ภาวะตลาดและปัจจัย : SET วานนี้ดิ่ง -14.47 จุด ปิดที่ 1582.57 จุด มูลค่าการซื้อขายเบาบางที่ 41.6 พันล้านบาท สอดคล้องกับตลาดหุ้นในภูมิภาคแถบนี้ที่ปรับตัวลดลง ดัชนีปรับลดลง หลังจีนประกาศตัวเลขส่งออก ธ.ค.61ต่ำกว่าคาด และติดตามดูการโหวต Brexit ของอังกฤษ ขณะที่ตัวเลข CPIสหรัฐลดลงครั้งแรกในรอบ 9 เดือน ผู้ขายสุทธิเป็น สถาบัน 2.7 พันลบ. และบัญชีหลักทรัพย์ 0.2 พันลบ. ผู้ซื้อสุทธิคือ นักลงทุนทั่วไป 1.7 พันลบ. และนักลงทุนต่างประเทศ 1.2 พันลบ. และ ด้านแนวโน้มตลาดและกลยุทธ์วันนี้คือ

# ระยะสั้นคาดว่า SET จะ Sideways หลังดาวโจนส์และน้ำมันปรับลงต่อเนื่อง เพราะจีนประกาศตัวเลขการค้าล่าสุดไม่สดใส กังวลผลกระทบสงครามการค้าต่อเศรษฐกิจโลก วันนี้ติดตามดูการโหวต Brexit ของอังกฤษ หุ้นพื้นฐานกลับถูก Short Sell เป็นอันดับต้นๆ

# ตลาดหุ้นเพื่อนบ้าน และดาวโจนส์ล่วงหน้ากลับมารีบาวด์อยู่แดนบวกได้ รวมทั้งเงินบาทแข็งค่าเทียบกับดอลลาร์ยังช่วยพยุง SET ได้บ้าง

# กลยุทธ์ คือ ระยะสั้น สัญญาณ Candlestick & Indicators “ลด”ภาพบวก, แต่ก็ยังไม่เป็นลบที่ชัดเจน แต่ก็ยังยืนเหนือ“SMA10วัน” ชี้ความน่าจะเป็นของตลาดฯวันนี้“แกว่ง”แบบให้น้ำหนักกับการลง แต่“ค่าบวก”(มีแรงหนุนของ“ SMA10”) ก็จะเป็นการมีรีบาวด์ฯสั้นๆก่อนแล้วจึงลงต่ำตามมาได้ ส่วนดัชนีฯเป้าหมายทางพื้นฐานปี 2562 ยังเป็น 1780 จุด (+0.5 SD) ด้วยคาดการณ์อัตราการเติบโตกำไรปี 61-62 ที่ +8%/+6% ตามลำดับ แนะนำทยอยสะสมหุ้นพื้นฐานดี หุ้น Top Pick ในงวด 1Q62 คือ AOT,BBL,CPALL,HANA,PTT และ WHA

# หุ้นเด่น BTS : ปันผลระหว่างกาลรอบ 1H61-62 เป็น 0.17 บาท XD 18 ม.ค.62 และจ่ายปันผล 1 ก.พ.62 ถือว่าเป็นบวกมีการจ่ายมากกว่าปีที่แล้วที่0.165 บาท อัตราผลตอบแทนเงินปันผลน่าพอใจที่ 1.8% แต่คาดว่าเงินปันผลงวดสุดท้ายปีนี้จะเร่งตัวขึ้นเป็น 0.24 บาท ตามผลการดำเนินงานที่คาดว่าครึ่งปีหลังจะดีกว่าครึ่งปีแรก เพราะรายได้บริหารเดินรถจะมากขึ้น จากสายสีเขียวใต้ เริ่มเปิดให้บริการมาตั้งแต่ปลายปี 61รวมทั้งบริษัทย่อย VGI มีรายได้เพิ่มจากการไปซื้อกิจการกลุ่มทรานส์แอด และรับรู้กำไรจากบริษัทร่วม Kerry ได้อย่างเต็มที่ คงคำแนะนำ ซื้อ BTS ราคาพื้นฐานเป็น 11.00 บาทประเมินด้วยวิธี SOP

 

การวิเคราะห์ทางเทคนิค : Sentiment และ สัญญาณทางเทคนิค ให้ภาพตลาดฯวันนี้“แกว่ง”แบบให้น้ำหนักกับการลง แต่“ค่าบวก”(มีแรงหนุนของ“SMA10”) ก็จะเป็นการมีรีบาวด์ฯสั้นๆก่อน (แล้วจึงลงต่ำ,ตามมา)ได้ แนวต้าน 1590 หรือ 1600 จุด {แนวตัดขาดทุน “ต่ำกว่า 1580” จุด}ส่วนหุ้นเข้ามาใหม่มีสัญญาณบวกทางเทคนิคหรือมีโอกาสทำ New High ได้ คือ UV,QH,GULF,BEM,BTS ด้านหุ้นที่ยังอยู่ใน List คือTCAP,AMATA,HUMAN,PTT,AOT,CPALL,SAT,HMPRO สำหรับหุ้นที่หลุด List และหุ้นอยู่ในพื้นที่หาจังหวะ Take Profit ไม่มี

นักกลยุทธ์&นักวิเคราะห์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : [email protected]

 

Key Drivers TODAY : ปัจจัยต่างประเทศ / ปัจจัยในประเทศ

Flash Note : TISCO (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 102.00)

In The News : TMB ควบรวม TCAP : คาดว่าจะจบเร็วๆนี้

ข่าวเด่นวันนี้

 

- จีน: ตัวเลขส่งออก ธ.ค.61 แย่กว่าคาด ตั้งเป้า GDP ปี 62 ต่ำกว่าปี 61

# วานนี้จีนมีรายงาน (1) ส่งออกธ.ค. 2018 พลิกลดลง -4.4% yoy ในขณะที่ตลาดคาด +2.0% yoy และพลิกจาก +5.4%yoy พ.ย. ส่วนยอดนำเข้าธ.ค. -7.6% yoy พลิกจากที่ตลาดคาดว่าจะเพิ่ม +5.0% yoy จาก +3.0% พ.ย.; (2) ทั้งปี 2018ส่งออกจีนโต +9.9% yoy นำเข้าโต +15.8% yoy ทำให้เกินดุลการค้ารวม +USD 352bn; (3) จีนเกินดุลการค้ากับสหรัฐปี2018 เพิ่มขึ้นมาที่ +USD 323bn +17% yoy สูงสุดเป็นประวัติการณ์

# Reuters รายงานจีนตั้งเป้าอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP) ปี 2562 ที่ระดับ 6-6.5% YoY ลดลงจาก GDP ปี2561 ที่ระดับ 6.5% YoY โดยมีความเสี่ยงจากปัญหาสงครามทางการค้ากับสหรัฐฯ

# ผลกระทบ: เป็นลบ นักลงทุนกังวลเศรษฐกิจโลกจะได้รับผลกระทบจากสงครามการค้า เพราะตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐและจีนเริ่มมีสัญญาณไม่ดี อีกทั้ง การที่จีนเกินดุลสหรัฐมากๆ อาจจะทำให้สงครามการค้าไม่จบได้อย่างราบรื่น

 

-อังกฤษ: รัฐสภาลงมติ BREXIT วันนี้ กังวลโหวตไม่ผ่าน และอาจกระทบต่อค่าเงินปอนด์ได้

# นางเมย์ต้องการที่จะเตือนว่า อาจจะเกิดสถานการณ์ที่รัฐสภามีแนวโน้มว่า จะคว่ำร่าง Brexit มากกว่าจะยอมให้สหราชอาณาจักรออกจาก EU โดยปราศจากข้อตกลง พร้อมทั้งชี้ว่า ความเชื่อใจในระบบการเมืองจะเสียหายอย่างรุนแรงถ้ารัฐบาลไม่ปฏิบัติตามผลการลงประชามติของประชาชน

# หากรัฐสภาอังกฤษคว่ำร่างข้อตกลง Brexit ในวันอังคารหน้า ก็จะถือเป็นจุดจบสำหรับการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของนางเมย์ โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์สิ่งที่จะเกิดขึ้น หลังร่างข้อตกลง Brexit ไม่ผ่านการอนุมัติในสภา คือ การลาออกจากตำแหน่งของนางเมย์, มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล, รัฐบาลประกาศยุบสภาเพื่อเลือกตั้งใหม่, มีการจัดการลงประชามติรอบ 2 เกี่ยวกับ Brexit รวมทั้งเกิดความปั่นป่วนทางการเมือง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อกระบวนการ Brexit ให้ต้องเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่

 

- สหรัฐ: เลื่อนประกาศข้อมูลเศรษฐกิจหลายรายการ เพราะภาวะ Shut Down

# ทางการสหรัฐได้เลื่อนการเปิดเผยข้อมูลหลายรายการในสัปดาห์นี้ เนื่องจากผลกระทบของภาวะชัตดาวน์ ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนธ.ค., ดัชนีภาคการผลิต (Empire StateManufacturing Index) เดือนม.ค.จากเฟดนิวยอร์ก, ราคานำเข้าและราคาส่งออกเดือนธ.ค., ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนม.ค.จากสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB), รายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book จากธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีการผลิตเดือนม.ค.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย, การผลิตภาคอุตสาหกรรม-อัตราการใช้กำลังการผลิตเดือนธ.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นเดือนม.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน

 

-สหรัฐ: ปัญหาภาวะ Shut Down ยังไม่คลี่คลาย

# นักลงทุนยังคงติดตามสถานการณ์ที่หน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐถูกปิดทำการเนื่องจากขาดงบประมาณ หรือชัตดาวน์ ซึ่งล่วงเข้าสู่วันที่ 24 เนื่องจากทำเนียบขาวและแกนนำพรรคเดโมแครตในสภาคองเกรสยังไม่สามารถตกลงกันได้ในประเด็นการจัดสรรงบประมาณสร้างกำแพงกั้นชายแดนเม็กซิโกวงเงินกว่า 5 พันล้านดอลลาร์

 

- ภาวะตลาดหุ้นสหรัฐ : ดาวโจนส์ปรับลง สะท้อนตัวเลขเศรษฐกิจจีนอ่อน และหุ้นเทคโนฯตก

# ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 23,909.84 จุด ลดลง 86.11 จุด หรือ -0.36% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่2,582.61 จุด ลดลง 13.65 จุด หรือ -0.53% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,905.92 จุด ลดลง 65.56 จุด หรือ -0.94%

# ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (14 ม.ค.) หลังจากทางการจีนเปิดเผยข้อมูลการค้าที่ย่ำแย่ทั้งในเดือนธ.ค.และตลอดปี 2561 ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและผู้ผลิตชิป หลังจากบริษัทไดอะล็อค เซมิคอนดัคเตอร์ ซึ่งเป็นซัพพลายเออร์ของแอปเปิล อิงค์ เปิดเผยรายได้ในไตรมาส 4/2561 ที่ระดับต่ำสุดของตัวเลขคาดการณ์ ขณะเดียวกันนักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่บริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ของสหรัฐจะเปิดเผยผลประกอบการในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงโกลด์แมน แซคส์และเน็ตฟลิกซ์

 

- ภาวะตลาดน้ำมัน : ปรับลง กังวลเศรษฐกิจจีน ฉุดความต้องการในอนาคต

# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ. ลดลง 1.08 ดอลลาร์ หรือ 2.1% ปิดที่ 50.51 ดอลลาร์/บาร์เรล

# สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 1.49 ดอลลาร์ หรือ 2.5% ปิดที่ 58.99 ดอลลาร์/บาร์เรล

# สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 2% เมื่อคืนนี้ (14 ม.ค.) หลังการทางการจีนเปิดเผยตัวเลขการค้าที่ซบเซา ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนมีความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมันของจีน

 

- ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก : ปิดปรับขึ้น หันเข้าหาสินทรัพย์ปลอดภัย

# สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 1.80 ดอลลาร์ หรือ 0.14% ปิดที่1291.30 ดอลลาร์/ออนซ์

# สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดขยับขึ้นเมื่อคืนนี้ (14 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยหลังจากดัชนีดาวโจนส์ตลาดสหรัฐปรับตัวลงติดต่อกันเป็นวันที่ 2 นอกจากนี้ การอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ยังเพิ่มความน่าดึงดูดให้กับทองคำเช่นกัน

 

-/+ เศรษฐกิจไทย: รมว.คลัง ประเมินเศรษฐกิจไทยปี 62 จะขยายตัวได้ 4% โตชะลอกว่าปี 60

# รมว.คลัง ประเมินเศรษฐกิจไทยปี 62 จะขยายตัวได้ 4% ในขณะที่ปี 61 ขยายตัวได้ 4.1-4.2% ซึ่งถือว่าเติบโตเต็มศักยภาพในระดับ 4-5% ตามที่รัฐบาลตั้งเป้าการบริหารเศรษฐกิจของประเทศไว้ตั้งแต่เข้ามาทำงานในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมาทำให้ไทยสามารถรองรับกับความผันผวนของเศรษฐกิจโลกได้ดี พร้อมระบุว่า กระทรวงการคลังมีแผนบริหารเศรษฐกิจระยะปานกลาง ที่ตั้งเป้าว่าจะต้องทำให้เศรษฐกิจขยายตัวได้อย่างน้อยปีละ 4% เพื่อให้ประเทศไทยพ้นจากกับดักประเทศรายได้ปานกลางให้เร็วขึ้น

 

-ติตตามค่าเงินบาท หลังเงินปอนด์จะมีความเคลื่อนไหว ตามการโหวตของรัฐสภาเรื่อง BREXIT ของอังกฤษ

# ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดการณ์เงินบาทช่วง 14-18 ม.ค.จะเคลื่อนไหวในกรอบ 31.80-32.20 บาท/ดอลลาร์ โดยตลาดรอติดตามผลการโหวตร่างข้อตกลงว่าด้วยการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรปของรัฐสภาอังกฤษ รวมถึงสถานการณ์ชัตดาวน์ และสัญญาณเกี่ยวกับทิศทางนโยบายการเงินของสหรัฐฯ จากถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด