- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 14 January 2019 15:30
- Hits: 1259
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
CPI สหรัฐลดครั้งแรก-ทรัมป์อาจใช้ภาวะฉุกเฉิน
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ภาวะตลาดและปัจจัย : SET วันศุกร์ +9.41 จุด ปิดที่ 1597.04 จุด มูลค่าการซื้อขายเบาบางที่ 45.2 พันล้านบาท สอดคล้องกับตลาดหุ้นในภูมิภาคแถบนี้ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังเฟดย้ำปีนี้ชะลอขึ้นดอกเบี้ย มีแรงซื้อหุ้น AOT, CPALL และ BEM ด้านหุ้นโรงพยาบาลกลับมารีบาวด์ได้ อีกทั้ง ADVANC, TRUEลดแรงลบซึ่งที่ปรับลงเพราะกังวลจะต้องจ่ายเงินให้ กสท.เหมือน DTAC ผู้ขายสุทธิเป็น นักลงทุนทั่วไป 1.4 พันลบ. และบัญชีหลักทรัพย์ ผู้ซื้อสุทธิคือ นักลงทุนต่างประเทศ 0.9 พันลบ. และสถาบัน 0.5 พันลบ. ด้านแนวโน้มตลาดและกลยุทธ์วันนี้คือ
# ระยะสั้นคาดว่า SET จะ Sideways หลังดาวโจนส์และน้ำมันเริ่มปรับลง ดัชนีผู้บริโภค (CPI) สหรัฐ ธ.ค.ลดครั้งแรกรอบ 9 เดือน ทรัมป์อาจใช้ภาวะฉุกเฉินอนุมัติงบสร้างกำแพง หากเจรจาสภาครองเกรสไม่สำเร็จ แต่ปัจจัยบวกเดิมคือ เฟดชะลอขึ้นดอกเบี้ยปีนี้ เลือกตั้งไทยเลื่อนไม่นาน สงครามการค้าชะลอลง หลังเจรจา บาทยังอยู่ในเกณฑ์แข็งค่า แม้ส่วนใหญ่เข้าตลาดบอนด์
# ตลาดหุ้นเพื่อนบ้าน Mix ทั้งบวกและลบ ดาวโจนส์ล่วงหน้าลด แต่น้ำมันล่วงหน้าปรับขึ้น ช่วงนี้ตลาดหุ้นไทยมีข่าวลบรายวัน เช่น หุ้นกลุ่มโรงพยาบาลตก ให้ยา-ค่ารักษาเป็นสินค้าควบคุม กังวลกลุ่มสื่อสาร ADVANC และ TRUE จะจ่ายเงินค่าชดเชยให้ กสท.เหมือน DTAC
# กลยุทธ์ คือ ทางเทคนิค นักวิเคราะห์เห็นว่า SET จะมีลักษณะเป็นบวกในระยะสั้น เก็งกำไรเน้นซื้อค่าบวก แนวต้านคือ 1600-1610 หากเป็นภาพสัปดาห์คือ “แกว่งแบบมีรีบาวด์แล้วลงต่อ” ส่วนดัชนีฯเป้าหมายทางพื้นฐานปี 2562 ยังเป็น 1780 จุด (+0.5 SD) ด้วยคาดการณ์อัตราการเติบโตกำไรปี 61-62 ที่ +8%/+6%ตามลำดับ แนะนำทยอยสะสมหุ้นพื้นฐานดี หุ้น Top Pick ในงวด 1Q62 คือ AOT,BBL,CPALL,HANA,PTT และ WHA
# หุ้นเด่น BEM : แม้จะมีการประท้วงจากสหภาพแรงงาน กทพ. แต่ก็คาดว่าจะไม่เป็นอุปสรรคต่อการที่บอร์ดกทพ.ให้ขยายอายุสัมปทานออกไป 37 ปี เพื่อลดหนี้ข้อพิพาทที่มีต่อกัน ข้อดีคือ มีความมั่นคงในระยะยาวและจะตัดค่าเสื่อมราคาน้อยลงไปมากเพราะไม่มีเงินลงทุนใหม่ ส่งผลให้กำไรสุทธิบรรทัดสุดท้ายปี 62 จะขยายตัวถึง 68% และเติบโตได้ดีต่อในปี 63 แนะนำ ซื้อ ราคาพื้นฐานเป็น 11.80 บาท
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ระยะสั้น Candlestick & Indicators เป็นบวกเล็กๆ คาดสัปดาห์นี้ รีบาวด์สั้นๆ ก่อนลงต่อ ดังนั้นซื้อใหม่เน้นค่าบวกทั้งราคาหุ้นและดัชนีแนวต้านระยะสั้น 1600-1610-1620 จุด, แนวรับคือ 1580-1570 จุด กลายเป็นว่าหากดัชนีฯหลุด 1588 จุด จะกลายเป็นสัญญาณไม่ดี
ส่วนหุ้นเข้ามาใหม่มีสัญญาณบวกทางเทคนิคหรือมีโอกาสทำ New High ได้ คือ TCAP, AMATA,HUMAN,PTT,AOT,CPALL,SAT,HMPRO
นักกลยุทธ์&นักวิเคราะห์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : [email protected]
Inside Story
Key Drivers TODAY : ปัจจัยต่างประเทศ / ปัจจัยในประเทศ
Weekly Focus: Need to Know
Company Guide : TEAMG (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 2.47 บาท )
Flash Note : BDMS (ถือ -ราคาพื้นฐาน อยู่ระหว่างทบทวน)
SCC (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 504.00 บาท )
In The News : ข่าวเด่นวันนี้
Turnover List Watch : ไม่มีหลักทรัพย์ใดติด Cash Balance
Key Drivers TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
- สหรัฐ: ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ธ.ค.ลดลงครั้งแรกในรอบ 9 เดือน
# กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนธ.ค.ลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 9 เดือนลดลง 0.1% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งเป็นการปรับตัวลงเป็นครั้งแรกในรอบ 9 เดือน และสอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หลังจากทรงตัวในเดือนพ.ย.
- สหรัฐ: ทรัมป์พร้อมประกาศภาวะฉุกเฉิน หากเจรจาสภาครองเกรสไม่คืบหน้างบประมาณสร้างกำแพง
# ปธน.ทรัมป์กล่าวอย่างชัดเจนว่า เขาพร้อมที่จะประกาศภาวะฉุกเฉินแห่งชาติ หากการเจรจากับสภาคองเกรสไม่ประสบความคืบหน้าในการอนุมัติงบประมาณสำหรับการสร้างกำแพงกั้นชายแดนสหรัฐ-เม็กซิโก การประกาศภาวะฉุกเฉินดังกล่าว จะทำให้ปธน.ทรัมป์มีอำนาจออกกฎหมายพิเศษโดยไม่ต้องขอการอนุมัติจากสภาคองเกรสสำหรับการสร้างกำแพงโดยใช้งบประมาณที่มีการจัดสรรไว้แล้วสำหรับกองทัพ
+ สหรัฐ: เฟดมีแนวโน้มจะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยปีนี้
# ถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งระบุว่า เฟดสามารถยืดหยุ่นและมีความอดทนต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และเฟดสามารถปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินตามขอบเขตที่สมควร หากเศรษฐกิจมีแนวโน้มย่ำแย่ลง
+ ภาวะตลาดหุ้นสหรัฐ : ดาวโจนส์ปรับขึ้นต่อ ขานรับประธานเฟดส่งสัญญาณชะลอขึ้นดอกเบี้ย
# ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 23,995.95 จุด ลดลง 5.97 จุด หรือ -0.02% ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6971.48ลดลง 14.59 จุด หรือ -0.21% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,596.26 จุด ลดลง 0.38 จุด หรือ -0.01%
# ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดตลาดปรับตัวลงเล็กน้อยเมื่อวันศุกร์ (11 ม.ค.) หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนธ.ค.ลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 9 เดือน ขณะที่นักลงทุนยังคงวิตกเกี่ยวกับการปิดหน่วยงานของรัฐบาล (ชัตดาวน์) ท่ามกลางความขัดแย้งระหว่างทำเนียบขาวและสภาคองเกรสเกี่ยวกับการสร้างกำแพงกั้นชายแดนเม็กซิโก
- ภาวะตลาดน้ำมัน : ปรับลง ถูกขายทำกำไร หลังขึ้นมาหลายวัน
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ. ลดลง 1 ดอลลาร์ หรือ 1.9% ปิดที่ 51.59 ดอลลาร์/บาร์เรล
# สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 1.2 ดอลลาร์ หรือ 2% ปิดที่ 60.48 ดอลลาร์/บาร์เรล
# สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลดลงเมื่อวันศุกร์ (11 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนพากันเทขายเพื่อทำกำไร หลังราคาสัญญาน้ำมันปรับตัวขึ้นติดต่อกัน 9 วัน ทำสถิติปิดในแดนบวกยาวนานที่สุดในรอบ 9 ปี มาก่อนหน้านี้
- ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก : ปิดปรับขึ้น จากตลาดหุ้นสหรัฐที่แผ่วลง
# สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 2.10 ดอลลาร์ หรือ 0.16% ปิดที่1,289.50 ดอลลาร์/ออนซ์
# สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดขยับขึ้นเมื่อวันศุกร์ (11 ม.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการร่วงลงของตลาดหุ้นสหรัฐ ซึ่งทำให้นักลงทุนหันมาซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย
ปัจจัยในประเทศ
-/+ การส่งออก: ธปท.คาดส่งออกปี 62 เติบโตชะลอกว่าปี 61
# ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวในงานประชุมนักวิเคราะห์เพื่อสรุปแนวโน้ม (.ธปท)เศรษฐกิจและนโยบายการเงินรายไตรมาส เมื่อวันที่10 มงออกสินค้าของไทยยังคงที่ผ่านมาว่า แม้การส่ .ค.ได้รับผลกระทบจากปัญหาภายนอกประเทศ โดยเฉพาะมาตรการกีดกันทางการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน เชื่อว่าจะส่งผลดีต่อไทยทำให้มีการย้ายคำสั่งซื้อหรือออร์เดอร์ และการย้ายฐานการผลิตจากจีนมายังไทย เป็นปัจจัยสำคัญช่วยสนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยต่อไป คาดว่ามูลค่าการส่งออกในปี 62 ขยายตัวได้ 3.8% ชะลอลงจากปี 61 คาดว่าส่งออกได้ 7% เพราะมีฐานที่สูงจากปีก่อนหน้าและผลกระทบเรื่องสงครามการค้าเป็นหลัก
-ความเชื่อมั่นนักลงทุน: สภาตลาดทุนสำรวจของ 3 เดือนข้างหน้าลดลง
# ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน ในอีก 3 เดือนข้างหน้า ปรับตัวลดลงเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน โดยลดลง 5.25 มาอยู่ที่ระดับ 92.75 โดยอยู่ในเกณฑ์ทรงตัว )Neutral) เช่นเดิม ทั้งนี้ ผลสำรวจพบว่า นักลงทุนกังวลกับความเสี่ยงจากนโยบายการค้าของสหรัฐฯ และการไหลเข้าออกของกระแสเงินทุนจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ขณะที่นักลงทุนเชื่อมั่นในสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศเรื่องการเลือกตั้งและกำไรของบริษัทจดทะเบียนที่จะช่วยความเชื่อมั่นนักลงทุน
+ การท่องเที่ยวไทย: ปี 61 รายได้ยังทะลุเป้า และจำนวนนักท่องเที่ยวปีนี้ คาดยังเติบโตได้
# ททท เปิดตลาดท่องเที่ยว ปี.62 สั่งเร่งสะสมแต้มนักท่องเที่ยวต่างชาติตั้งแต่ต้นปี หลังปีที่แล้วนักท่องเที่ยวจีนร่วงทำรายได้นักท่องเที่ยวต่างชาติหลุดเป้า 3,000 ล้านบาท แต่โชคดี เกินเป้าช่วยรายได้รวมทะลุเ "ไทยเที่ยวไทย"ป้า 46,000ล้านบาท
# ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า ในปี 2562 นักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทยน่าจะมีจำนวนประมาณ 39.00-39.80 ล้านคนเติบโต 2.1-4.1% จากปี 2561 โดยตลาดที่คาดว่าจะยังเติบโตได้ดี อาทิ นักท่องเที่ยวอาเซียน เกาหลีใต้ อินเดีย และญี่ปุ่นขณะที่การฟื้นตัวที่ชัดเจนและต่อเนื่องของนักท่องเที่ยวจีนน่าจะเกิดขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง
# ผลกระทบ: ฝ่ายวิจัยฯ ยังมีมุมมองที่ดีกับหุ้นกลุ่มเดินทาง-ท่องเที่ยว ที่คาดว่าปีนี้จะยังมีโมเมนตัมการเติบโตที่ดี และฐานปี 61 ที่ต่ำเพราะได้รับผลกระทบจากนักท่องเที่ยวจีนที่เริ่มลดลงในช่วง 2H61 จากอุบัติเหตุเรือล่มที่ภูเก็ต แม้คาดว่าภาพการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวจีนจะเป็นลักษณะค่อยเป็นค่อยไปมากกว่า แต่ก็มีนักท่องเที่ยวจากชาติอื่นมาทดแทนหลักทรัพย์ที่คงคำแนะนำ ซื้อ คือ AOT ราคาพื้นฐาน 75.00 บาท MINT ราคาพื้นฐาน 46.00 บาท และ ERW ราคาพื้นฐาน 9.00 บาท
+ เมกะโปรเจ็กต์: รฟม ฟ้าภูเก็ตกว่าคาดชงรถไฟ.3.4 หมื่นลบ เปิดประมูล-กลางปี.เข้า ครม.Q3/62
# รฟม คาดชงรถไฟฟ้าภูเก็ตกว่า.3.4 หมื่นลบกลางปี.เข้า ครม. และเชิญชวนร่วมลงทุนได้ในไตรมาส 3 ปี 62 และคาดจะใช้ระยะเวลาพิจารณาข้อเสนอ ซึ่งจะรู้ผลผู้ชนะในกลางปี 63 จึงเริ่มก่อสร้างได้ โดยคาดว่าจะเริ่มเปิดให้บริการในปี 66
# โครงการนี้ถือว่าเป็นโครงการใหญ่ มีนักลงทุนจากต่างประเทศให้ความสนใจ ได้แก่ ฝรั่งเศส อิตาลี จีน ญี่ปุ่น ส่วนเอกชนไทย มีผู้ให้บริการรถไฟฟ้าทั้ง 2 ราย ได้แก่ บมจ) บีทีเอส กรุ๊ปโฮลดิ้ง.BTS) และ บมจ) ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ.BEM)ให้ความสนใจ และบริษัทผู้รับเหมารายใหญ่ รวมทั้งกลุ่มทุนท้องถิ่น อาทิ บริษัท ภูเก็ตพัฒนาเมือง จำกัด
นักวิเคราะห์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : [email protected]