- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 14 January 2019 15:38
- Hits: 1188
บล.เออีซี : Daily Focus
AECS Daily Focus
--------------
Market Outlook
• เมื่อวันศุกร์ ดัชนี SET Index ปิดที่ 1,597.63 จุด +9.41 จุด (+0.59%) มูลค่าซื้อขายราว 4.5 หมื่น ลบ. สำหรับวันนี้เรามองดัชนีซื้อขายในแดนบวก เหนือแนวรับ 1,590 จุด และแนวต้าน 1,609/1,625 จุด โดยมีแรงหนุนหลักจากราคาน้ำมันที่ฟื้นตัว ขณะที่ปัจจัยจากต่างประเทศมีแรงกดดันทีน้อยลง
Market Factors
• (-) สหรัฐฯ เข้าสู่ภาวะปิดหน่วยงานราชการนานสุดเป็นประวัติการ ทั้งนี้เราประเมินผลกระทบยังอยู่ในกรอบที่จำกัด โดยจากรายงานของทำเนียบขาวระบุว่าทุกๆ การปิดหน่วยงานราชการ 2 สัปดาห์ จะส่งผลกระทบต่อ GDP ช่วง 1Q62 ของสหรัฐฯ ราว 0.1%
• (Watch) วันนี้แนะนำนักลงทุนติดตามดุลการค้าเดือน ธ.ค. ของจีน ซึ่งแม้ Bloomberg Consensus คาดจะยังมีแนวโน้มเกินดุลมากขึ้นจากครั้งก่อน เนื่องจากมีการเร่งผลิตและส่งออกเพื่อเลี่ยงผลกระทบจากภาษีสินค้านำเข้าของสหรัฐฯ แต่ภาพระยะกลางถึงยาวเราคาดจะเริ่มเห็นยอดเกินดุลที่ลดลงเรื่อยๆ ตามพัฒนาการของการเจรจาข้อตกลงทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ–จีน จาก 1) ค่าเงินหยวน/ดอลลาร์เริ่มกลับมาแข็งค่าขึ้น 1.7%YTD และ 2) จีนตกลงเพิ่มสัดส่วนนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ มากขึ้น (เริ่มจากสินค้าเกษตร)
• (+) นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีคาดว่าจะมีการประกาศพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) เลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ลงในราชกิจจานุเบกษาภายในเดือน ม.ค.นี้ และกำหนดวันเลือกตั้งคงไม่เกินเดือน มี.ค. นี้ (ที่มา: สำนักข่าวอินโฟเควสท์)
• (+) นักลงทุนต่างชาติเริ่มเข้าลงทุนในตราสารทุนไทยมากขึ้น โดยเมื่อวันศุกร์เป็นการซื้อติดต่อกันเป็นวันที่สอง รวมซื้อสุทธิสองวัน 1,858.5 ล้านบาท
Investment Strategy
• สัปดาห์นี้ เราคาด SET Index จะสามารถยืนในแดนบวก เหนือแนวรับ 1,589 จุด (Fwd PE 13.8x) และแนวต้านที่ 1,624 จุด (Fwd PE 14.1x) โดยมีแรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบที่ยังคงฟื้นตัวกลับมาต่อเนื่อง ในขณะที่แรงกดดันจากปัจจัยต่างประเทศค่อนข้างน้อย โดย นักลงทุนยังต้องติดตามประเด็นต่างๆ เช่น Government Shutdown, Trade Wars ของสหรัฐ-จีน และ BREXIT ดังนั้นเรายังคงแนะนำ 3 กลุ่มหุ้นโตเด่น + 1 กลุ่มกองทุนที่คาดหวังเงินปันผลจากความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดได้สม่ำเสมอ ดังนี้
1. กลุ่มนิคมและสาธารณูปโภค: อานิสงส์บวกทั้งราคาขายและยอดขายพื้นที่ในเขต EEC โตเด่นแนะนำ AMATA (ปัจจุบันมีพื้นที่รอการขาย 2,777 ไร่ และพื้นที่รอการพัฒนาอีกราว8,172 ไร่), WHA (ปี 62 ตั้งเป้าขายที่ดินในนิคมไม่ต่ำกว่า1,000 ไร่พร้อมคาดได้รับลูกค้าคลังสินค้าเพิ่มขึ้นอีกกว่า1 แสนตรม.),EASTW ปี 62 คาดเห็นการฟื้นตัวของกำไรสอดคล้องไปกับการขยายตัวของนิคมอุตสาหกรรมในเขต EEC ซึ่งทำให้ความต้องการใช้น้ำดิบในบริเวณดังกล่าวเพิ่มสูงขึ้นนอกจากนี้ในระยะยาวบริษัทยังมุ่งเพิ่มสัดส่วนจำหน่ายน้ำควบคุมคุณภาพ (มาร์จิ้นสูง) มากขึ้นโดยล่าสุดเซ็นสัญญาให้บริการแก่ GULF (รับรู้รายได้ปี 63) และ AMATA (รับรู้รายได้ปี 64)
2. กลุ่มโรงไฟฟ้า: ลักษณะธุรกิจที่มีความสามารถสร้างกระแสเงินสดได้อย่างสม่ำเสมอ และเราเลือกหุ้นโรงไฟฟ้าที่ยังคงมีการเติบโตต่อเนื่องได้อีก 4-5 ปีข้างหน้า ได้แก่ BGRIM ปี 62 มีแผน COD โรงไฟฟ้าเพิ่มอีก 682MW ทำให้มีกำลังผลิตรวม 2.77 GW ณสิ้นปี 62 และมีเป้าหมายระยะยาวในปี 65 ที่ 3.13GW, BPP ปี 62 มีแผน COD โรงไฟฟ้าเพิ่มอีก 312MW ทำให้มีกำลังผลิตรวม2.48GW ณสิ้นปี 62 และมีเป้าหมายระยะยาวในปี 68 ที่ 4.3GW, GUNKULปี 62 มีแผน COD โรงไฟฟ้าโซลาร์อีก 105MW ทำให้มีกำลังผลิตรวม 401MW ณ สิ้นปี 62 และมีเป้าหมายระยะยาวในปี 65 ที่ 543MW.
3. กองทุนที่มีความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดได้สม่ำเสมอ: ได้แก่ TFFIF (ประมาณการเงินที่สามารถปันส่วนแบ่งให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนสำหรับปี 61/62 ราว 0.475 บาท/หน่วย+ความเสี่ยง 7/8)(ที่มา:Filing), POPF (อัตราเงินปันผลในอดีตที่ 7.61%+ความเสี่ยง 6/8) QHPF (อัตราเงินปันผลในอดีตที่ 6.41%+ความเสี่ยง 6/8), BTSGIF (อัตราเงินปันผลในอดีตที่ 6.76%+ความเสี่ยง 7/8), CPNCG (อัตราเงินปันผลในอดีตที่ 6.23%+ความเสี่ยง 7/8), CPTGF (อัตราเงินปันผลในอดีตที่ 6.03%+ความเสี่ยง 6/8)
4. หุ้นขนาดเล็กที่คาดกำไรปี 62 โตเด่นบวกกับ Cheap Valuationได้แก่ JMT (แนวโน้มกำไรโตต่อเนื่อง และบริษัทประกาศซื้อหนี้ไม่มีหลักประกันชุดใหม่มาบริหารมูลค่า 1 พัน ลบ. มีแผนเพิ่มสัดส่วนหนี้มีหลักประกัน หนุนยอดหนี้แตะ 1.4 แสน ลบ.และมีความสามารถในการจัดเก็บหนี้ที่อยู่ในเกณฑ์ดี), SKN (ช่วง 4Q61 คาดกำไรโตเด่นจากการรับรู้กำลังการผลิตใหม่จากเครื่องจักรไลน์ที่ 2 เพื่อรองรับคำสั่งซื้อส่วนเกินจากลูกค้าเดิม และตอบสนองความต้องการจากลูกค้ากลุ่มใหม่ในต่างประเทศ), SSP (ปี 62 รับรู้รายได้เต็มปีจากโรงไฟฟ้าโซลาร์และโซลาร์รูฟท็อปในมือ 87MW และยังมีโรงไฟฟ้าในมืออีก 141MW ที่ยังอยู่ระหว่างการก่อสร้างซึ่งจะทยอย COD ในปี 63 เป็นต้นไป)
11-Jan-19 Change (pts.) 10-Jan-19
SET Index 1,597.04 9.41 1,587.63
SET50 Index 1,069.42 6.23 1,063.19
SET100 Index 2,347.64 13.69 2,333.95
High 1,597.18 Gainers 761
Low 1,586.93 Unchanged 408
Value (Bt m) 45,172.76 Losers 509
Volume (*000) 12,091,928
Market Valuation
SET Data 2018F 2019F Long Term
Fwd PER (x) 13.9 12.8 No Data
EPS Growth (%) 13.9 9.3 No Data
EV/EBITDA (x) 9.7 9.2 No Data
FWD PBV (x) 1.7 1.6 No Data
Dividend Yield (%) 3.4 3.6 No Data
ROE 12.0 12.1 No Data
Net Buy/Sell by Investor Types
Unit : M Bt 11-Jan-19 WTD MTD YTD
Institution 516.94 4,590.43 8,288.44 8,288.44
Proprietary (85.94) (289.83) (1,125.04) (1,125.04)
Foreign 956.03 (1,457.30) (5,659.37) (5,659.37)
Individual (1,387.03) (2,843.30) (1,504.02) (1,504.02)
AECS ( Fundamental and Strategic Team )
อิศรา เลิศสุดคนึง (ID.033432) [email protected]
ตฤณ สิทธิสวัสดิ์ (ID. 091364) [email protected]
จิรภัทร โบสุวรรณ (ID. 040051) [email protected]
ภัทรพล จันทร์อินทร์ (ID. 089932) [email protected]
ธีรยุทธ ฤทธิเผ่าพันธุ์ ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
สุวรรณา อัศวเหล่าวรพงศ์ Data Support / Secretary