิจไทย ปี 62 จะขยายตัวได้ราว 4.0-4.2% หากมีการเลือกตั้งระดับประเทศ และท้องถิ่นที่จะเกิดขึ้นในช่วงครึ่งปีแรก ซึ่งจะส่งผลให้มีเม็ดเงินสะพัดในช่วงการเลือกตั้งเพิ่มขึ้นกว่า 30,000 ล้านบาท ผลักดันให้ GDP เพิ่มขึ้นจากเดิมได้อีก 0.3%
• (+) นักลงทุนต่างชาติเริ่มเข้าลงทุนในตราสารทุนไทยมากขึ้น โดยเมื่อวานศุกร์ที่ผ่านมาซื้อติดต่อกันเป็นวันที่เจ็ด รวมซื้อสุทธิ 10,929.9 ล้านบาท
Investment Strategy
• สัปดาห์นี้ คาดว่า SET Index จะกลับมาสามารถยืนในแดนบวกและเคลื่อนไหวแบบ Sideway up โดยมีแรงหนุนจากแรงซื้อกลับจากนักลงทุนต่างชาติ เพราะดัชนีหุ้นไทย Laggard สุดในกลุ่ม TIP Market โดย Philippines เทรด Fwd PE ปีนี้ที่ 17.0x, Indonesia เทรด Fwd PE ปีนี้ที่ 14.7x และ ไทยเทรด Fwd PE ปีนี้ที่ 13.7x บวกกับ Sentiment เชิงบวกความชัดเจนในการกำหนดวันเลือกตั้ง ดังนั้นเรายังคงแนะนำ 3 กลุ่มหุ้นเด่น + 1 กลุ่มหุ้นขนาดเล็ก ดังนี้
1. (+) กลุ่มจำนำทะเบียนรถ: รับผลบวกจากกฎระเบียบมีความชัดเจนยิ่งขึ้นหลังธปท. เตรียมจัดประชุมชี้แจงเกณฑ์การกำกับดูแลการประกอบธุรกิจสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นหลักประกันในวันที่ 25 ม.ค. นี้โดยจากข้อมูลสรุปเบื้องต้นของธปท. ระบุถึงการควบคุมผู้ให้บริการในระดับประเทศได้แก่ 1) ผู้ประกอบการต้องมีทุนจดทะเบียนไม่ต่ำกว่า 50 ลบ. 2) ไม่กำหนดวงเงินสินเชื่อขึ้นอยู่กับความสามารถในการชำระหนี้และ 3) อัตราดอกเบี้ยไม่เกิน 28% ซึ่งเรามองว่าไม่ได้ต่างไปจากที่ตลาดคาดก่อนหน้าแนะนำ SAWAD (คาดปี 62 กำไรโต 32.1%YoYจากแผนขยายสินเชื่อใหม่ 20-30%YoY สอดรับกับจำนวนสาขาที่จะเพิ่มขึ้นอีก 300-400 สาขาบวกกับรับรู้ผลของ Yield ที่ฟื้นตัวแบบเต็มปีและต้นทุนทางการเงินที่มีแนวโน้มลดลงหลังได้รับเงินเพิ่มทุนจากพันธมิตรราว 2,500-2,600 ลบ.), MTC (คาดกำไรปี 62 โต 31.9%YoY ทำNew High ต่อเนื่องหลังมีแผนเปิดสาขาใหม่อีก 600 สาขาเพื่อเพิ่มพื้นที่บริการให้ครอบคุมมากขึ้นขณะที่คุณภาพสินทรัพย์ยังอยู่ในระดับที่แข็งแกร่งมี NPL ต่ำสุดในกลุ่ม) และ AMANAH (ปี 62 คาดกำไรยังโตต่อเนื่องหนุนด้วยการรับรู้รายได้ดอกเบี้ยของสินเชื่อ ATM (Yield สูงกว่าสินเชื่อเช่าซื้อรถแบบเดิม) มากขึ้นพร้อมทั้งเน้นขยายสินเชื่อใหม่ผ่านตัวแทนลดความจำเป็นของการเปิดสาขาใหม่ที่มีค่าใช้จ่ายสูงและคุมหนี้ NPL ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น)
2. กลุ่มนิคมและสาธารณูปโภค: อานิสงส์บวกทั้งราคาขายและยอดขายพื้นที่ในเขต EEC โตเด่นแนะนำ AMATA (ปัจจุบันมีพื้นที่รอการขาย 2,777 ไร่ และพื้นที่รอการพัฒนาอีกราว 8,172 ไร่), WHA (ปี 62 ตั้งเป้าขายที่ดินในนิคมไม่ต่ำกว่า 1,000 ไร่ พร้อมคาดได้รับลูกค้าคลังสินค้าเพิ่มขึ้นอีกกว่า1 แสน ตรม.), EASTW ปี 62 คาดเห็นการฟื้นตัวของกำไรสอดคล้องไปกับการขยายตัวของนิคมอุตสาหกรรมในเขต EEC ซึ่งทำให้ความต้องการใช้น้ำดิบในบริเวณดังกล่าวเพิ่มสูงขึ้นนอกจากนี้ในระยะยาวบริษัทยังมุ่งเพิ่มสัดส่วนจำหน่ายน้ำควบคุมคุณภาพ (มาร์จิ้นสูง) มากขึ้นโดยเซ็นสัญญาให้บริการแก่ GULF (รับรู้รายได้ปี 63) และ AMATA (รับรู้รายได้ปี 64)
3. กลุ่มโรงไฟฟ้า: ลักษณะธุรกิจที่มีความสามารถสร้างกระแสเงินสดได้อย่างสม่ำเสมอ และเราเลือกหุ้นโรงไฟฟ้าที่ยังคงมีการเติบโตต่อเนื่องได้อีก 4-5 ปีข้างหน้า ได้แก่ BGRIM ปี 62 มีแผน COD โรงไฟฟ้าเพิ่มอีก 682MW ทำให้มีกำลังผลิตรวม 2.77 GW ณสิ้นปี 62 และมีเป้าหมายระยะยาวในปี 65 ที่ 3.13GW, BPP ปี 62 มีแผน COD โรงไฟฟ้าเพิ่มอีก 312MW ทำให้มีกำลังผลิตรวม 2.48GW ณสิ้นปี 62 และมีเป้าหมายระยะยาวในปี 68 ที่ 4.3GW, GUNKUL ปี 62 มีแผน COD โรงไฟฟ้าโซลาร์อีก 105MW ทำให้มีกำลังผลิตรวม 401MW ณ สิ้นปี 62 และมีเป้าหมายระยะยาวในปี 65 ที่ 543MW.
4. หุ้นขนาดเล็กที่คาดกำไรปี 62 โตเด่น บวกกับ Cheap Valuation ได้แก่ JMT (แนวโน้มกำไรโตต่อเนื่อง และบริษัทประกาศซื้อหนี้ไม่มีหลักประกันชุดใหม่มาบริหารมูลค่า 1 พันลบ. มีแผนเพิ่มสัดส่วนหนี้มีหลักประกัน หนุนยอดหนี้แตะ 1.4 แสน ลบ.และมีความสามารถในการจัดเก็บหนี้ที่อยู่ในเกณฑ์ดี), HARN (อานิสงส์ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น หนุนธุรกิจสินค้านำเข้ามีมาร์จิ้นดีขึ้น บวกกับ เป้าการเติบโตปี 61 ที่ 10.7%YoY และ ปี 62 ที่ 8.2%YoY Backlog ณ สิ้น 3Q61 ที่ 414 ลบ.)
18-Jan-19 Change (pts.) 17-Jan-19
SET Index 1,583.77 3.47 1,580.30
SET50 Index 1,060.95 3.03 1,057.92
SET100 Index 2,323.69 5.09 2,318.60
High 1,588.75 Gainers 601
Low 1,577.86 Unchanged 474
Value (Bt m) 48,270.79 Losers 613
Volume (*000) 12,078,308
Market Valuation
SET Data 2018F 2019F Long Term
Fwd PER (x) 13.9 12.8 No Data
EPS Growth (%) 13.9 9.3 No Data
EV/EBITDA (x) 9.7 9.2 No Data
FWD PBV (x) 1.7 1.6 No Data
Dividend Yield (%) 3.4 3.7 No Data
ROE 12.0 12.0 No Data
Net Buy/Sell by Investor Types
Unit : M Bt 18-Jan-19 WTD MTD YTD
Institution (2,737.16) (12,298.03) (4,009.59) (4,009.59)
Proprietary 231.65 234.88 (890.16) (890.16)
Foreign 2,902.08 9,071.36 3,411.98 3,411.98
Individual (396.57) 2,991.79 1,487.77 1,487.77
AECS ( Fundamental and Strategic Team )
อิศรา เลิศสุดคนึง (ID.033432) [email protected]
ตฤณ สิทธิสวัสดิ์ (ID. 091364) [email protected]
จิรภัทร โบสุวรรณ (ID. 040051) [email protected]
ภัทรพล จันทร์อินทร์ (ID. 089932) [email protected]
ธีรยุทธ ฤทธิเผ่าพันธุ์ ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
สุวรรณา อัศวเหล่าวรพงศ์ Data Support / Secretary