WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

BLSบล.บัวหลวง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
 
รอบด้านตลาดหุ้น
 
ภาพตลาดและแนวโน้ม 
 
Rebound     
          เมื่อวานดัชนีฯ ฝืนขึ้นไม่ไกล นำขึ้นโดยหุ้นที่ลงแรงรอบนี้ อย่าง TOP PTTGC PTTEP IVL และหุ้นรีเทลไฟแนนซ์ MTC SAWAD รีบาวด์เร็ว หลังลงแรงสะท้อน Earnings warning...หนุนให้ภาพรวม ดัชนีฯพลิกกลับมาปิดบวกได้   
          วันนี้คาดหุ้นไทยมีลุ้นรีบาวด์ จากแรงซื้อคืน Cover short หุ้นสินค้าโภคภัณฑ์                      
          ระยะสัปดาห์ หลังจากหลุด 1,580 จุด คาดการฟืนตัวจะยากกว่าเดิม (แนวรับ หลัก 1,560/1,550จุด) แต่การรีบาด์สำหรับรอบ ยังไม่จบ เป็นเพียงการพักฐานหลังจากทดสอบ 1,600 จุด ไปแล้ว แนะเลือก เข้า/ถือ หุ้น เน้นหุ้นปันผลดี และ หุ้นที่รายได้ รับแรงเสียดทานเศรษฐกิจได้ดี เช่น Utilities, ค้าปลีก, อาหาร        
 
What to watch:  
          (+) รายงานกลยุทธ์ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ล่าสุดของ MS: MS คาดว่า SP500 จะรีบาวด์ไปทดสอบ 2600-2650 จุด ก่อน และจะปรับฐานลงมาอีกครั้ง เพื่อทดสอบจุดต่ำสุดบริเวณ 2350 จุด ที่ทำไว้เมื่อเดือน ธค. โดยเชื่อว่าการลงมารอบนี้ จะเป็นจังหวะในการเข้าซื้อ หุ้นวัฏจักร (Cycling stock) เพราะ ราคาหุ้นถูกขายลงมาสะท้อน Earnings recession ไปมาก และมีโอกาส Cover short ทำให้รีบาวด์ได้ดี  
          กลยุทธ์ เราเห็นด้วย และ เชื่อว่าหุ้นไทยที่ ลงแรงนำตลาดภูมิภาค สะท้อนความกังวลต่อ Earnings recession รอบนี้ คือ โรงกลั่น ปิโตรฯ สินค้าโภคภัณฑ์ ดังนั้นถ้าราคาหุ้นกลุ่มนี้ ลงมาสะท้อนงบ ไปในระดับหนึ่ง จะมีโอกาสรีบาวด์ได้ดีกว่าตลาด แนะนำ ในการเก็งกำไร (โดยมีจุด Stop loss) TOP PTTGC PTTEP IVL 
          (+/-) กองทุนในประเทศเริ่มขายหนักขึ้น ระหว่าง 10-16 มค.ขายสะสม 1.17 หมื่นล้านบาท คาดเริ่มมีการไถ่ถอน LTF บังคับให้กองทุนฯต้องโยนซ้าย ส่วนต่างชาติ เข้าซื้อ 7.5 พันล้านบาท และเชื่อว่าต่างชาติซื้อหุ้นในภูมิภาคนี้ด้วย ดูจากผลตอบแทนตลาดหุ้นภูมิภาค / ถ้าการไถ่ถอน LTF เริ่มน้อยลง กองทุนเริ่มหยุดขาย หุ้นไทยมีโอกาสจะวิ่งขึ้นตาม (Catch up) ตลาดหุ้นภูมิภาคได้ ดูตารางดัชนีฯหุ้นไทย +0.7% ขณะที่ อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ บวกเฉลี่ย 5%YTD   
 
หุ้นแนะนำ 
          CPF ดูรายงานวันนี้ 
          TOP คาดมีโอกาสรีบาวด์ จาก Cover short ระยะสั้น  
 
รายงานวันนี้
 
Thai Market Strategy: 4Q18 earnings preview: Domestic to outshine oil-related firms 
          4Q18: เราประเมินกำไรสุทธิของหุ้นทั้งหมดที่เราดูแลปรับตัวลดลง 22% YoY และ 25% QoQ โดยได้รับแรงกดดันจากการบันทึก Inventory loss (กลุ่มพลังงาน/ปิโตรเคมี) และค่าใช้จ่ายด้านกฏหมายเพื่อยุติคดีพิพาทฯ (DTAC) สำหรับกำไรหลักคาดเติบโต 7% YoY แต่ลดลง 3% QoQ โดยกลุ่มที่คาดว่าจะรายงานกำไรเติบโต YoY ดีที่สุดประกอบด้วย กลุ่มอาหาร, การเงิน, อสังหาฯ, นิคมฯ, สื่อ, ก่อสร้างและเดินเรือ 
          1Q19: คาดกำไรหลักปรับตัวเพิ่มขึ้น 1% YoY แต่คาดกำไรสุทธิลดลง 11% YoY โดยคาดกลุ่มที่จะรายงานกำไรเติบโต YoY โดดเด่นสุดคือ กลุ่มเกษตรและอาหาร, การเงิน, นิคมฯ, ก่อสร้าง, และสื่อ 
          ประมาณการ EPS ของเรา ณ ตอนนี้อยู่ที่ 100 สำหรับปี 2018 และ 110 สำหรับปี 2019 ต่ำกว่าที่ตลาดคาดไว้ที่ 106.6 และ 114.8 ตามลำดับ
 
LH: Giant weathering the storm  
          เราคาดบริษัทจะพลาดเป้าหมายธุรกิจในปี 2018 ทั้งในส่วนของ Presales และ รายได้ยอดโอน ในปี 2019 บริษัทใช้แผนค่อนข้างอนุรักษ์นิยม ยอดโอนตั้งเปาที่ 3.2 หมื่นล้านบาท (โตเพียง 2%) เรามองว่าในระยะกลางจะไม่มีเรื่องน่าตื่นเต้นนัก ช่วง 1H19 กำไรจะโตลำบากเพราะฐานที่สูงในปีที่แล้ว เราคงแนะนำ ขาย เพราะ valuation ที่ PE 11.7 เท่า แพงกว่ากลุ่มมาก  
 
CPF: Thai livestock units--2019 earnings growth driver 
          เราคาดกำไรสุทธิ 4Q18 ที่ 2.5 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% YoY แต่ลดลง 49% QoQ หากไม่รวมรายการพิเศษคาดกำไรหลักที่ 1.68 พันล้านบาท พลิกกลับมาเป็นกำไร YoY แต่ลดลง 56% QoQ โดยคาดผลประกอบการพลิกมาเป็นกำไร YoY จากราคาหมูในไทยและเวียดนามที่ฟืนตัว, ขาดทุนที่ลดลงจาก Bellisio  รวมถึง SG&A และดอกเบี้ยที่ลดลง ในขณะที่คาดกำไรปรับตัวลดลง QoQ จากปัจจัยด้านฤดูกาล โดยรวมเรายังมองว่า CPF จะเติบโตอย่างแข็งแกร่งในปี 2019 จากการเติบโตในต่างประเทศที่ดีขึ้น รวมถึงการฟืนตัวของราคาไก่และราคาหมู เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 31 บาท 
 
MTC Key takeaway from conference call
          ผู้บริหารยืนยันว่าไม่ได้รับผลกระทบการตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สูญฯเพิ่ม และยอด NPL ที่อาจเพิ่มใน 4Q18 และ ปี 2019 หลังจากที่ธนาคารรายหนึ่งได้มีการปรับมาตราฐานบัญชี ในการสำรองคุณภาพสินเชื่อตามเกณฑ์เงินต้น แทนเกณฑ์การชำระเงินเพียงเงินต้นหรือดอกเบี้ยแต่เพียงอย่างเดียวทำให้ยอดหนี้ NPL และการตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สูญของธนาคารดังกล่าวเพิ่มขึ้น เรามองว่าการปรับตัวลดลงของราคา MTC อย่างมากในสัปดาห์ที่ผ่านมาจากข่าวดังกล่าวและ ความสามารถในการทำกำไรของกิจการดี ไม่เปลี่ยนแปลง เราคาดการณ์กำไร 4Q18 จะทำสถิติใหม่ต่อเนื่องที่ 990 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33% YoY เรามองเป็นโอกาสในการทยอยเข้าเก็บหุ้น  เราคงคำแนะนำ ซื้อ  MTC
 
Quantitative Strategy: ตลาดยังคงอ่อนแอ 
          ตลาดหุ้นไทยเคลื่อนไหวไร้ทิศทางในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากนักลงทุนยังคงกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจโลก เราคาดว่าตลาดหุ้นไทยจะยังคงถูกกดดันในระยะอันใกล้ เนื่องจาก 1) ค่าความผันผวนของตลาดหุ้นไทยปัจจุบันอยู่ในระดับใกล้ค่าเฉลี่ยระยะยาวและคาดว่าจะเพิ่มขึ้นสูงกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวในช่วงสองสัปดาห์ข้างหน้า 2) ดัชนี Volume Flow รีบาวด์ขึ้น แต่คาดว่าจะไม่สามารถทะลุเหนือเส้น Neutral line ได้เนื่องจากความผันผวนตลาดยังคงสูง 3) ทั้งดัชนี Short-term Bull2Bear และ Mediumterm Bull2Bear ชี้ว่าตลาดยังขาดโมเมนตัม ซึ่งเป็นสัญญาณที่ไม่ดีสำหรับค่ายกระทิง 4) ดัชนีชี้วัดความต้องการรับความเสี่ยง (Risk Demand Index) ในช่วงสองเดือนที่ผ่านมายังคงแกว่งตัวระดับมองตลาดในแง่ร้าย (Pessimistic) เป็นส่วนใหญ่ แบบจำลองของเราคาดว่าโอกาสที่ตลาดจะปรับลงสู่ระดับ 1460-1520 ยังคงมีความเป็นไปได้สูง ดังนั้นเรายังคงแนะนำให้ควบคุมเบต้าของพอร์ตการลงทุนมากกว่าที่จะมุ่งหาผลตอบแทนในภาวะตลาดช่วงนี้ หุ้นที่ถอดออกจากพอร์ต: PTT, EGCO 
 
หุ้นมีข่าว   
          (*) MTC SAWAD  หุ้นลิสซิ่งร่วงหนัก หลัง 'ทิสโก้' ประกาศจัดชั้นลูกหนี้ใหม่ หวั่นลามกระทบอุตฯ  ด้านผู้บริหาร "เมืองไทยฯ - ศรีสวัสดิ์"ยืนยันไม่จำเป็นต้องปรับชั้นลูกหนี้ใหม่ทำตามเกณฑ์ธปท. เหตุตามทวงหนี้รัดกุมเพียงพอ และพอร์ตลูกค้าปกติสูงถึง 90% ไร้กังวล เอ็นพีแอล (ที่มากรุงเทพธุรกิจ) 
          (-) LH  กางแผนปี 62 เดินหน้าบุกหนักแนวราบ ทุ่ม"หมื่นล้าน"ผุด 16 โครงการใหม่ รับเรียลดีมานด์ เลี่ยงคอนโด ระบุตลาด ไร้ข่าวดี "ซัพพลายล้น-มาตรการแบงก์ชาติคุมเข้มสินเชื่อ" คาดอสังหาฯปีนี้ "ทรงตัว" (ที่มา กรุงเทพธุรกิจ) 
          (*) TISCO  เปิดแผนงาน ปี62  รุกธุรกิจจำนำทะเบียนผ่าน "สมหวังเงินสั่งได้" เต็มสูบ เร่งขยายสาขาเพิ่มเป็น 300 สาขา จากเดิมมีอยู่ 240 สาขา ตั้งเปาสินเชื่อใหม่โตถึง 40%  ส่วนสินเชื่อรวมโต 4% ลดลงจากปีก่อน เหตุปัจจัยเสี่ยง เยอะ ยอมรับปีนี้เข้มงวดปล่อยกู้มากขึ้น ดูภาระหนี้ผู้กู้และดูลึกถึงภาระหนี้ ของคนค้ำด้วย คาดเอ็นพีแอลมีโอกาสต่ำกว่าปีก่อน (ที่มา กรุงเทพธุรกิจ)  
          (*) ขั้นตอน BREXIT ต่อจากนี้ จะต้องรอดูการเสนอแผนสำรองของ นายกฯอังกฤษ ภายใน 21 มค.นี้ ซึ่ง MS คาดว่าจะมีความชัดเจนในช่วงต้นเดือน กพ. อาจต้องรีบประกาศ ยุบสภาเพื่อเลือกตั้ง และกลับมาทำข้อตกลงใหม่ให้ทัน 29 มีค. ซึ่งเป็นวันที่ผลบังคับใช้ในการออกจาก EU ของอังกฤษ หรือ อาจมีแผนขอยืดเวลาในการออกจาก EU โดยอังกฤษต้องทำเรื่องขอ การขยายเวลา และ รอให้ EU อนุมัติ  
          วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ Tel. (662) 618-1336 
          นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน/ปัจจัยทางเทคนิค 
          ธนัท พจน์เกษมสิน,นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์ 
          นภนต์ ใจแสน, นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน 
 
Trend Forecasting 
 
SET Index ปิด 1577.41 (+0.03%)  มูลค่าการซื้อขาย 5 หมื่นล้านบาท 
 
แนวโน้มระยะสั้นมอง 
          SET Index แนวรับ 1,565 แนวต้าน 1,585 / SET100 รับ 2295 ต้าน 2325 BSET100 รับ 9.97 ต้าน 10.08 / BMSCITH รับ 11.92 ต้าน 12.06
 
Topic: Dollar strength pressure EM markets fall           
          ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น กดดันค่าเงินเอเชียและตลาดหุ้นเกิดใหม่ให้อ่อนตัวลง. 
 
มุมมองตลาด: 
          ตลาดหุ้นเกิดใหม่ปรับตัวลดลง ส่วนหนึ่งเป็นผลจากค่าเงินดอลลาร์ส่งสัญญาณแข็งค่าขึ้น เนื่องจากร่างข้อตกลง Brexit ไม่ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา ส่งผลค่าเงินปอน์อ่อนค่าสวนทางกับค่าเงินดอลลาร์ แนวโน้มภาพ SET Index อาจต้องมีความระมัดระวังมากขึ้นเนื่องจากดัชนี SET Index หลุดแนวรับสำคัญ 1580 จุด (10-days EMA) นอกจากนี้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่ากดดันสินทรัพย์เสี่ยงและตลาดหุ้นภูมิภาคปรับตัวลดลง คำถาม:แนวรับดัชนีจะอยู่บริเวณใด?  จุดที่น่าสนใจคือหากปรับตัวลงมาบริเวณ 1500 จุด จะส่งผลให้เครื่องมือทางเทคนิคอยู่ในระดับค่อนข้างต่ำและตรงกับบริเวณเส้นแนวรับ ซึ่งน่าจะทำให้เครื่องมือทางเทคนิคอยู่ในระดับ Oversold  เหตุการณ์ในอดีตชี้ว่ารอบการปรับฐานปรกติจะปรับลดลงโดยเฉลี่ย 3-5% ซึ่งปัจจุบันตลาดปรับตัวลงเพียงแค่ 1% จากจุดยอด 1600 จุด 
 
สรุป: 
          ระมัดระวังหุ้นที่ปรับตัวลงต่ำกว่าแนวรับหรือหุ้นที่มี ค่า RSI > 70 บ่งชี้ถึงความผันผวนอาจลงแรงได้และใช้จุด Stop loss หากหุ้นไม่เป็นไปตามคาด 
 
วิธีการเลือกหุ้น: 
          เราคาดว่าหุ้นที่น่าสนใจอยู่ภายใต้เงื่อนไขดังต่อไปนี้ 1. สัญญาณแข็งแกร่งกว่าตลาด เช่น ตลาดปรับลง หุ้นที่มีโครงสร้างแข็งแกร่งด้านราคาจะมีโอกาสสร้างกำไรได้ดีกว่า 2. หุ้นที่สามารถยืนปิดเหนือเส้นค่าเฉลี่ยกลางเลือกใช้ 5&25-days EMA 3.Indicator ยังขึ้นไม่มาก ค่า RSI ไม่ควรสูงกว่า 70 4.ใช้จุด Stop loss หากไม่เป็นไปตามคาด 
 
Technical screen Bull Signal: 
          AOT, CPF, BEC 
 
Technical screen Bear Signal: 
          TRUE, CKP, AEONTS 
 
Port หุ้นคงเหลือ: 
          SGP, AU, AP, TU, AOT, BH, BEM, QH (แนะนำถือต่อ) l  
 
          ธนรัตน์ อิศรกุล นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์และปัจจัยทางเทคนิค 
          [email protected] +662-618-1334
 
Track with Technical 
 
AOT 
          แนะนำ ซื้อ 
          แนวรับ 66.00 
แนวต้าน 72.00/75.00 
          เหตุผล ราคาดีดกลับบริเวณแนวรับสำคัญ ยืนยันการเปลี่ยนโครงสร้างขาขึ้นระยะกลาง หนุนด้วยวอลุ่มเพิ่มขึ้นและ RSI บ่งชี้ความแข็งแกร่ง 
 
CPF 
          แนะนำ ซื้อ 
          แนวรับ 25.50 
          แนวต้าน 30.00 
          เหตุผล CPF โครงสร้างหลักเปลี่ยนเป็นขาฐานยกสูง ขณะที่เครื่องมือวัดโมเมนตัม MACD > 0 บ่งชี้สัญญาณบวกในระยะสัปดาห์ 
 
BEC 
          แนะนำ ซื้อ 
          แนวรับ 5.10 
          แนวต้าน 6.50/7.00 
          เหตุผล เปิดกระโดด ส่งสัญญาณฟืนตัวจกการลงแรง ขณะที่ MACD บ่งชี้รูปแบบกลับตัวเป็นขาขึ้น  

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!