WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

BLSบล.บัวหลวง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
 
รอบด้านตลาดหุ้น 
 
ภาพตลาดและแนวโน้ม 
 
Earnings warning...
          เมื่อวานดัชนีฯหุ้นไทยไหลลงหลุด 1,580 จุด ตามคาด โดยเคลื่อนไหวสวนทางตลาดหุ้นภูมิภาค ที่บวกรับข่าว จีน เตรียมออกมาตรการปรับลดภาษี เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ขณะที่หุ้นเล็กๆ บวกสวนตลาด เช่น PHOL ขายหน้ากาก N95 ปองกันฝุน เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะ.ส่วนหุ้นใหญ่ที่โดนขายทำกำไร เมื่อวาน ได้แก่ GULF AOT ตลอดจนหุ้นที่มี Earnings risk อย่างกลุ่ม "รีเทลไฟแนนซ์"  
          วันนี้คาด ดัชนีฯหุ้นไทย ฝนบวกได้ไม่ไกล โดยความเสี่ยงจากการเตือนผลประกอบการ บจ. 4Q18 เริ่มมีน้ำหนักเชิงลบ ต่อตลาดหุ้นไทยช่วงนี้มากขึ้น ไล่มาตั้งแต่ TISCO กับการจัดชั้นลูกหนี้ตามเกณฑ์บัญชีใหม่ที่เข้มงวดขึ้นจะส่งผลต่อ NPL ที่เพิ่มขึ้นใน กลุ่มสถาบันการเงินที่จะประกาศงบ (วันนี้ KKP), กลุ่ม ปิโตรฯ โรงกลั่น ดูจาก Stock loss ของ IVL และ Preview งบ SCC วันนี้ เราเชื่อว่ากลุ่มปิโตร โรงกลั่น จะ Underperform ตลาดต่อ เพราะ กังวล Earnings Negative shock มากกว่าที่เคยประเมิน...                       
          ระยะสัปดาห์ กรณีที่หลุดจาก 1,580 จุด และปิดต่ำกว่า 1,580 คาดว่าจะกดดันให้การฟนตัวจากนี้ไป เป็นไปอย่างยากลำบากมากกว่าเดิม และการเลือก เข้า/ถือ หุ้น ยังคงต้องเน้นหุ้นปันผลดี และ หุ้นที่รายได้ รับแรงเสียดทานเศรษฐกิจได้ดี เช่น Utilities, ค้าปลีก, อาหาร  
 
What to watch:        
          (+) นายก สั่งการให้ ก.คมนาคม ตรวจสอบ รถยนต์ที่ใช้ น้ำมันดีเซลแบบเดิม ให้มีการปรับมาใช้ ดีเซล B20 ซึ่ง ก.พลังงานได้เร่งผลิต B20 ให้มีเพียงพอ และ ขอความร่วมมือ ปชช.ให้ปรับมาใช้ B20 โดยวันนี้นายกนัดหารือหน่วยงาน เพื่อการแก้ปัญหาฝุน PM2.5 / คาดข่าวนี้มีผลเชิงบวกต่อบริษัทฯที่เกี่ยวข้อง อย่าง GGC BCP / OCEAN (OCEAN จัดหาซัพพลายปาล์มให้โรงกลั่น และธรุกิจปิโตรที่ เชื่อมโยง)    
          (+) ตลาดหุ้น จีน ฮ่องกง ไต้หวัน เมื่อวานบวกแรง รับข่าว จีนเตรียมออกมาตรการปรับลดภาษีเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ / เป็นไปตามที่ MS ประเมิน ว่ารัฐบาลจีน จะประกาศปรับลดภาษี VAT ลงช่วงต้นปีนี้       
          โดยแถลงการณ์จากรัฐบาลจีนระบุว่า ทางการจีนจะเดินหน้าปรับลดภาษี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มธุรกิจขนาดเล็กและภาคการผลิต รวมถึงออกมาตรการที่เอื้อประโยชน์ต่อภาคธุรกิจในปี 2562 เพื่อสร้างเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ ขณะเดียวกันจีนจะยังคงรักษานโยบายการเงินให้มีความยืดหยุ่น และรักษาค่าเงินหยวนให้มีเสถียรภาพ   
          (+/-) วันนี้รายงาน FED beige book คาดสะท้อนภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯที่มีความเสี่ยงชะลอตัว / เฟด ไม่ขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้   
          (*/+) BREXIT ผลโหวตเมื่อวาน รัฐสภาอังกฤษไม่อนุมัติ ซึ่งถ้าไม่เกิด BREXIT จนต้องนำไปสู่การยุบสภา และต้อง ลงมติครั้งใหม่ เชื่อว่าจะเป็นผลดีต่อจิตวิทยาการลงทุน 
 
หุ้นแนะนำ 
          BEC เก็งกำไรประเด็นการคืนใบอนุญาต และ มาตรการเยียวยาทีวีดิจิตอลที่ กสทช.ได้ข้อสรุปมาเมื่อวาน คาดปลาย กพ.เปิดรับฟังความเห็นสาธารณะ และ จะประกาศใช้ไตรมาส 2 ปีนี้
 
รายงานวันนี้
 
Thai Corporate Day: Still aiming for growth, despite risks in 2019  
          เราได้จัดงาน Thai Corporate Day ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยมีบริษัทเข้าร่วม 15 บริษัท และนักลงทุนเข้าร่วมกว่า 139 คน บริษัทส่วนใหญ่ที่เข้าร่วมให้ข้อมูลกับเรามีมุมมองการเติบโตที่ค่อนข้างดี แบ่งตามกลุ่มดังนี้ 
          1) มีการเติบโตสูง เช่น Kerry, SAWAD และ GULF 
          2) การเติบโตระดับกลาง-สูง เช่น GLOBAL 
          3) การเติบโตระดับกลาง เช่น COM7, OSP, AOT, CPF และ TU (2 บริษัทหลังได้แรงหนุนส่วนหนึ่ง
          จากการฟนตัวในปี 2018) 
          4) การเติบโตฟนตัว เช่น BEAUTY และ WORK
          รายละเอียดเพิ่มเติมของแต่ละบริษัทสามารถติตตามได้ในรายงานฉบับเต็ม  
 
SCC: Huge inventory loss causes blip 
          เราคาดกำไร 4Q18 ที่ 8.2 พันล้านบาท ลดลง 35% YoY และ 13% QoQ ซึ่งการปรับตัวลดลงเรามองว่าจะมาจากการบันทึก Inventory loss สำหรับกลุ่ม Chemical จากราคา Chemical และต้นทุนวัตถุดิบที่ปรับตัวลดลง ในขณะที่เรามองว่ากำไรกลุ่ม Cement และ Building material จะมีพัฒนาการที่ดีขึ้น รวมถึงกลุ่มธุรกิจ Packaging ที่คาดจะยังคงเติบโตแข็งแกร่งได้อย่างต่อเนื่อง โดยรวมเรามองว่าตลาดรับรู้ประเด็น Inventory loss ที่จะกดดันกำไรใน 4Q18 ไปแล้ว และเป็นเพียงแค่รายการที่เกิดขึ้นเป็นครั้งคราว ในขณะที่อัตราผลตอบแทนเงินปันผลตอนนี้ยังน่าสนใจที่ระดับ 3.7-3.9% เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 500 บาท
 
TISCO: Dividend play 
          เราได้เข้าร่วมการประชุมนักวิเคราะห์วานนี้ โดยเรามีมุมมองเชิงลบเล็กน้อย สำหรับแนวโน้มผลประกอบการปี 2562 จากสินเชือที่ขยายตัวไม่มากนัก (เน้นสินเชื่อกิจการขนาดกลางและขนาดใหญ่ที่มีคุณภาพ) และแนวโน้มคุณภาพสินเชื่อหรือ NPL ที่อาจปรับตัวขึ้นต่อเนื่องจากปีก่อน (มีการเปลี่ยนนโยบายการจัดชั้นลูกหนี้ค้างชำระเป็นการพิจารณาเงินต้นค้างชำระ) ทำให้ค่าใช้จ่ายสำรองหนี้สูญฯอาจไม่ลดลงจากปีก่อน อย่างไรก็ตามเราคาดว่ากิจการจ่ายปันผล 5.25 บาทปี 2561 และ 2562 หรือ คิดเป็นผลตอบแทนเงินปันผลที่ประมาณ 6% กว่า ทำให้เราคงคำแนะนำ ถือ สำหรับ TISCO  ในฐานะหุ้นปันผลสูง 
 
หุ้นมีข่าว  
 
Effect ต่อหุ้น จากมาตรการรัฐ...แนวทางแก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 อย่างเร่งด่วน 
          (Positive) GGC BCP OCEAN  นายก สั่งการให้ ก.คมนาคม ตรวจสอบ รถยนต์ที่ใช้ น้ำมันดีเซลแบบเดิม ให้มีการปรับมาใช้ ดีเซล B20 ซึ่ง ก.พลังงานได้เร่งผลิต B20 ให้มีเพียงพอ และ ขอความร่วมมือ ปชช.ให้ปรับมาใช้ B20  
          (Neutral) BCP TOP PTTGC  ก.พลังงาน นัดถกกลุ่มโรงกลั่นสัปดาห์นี้ หารือปรับมาตรฐานน้ำมันหวังช่วยลดปัญหาฝุนละอองเกินมาตรฐาน           
          อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.) เปิดเผยว่า ธพ.เตรียมที่จะเรียกประชุมกลุ่มผู้ประกอบการโรงกลั่นน้ำมันภายในสัปดาห์นี้ เพื่อหารือถึงการปรับมาตรฐานน้ำมัน ซึ่งคาดว่าจะช่วยลดปัญหาฝุนละอองสูงเกินมาตรฐานในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล โดยปัจจุบันใช้มาตรฐานบังคับในระดับยูโร 4 ที่มีค่ากำมะถัน 50 ppm เป็นการใช้มาตรฐานยูโร 5 ที่มีค่ากำมะถัน 10 ppm ซึ่งหากสามารถเร่งดำเนินการได้ก็จะช่วยแก้ไขปัญหาได้ระดับหนึ่ง  
          โดยเมื่อปี 60 กรมควบคุมมลพิษได้หารือกับค่ายรถยนต์และ 6 โรงกลั่นน้ำมันของไทย ซึ่งในขณะนี้มีบางส่วนของ 3 โรงกลั่น ได้แก่ BCP TOP PTTGC เริ่มผลิตน้ำมันยูโร 5 ได้แล้ว 
          ความเห็น: โรงกลั่น หลักๆในประเทศไทยได้แก่ BCP TOP PTTGC จะไม่ต้องลงทุนเงินปรับปรุงโรงกลั่นเพิ่ม เติมแต่อย่างใด เพราะได้ดำเนินการปรับปรุง ตามแผนงบประมาณมาโดยตลอด ซึ่ง มาตรฐานยูโร 5 จะแล้วเสร็จทัน ตามกำหนดรัฐบาลปี 2565 / ดังนั้น จึงไม่ได้กระทบต่อการใช้เงินลงทุนเพิ่มของ TOP PTTGC BCP แต่อย่างใด เพราะอยู่ในแผน CAPEX อยู่แล้ว  
          ส่วน IRPC รายได้ส่วนใหญ่มาจากธุรกิจปิโตรฯ ดังนั้นเรามองว่าข่าวนี้จะไม่มีผลกระทบอย่างมีนัยยะ   
          (Negative) ESSO SPRC  ยกเว้น ESSO SPRC อาจต้องมีการลงทุนเพิ่ม แต่ทั้งคู่ เป็นโรงกลั่นที่เน้น เบนซิน จึงไม่น่ากระทบจากข่าวนี้อย่างมีนัยยะ   
          (Positive) PHOL TM  หน้ากากอนามัย และ หน้ากากอนามัย N95 ของบริษัทมียอดขายเพิ่มขึ้น 
          (-) TISCO  กำไรไตรมาส 4/18 ต่ำกว่าเราคาดไป 5% เป็นผลจาก สินเชื่อที่ปล่อยต่ำกว่าเปาบวกกับส่วนต่างดอกเบี้ยรับที่ลดลง...  
          เราคาดว่างบ ที่ต่ำกว่าคาดของ TISCO จะเป็นตัวบ่งชี้ "ด้านลบ" ต่องบการเงินของกลุ่มสถาบันการเงินที่จะทยอยประกาศในช่วงนี้ โดยเฉพาะ แบงก์และสถาบันการเงินที่เชื่อมโยง สินเชื่อบุคคล, รายย่อย เพราะ 
          (1) ยอดขายรถยนต์เดือน ธค.และปี 2018 ที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ แต่สินเชื่อ TISCO กลับลดลง สะท้อน การแข่งขันในการปล่อยสินเชื่อที่รุนแรงขึ้น  
          (2) การใช้โปรโมชั่นดอกเบี้ยต่ำ เพื่อการแข่งขัน น่าจะเป็นกลยุทธ์ที่หลายค่ายเลือกใช้ ซึ่งเห็นได้ จาก NIM หรือ ส่วนต่างดอกเบี้ยรับ 4Q/2018 ของ TISCO ที่ลดลงแรงถึง 64Bps 
          จากงบ TISCO ที่ออกมา เราเชื่อว่าหุ้นสถาบันการเงินอื่น ที่เชื่อมโยงกับสินเชื่อบุคคล/รายย่อย/SME/บ้าน. มีแนวโน้มจะรายงานกำไรต่ำคาด และ กลยุทธ์ แนะนำ ซื้อ/ถือ BBL แต่ตัวเดียว นอกนั้นให้ รอไปช้อนซื้อหลังงบออก และมีการปรับกำไรลงให้จบก่อน (ที่มา BLS Research)
          (+) SGP  เสนอขายหุ้นกู้ไม่เกิน 3,000 ล้านบาท ระยะเวลา 3 ปี อัตราดอกเบี้ย 4.10% วัตถุประสงค์เพื่อนำไปชำระคืนหุ้นกู้ที่ครบกำหนด (ที่มา ASPEN) 
          (+) BEC TVD NINE  กสทช.เห็นชอบหลักการร่างหลักเกณฑ์เรียกคืนคลื่น 700 MHz-มาตรการเยียวยาทีวีดิจิทัล คาดเปิดรับฟังความเห็นปลาย ก.พ. (ที่มา ASPEN) / โดยมีประเด็นสำคัญ ในเรื่องการคืน ใบอนุญาต ซึ่งมองว่าจะเป็นบวกต่อ BEC มากสุด ส่วนหุ้นตัวเล็กอื่นที่น่าสนใจเพราะ มาตรเยียวยาถือว่ามีนัยยะต่อกำไรบรรทัดสุดท้ายมากสุด  
          (*/-) BEM  จากข่าวการคัดค้านของ สหภาพ กทพ. ในประเด็นการชดเชยค่าเสียหาย คดีค่าโง่ทางด่วน ด้วยการขยายอายุสัมปทาน (ที่มา ข่าวหุ้น) / เราเชือว่า การดำเนินการชดเชยตามคำสั่งศาล ให้ BEM นั้นจะ ยังคงเป็นไปตามเดิม และ ครม.จะอนุมัติภายใน ไตรมาสแรกของปีนี้ ทั้งนี้การคัดค้านเราเชื่อว่าไม่มีผลเพราะ เหมือนกรณี การออกกอง TFF ที่มีการคัดค้านจากสหภาพเช่นกัน แต่สุดท้ายก็สามารถออกได้  
          วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ Tel. (662) 618-1336 
          นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน/ปัจจัยทางเทคนิค 
          ธนัท พจน์เกษมสิน,นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์ 
          นภนต์ ใจแสน, นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน  
 
Trend Forecasting    
 
SET Index ปิด 1577.00 (-0.35%) มูลค่าการซื้อขาย 3.7 หมื่นล้านบาท 
 
โครงสร้างระยะยาวตลาดหุ้นไทยเปรียบเทียบยอดซื้อจากกองทุนในประเทศ 
          มุมมองตลาด:ย้อนหลัง 10 ปี ดัชนีเคลื่อนไหวอยู่บนแนวโน้มขาขึ้นเหนือเส้น Trend support ขณะที่กองทุนในประเทศเป็นผู้เล่นหลักและซื้อสุทธิมาอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกัน ปัจจุบันดัชนีปรับลงทดสอบจุดรับสำคัญ 1580 จุด กรณีหลุดแนวรับจะส่งผลให้โครงสร้างระยะยาวเปลี่ยนเป็นลง ซึ่งเป็นจุดที่ต้องระมัดระวังสำหรับการลงทุนในปี 2019 คำถาม:เราจะคาดหวังกับแรงซื้อจากกองทุนในประเทศได้หรือไม่? จากสถิติย้อนหลังตั้งแต่ปี 2009-2018  เราพบว่ากองทุนในประเทศในแต่ละปีจะแสดงยอดซื้อสุทธิเกิดขึ้น 7 จาก 10 ครั้ง ส่วนใหญ่จะมียอดซื้อเพิ่มขึ้นในกรณีที่ดัชนีตลาดปรับตัวลงแรง ทำให้เราคาดว่าในปีนี้ยังน่าจะมีแรงซื้อคอยหยุงดัชนีอยู่เหมือนเดิม ในส่วนปัจจัยตลาดเมือคืนร่างข้อตกลง Brexit ไม่ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีอังกฤษมีเวลา 3 วันในการนำเสนอแผน Brexit ฉบับใหม่ต่อรัฐสภา และจับตาผลการเจรจาทางการค้าระหว่างจีนสหรัฐคาดว่าจะได้ทราบรายละเอียดในสัปดาห์นี้ แนวโน้มตลาดพบว่านักลงทุนเริ่มระมัดระวังและเลือกขายปรับพอร์ตภายหลังจากดัชนีหลุด 1580 จุด ขณะที่เครื่องมือชี้วัดโมเมนตัมได้ลดลงบ่งชี้ถึงภาวะตลาดอ่อนแรง อย่างไรก็ตามหุ้นที่มีแรงซื้อ cover short อยู่ในกลุ่มที่ปรับตัวลงแรงเมื่อช่วงก่อนได้แก่ อสังหาริมทรัพย์ สื่อสาร 
          กลยุทธ์การลงทุน:แนะนำหลีกเลี่ยงหุ้นที่ราคาตัวลงทำจุดต่ำสุดใหม่สอดคล้องกับเครื่องมือทางเทคนิคส่งสัญญาณเชิงลบ  
          Technical screen Signal Recovery: TU, AU, QH  
          Technical screen Bear Signal: IVL, TISCO, KKP 
          Port หุ้นคงเหลือ: SGP, AU, AP, TU, AOT, BH, BEM, QH (แนะนำถือต่อ) 
          แนวโน้มระยะสั้นมอง SET Index แนวรับ 1,565 แนวต้าน 1,585 / SET100 รับ 2295 ต้าน 2325 BSET100 รับ 9.95 ต้าน 10.10 / BMSCITH รับ 11.85 ต้าน 12.02 
 
          ธนรัตน์ อิศรกุล นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์และปัจจัยทางเทคนิค                                                                      
          [email protected] +662-618-1334
 
Track with Technical 
          TU 
          แนะนำ:ซื้อ 
          แนวต้าน:19.00 
          แนวรับ:17.20 
          เหตุผล: TU ยืนยันโครงสร้างขาขึ้นระยะกลาง ฐานยกสูงพร้อมกับการทำจุดสูงสุดใหม่ ขณะที่ MACD ส่งสัญญาณกลับตัว 
 
          QH 
          แนะนำ:ซื้อ 
          แนวต้าน:3.00/3.20 
          แนวรับ:2.80 
          เหตุผล: ปัจจุบันส่งสัญญาณกลับตัวจากราคาปิดเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 5&10-days EMA ยืนยันรูปแบบการกลับตัวจากค่า MACD > 0 
 
          AU 
          แนะนำ:ซื้อ 
          แนวต้าน:8.60 
          แนวรับ:7.30 
          เหตุผล: ทะลุเส้นแนวโน้มแล้วขึ้นแรงขณะที่วอลุ่มซื้อขายสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ พร้อมกับ RSI บ่งชี้ความแข็งแกร่งด้านราคา  

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!