- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 18 January 2019 15:04
- Hits: 1470
บล.เอเซีย พลัส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์การลงทุน
แรงขายรับงบ 4Q61 ทั้งธนาคาร และกลุ่มโรงกลั่น-ปิโตรเคมี จากการประเมินเบื้องต้นน่าจะย่ำแย่ แต่น่าจะสะท้อนในราคาแล้วทั้ง 2 กลุ่ม ทำให้ Downside จำกัด บวกกับราคาน้ำมันฟื้นตัวใกล้เคียง 60 เหรียญฯต่อบาร์เรล ใกล้เคียงสมมติฐาน ASPS ทำให้หุ้นปิโตรเลียม (PTTEP, PTT) ช่วยประคองตลาด กลยุทธ์เน้นหุ้นปันผล ซึ่งควรซื้อก่อนขึ้น XD 1-2 เดือน Top picks PTTEP(FV@B168) และ MAJOR(FV@B29)
ย้อนรอยตลาดหุ้นไทยวานนี้….ดัชนีอ่อนแรงช่วงท้ายตลาดฯ
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ สามารถปรับตัวขึ้นได้กว่า 9 จุด แต่กลับลดช่วงบวกลง เช่นเดียวกับตลาดภูมิภาค โดยดัชนีปิดที่ระดับ 2.89 จุด (+2.89%) ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.18 หมื่นล้านบาท ภาพรวมหลายกลุ่มอุตสาหกรรมปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มวัสดุก่อสร้าง SCC +2.82% ตามด้วยกลุ่มอาหาร CPF+1.90% กลุ่มพลังงาน PTTEP และกลุ่ม ธ.พ. KBANK KTB ตรงข้าม มีรายตัวปิดในแดนลบกดดันดัชนี อาทิ PTTGC, BJC และ BDMS
แนวโน้มดัชนีวันนี้ น่าจะแกว่งขึ้นเพื่อทดสอบ 1590-1595 จุดอีกครั้ง ด้วยแรงหุ้น PTT, PTTEP หลังจากราคาน้ำมันฟื้นขึ้นมาแตะ 60 เหรียญฯ ขณะที่หุ้น ธ.พ. และโรงกลั่น-ปิโตรเคมี ทั้ง 2 กลุ่มได้สะท้อนผลประกอบการ 4Q61 ที่ย่ำแย่ไปแล้ว ทำให้ downside จำกัด
สหรัฐยังปิดงบไม่ลง แต่สงครามการค้ากับจีนมีแนวโน้มผ่อนคลาย
ปัจจัยต่างประเทศยังให้น้ำหนัก Government Shutdown ในสหรัฐ จนขณะนี้หน่วยงานราชการ ปิดดำเนินการติดต่อกันเป็นวันที่ 27 เพราะสภาคองเกรสยังไม่อนุมัติแผนงบประมาณชั่วคราว ที่รวมงบก่อสร้างกำแพงกั้นชายแดนสหรัฐและเม็กซิโกวงเงิน 5 พันล้านเหรียญฯตามที่ทรัมป์เสนอ ซึ่งหากปัญหานี้ยังมีอยู่ น่าจะกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐระยะสั้น โดยเฉพาะความน่าเชื่อถือฐานะทางการคลัง ซึ่งทำให้ สถาบันจัดความน่าเชื่อถือ (Fitch Ratings) เตรียมปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือลงจากระดับปัจจุบันที่ AAA (ระดับสูงสุด)
ขณะที่สงครามการค้าสหรัฐ-จีนมีแนวโน้มผ่อนคลายขึ้นตามลำดับ วานนี้หนังสือพิมพ์ Wall Street Journal รายงานอ้างแหล่งข่าวว่า คณะทำงานของทรัมป์ คือ ฝั่งที่สนับสนุนให้ประนีประนอมกับจีน คือ รัฐมนตรีคลังสหรัฐ นาย Steven Mnuchin กำลังหารือและจะเสนอการยกเลิกภาษีนำเข้าสินค้าบางประเภทหรืออาจจะยกเลิกทั้งหมดกับจีน พร้อมกับคืนเงินภาษีที่จัดเก็บทั้งหมดให้จีน (ปัจจุบันสหรัฐเก็บภาษีนำเข้ากับจีน 3 รอบวงเงินรวม 2.5 แสนล้านเหรียญฯ แบ่งเป็นรอบ 1-2 วงเงิน 5 หมื่นล้านเหรียญฯ อัตราภาษี 25% นับจาก ก.ค. –ปัจจุบัน และรอบ 3 วงเงิน 2 แสนล้านเหรียญฯ ภาษีที่ 10% เริ่มตั้งแต่ 24 ก.ย.จนถึงวันที่ 1 มี.ค.) อย่างไรก็ตามขัดแย้งกับคณะที่ทำงานอีกฝั่งที่สนับสนุนการกีดกันการค้า คือ ผู้แทนทางการค้า (USTR) นาย Robert Lighthizer ที่ยังสนับสนุนการขึ้นภาษีนำเข้ากับจีน ซึ่งยังให้น้ำหนักว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร โดยเชื่อว่าสงครามการค้าได้ผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว สะท้อนจากตลาดหุ้นสหรัฐที่ปรับฐานไปราว 6.2% ในปี 2561
SCB กำไร 4Q61 ต่ำกว่าคาด ปรับลดกำไรลง ยังแนะนำ Switch
ตลาดฯ ยังอยู่ในช่วงของการประกาศผลการดำเนินงานงวด 4Q61 โดยวานนี้ SCB รายงานผลกำไรสุทธิงวด 4Q61 ต่ำกว่าคาด 29% เท่ากับ 7.08 พันล้านบาท หดตัวลงถึง 32.6% qoq และ 23.0% yoy แม้ธุรกิจหลักสินเชื่อจะเติบโตได้ตามคาด แต่การแย่ลงของธุรกิจประกัน และค่าใช้จ่ายสำรองหนี้ฯ ที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยฯ กดดันผลประกอบการในงวดนี้ ขณะที่ด้านคุณภาพสินทรัพย์ยังมีความน่ากังวล หลังพบการก่อตัวของ NPL รายใหม่ๆ และการจัดชั้นเป็นสินเชื่อ special mention สูงขึ้น จึงนำไปสู่การปรับลดประมาณการฯ ปี 2562-63 และ Expected ROE ระยะยาวลง
ภายหลังลดประมาณการ คาดกำไรสุทธิเติบโต 4.0% yoy และ 9.2% yoy ขับเคลื่อนหลักจากธุรกรรมด้านสินเชื่อ (SME รายย่อย และธุรกรรม digital lending) และ Wealth management ส่วนมูลค่าพื้นฐานใหม่เท่ากับ 139 บาท (เดิม 147.80 บาท) อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นปัจจุบันยังไม่จูงใจให้เข้าลงทุน เนื่องจากผลตอบแทนรวมจำกัด จึงแนะนำให้ switch ไปลงทุนในหุ้น BBL(FV@B233), KBANK(FV@B251) ซึ่งเป็น top picks กลุ่มฯ
ประมูลคลื่น 700 MHz เกิดยาก ขณะที่ TRUE ขอยืดเวลาจ่ายคลื่น 900 MHz
กลุ่มสื่อสารเผชิญ 2 ปัญหา คือเรื่องแรกเป็นข้อพิพาทสัมปทานในอดีต ล่าสุด DTAC เป็นผู้นำในการเสนอให้ยุติข้อพิพาทกับ CAT ซึ่งเป็นคู่สัมปทานบริการมือถือไปแล้ว (การโอนลูกค้าจาก 2G ไป 3G) จึงคาดว่าทั้ง TRUE กับ ADVANC น่าจะมีข้อยุติ ข้อพิพาทภาครัฐเช่นกัน แม้ปัญหาจะแตกต่างจากอีก 2 บริษัท แต่เชื่อว่าสุดท้ายจะจบลงคล้าย ๆ กัน คือ บันทึกเป็นค่าใช้จ่ายกระทบต่องบกำไรขาดทุน และไม่รู้จะเกิดขึ้นเมื่อใด และมากน้อยขึ้นความรุนแรงของข้อพิพาท กล่าวคือ
TRUE มีข้อพิพาทกับ CAT ซึ่งเป็นคู่สัญญาสัมปทาน เป็นเรื่องส่วนแบ่งรายได้ และการโอนอุปกรณ์ เป็นต้น ขณะที่ ADVANC มีข้อพิพาทกับ TOT ซึ่งเป็นคู่สัญญา มีปัญหาในเรื่องการแก้ไขสัญญาการโอนลูกค้า 2G ไป 3G และการโอนทรัพย์สินเป็นต้น
ถัดมาคือ ความกังวล เรื่องต้นทุน ซึ่งดูเหมือนจะมีทางออก หลังจากกสทช. มีแนวทางเร่งประมูล 5G คลื่น 700 MHz ในช่วงกลางปีนี้ โดยการนำคลื่นดังกล่าว ซึ่งเป็นคลื่นที่ผู้ประกอบการทีวี ดิจิทัลใช้งานอยู่ เพื่อนำเงินประมูลไปช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ประสบปัญหาขาดทุน แต่ล่าสุด TRUE ประกาศยังไม่มีแผนเข้าร่วมประมูลคลื่นดังกล่าว จนกว่า กสทช. จะให้ความช่วยเหลือพิจารณาปรับปรุงเงื่อนไขการชำระเงินคลื่น 900 MHz งวดสุดท้ายในปี 2563 ที่มีมูลค่าราว 7.0 หมื่นล้านบาท (ทั้งนี้ ปัจจุบันทุกรายมีคลื่น 900 MHz และงวดการชำระเงินแต่ละรายดังตารางสรุป)
นอกจากนี้ ปัจจุบันทุกรายเพิ่งผ่านช่วงลงทุนหนัก 4G และยังแทบไม่ได้เก็บเกี่ยวประโยชน์ ขณะที่แนวทางการสร้างรายได้บริการ 5G ยังต้องใช้เวลาพัฒนา แม้ ADVANC และ DTAC เริ่มเตรียมการ การให้บริการแล้วก็ตาม อย่างไรก็ตาม ด้วยความเสี่ยงผลกระทบข้อพิพาทระยะสั้นดังกล่าว และยังต้องติดตามท่าที กสทช. ในเรื่องคลื่น 700 MHz ต่อ จึงยังให้ลงทุน เท่าตลาด มีตัวเลือกลงทุน คือ ADVANC(FV@B210) ที่มีจุดเด่นเงินปันผลสม่ำเสมอ และ DTAC(FV@B57) ที่มีจุดเด่น Turnaround ในปี 2562
ในปีนี้ ต่างชาติสลับมาซื้อหุ้นทุกแห่งในภูมิภาค
วานนี้ต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นในภูมิภาคต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 ล้านเหรียญ ด้วยมูลค่ารวม 372 ล้านเหรียญ และเป็นการซื้อสุทธิทั้ง 5 ประเทศ เริ่มจากตลาดหุ้นแถบเอเชียเหนือ อย่าง เกาหลีใต้ถูกซื้อสุทธิ 145 ล้านเหรียญ (ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 7) ไต้หวัน 23 ล้านเหรียญ (หลังจากซื้อสุทธิในวันก่อนหน้า) เช่นเดียวกับกลุ่ม TIP คือ อินโดนีเซียถูกซื้อสุทธิ 114 ล้านเหรียญ (ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 14), ฟิลิปปินส์ 74 ล้านเหรียญ (หลังจากซื้อสุทธิติดต่อกัน 10 วัน) และไทยที่ต่างชาติซื้อสุทธิ 17 ล้านเหรียญ หรือ 527 ล้านบาท (ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 6 มีมูลค่ารวม 8.02 พันล้านบาท) เช่นเดียวกับสถาบันในประเทศที่สลับมาซื้อสุทธิ 635 ล้านบาท (หลังจากขายสุทธิ 3 วัน)
ข้อมูลแสดงเงินทุนต่างชาติไหลเข้าออกรายเดือนของแต่ละประเทศในภูมิภาค
ในปีที่ผ่านมา หลากหลายปัจจัยลบกดดันให้ต่างชาติขายสุทธิหุ้นในภูมิภาคสูงถึง 3.15 หมื่นล้านเหรียญ อย่างไรก็ตามประเด็นสงครามการค้าที่ผ่อนคลายลง ราคาน้ำมันโลกฟื้นตัวขึ้น บวกกับการขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐมีโอกาสลดน้อยลง ช่วยหนุนนำให้ Fund Flow เริ่มไหลกลับเข้ามาในตลาดหุ้นภูมิภาคมากขึ้นในปีนี้ โดยล่าสุดต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นในภูมิภาคไปแล้ว 2.13 พันล้านเหรียญ (ytd) และยังเป็นการซื้อสุทธิทุกประเทศ หนุนให้ตลาดหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นทั้งภูมิภาค ดังภาพทางด้านล่าง
มูลค่าซื้อขายในตลาดหุ้นภูมิภาคของต่างชาติและผลตอบแทนในปี 2562(ytd)
ภรณี ทองเย็น
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 004146
เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 004132
พบชัย ภัทราวิชญ์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 052647
ภราดร เตียรณปราโมทย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
ฐกฤต ชาติเชิดศักดิ์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 087636
โยธิน ภูคงนิล
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์เชิงปริมาณ
เจิดจรัส แก้วเกื้อ
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
วรรณพฤกษ์ โกมลวิทยาธร
ผู้ช่วยนักเศรษฐศาสตร์