WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

DBSบล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
 
เฟดย้ำชะลอขึ้นดอกเบี้ย ไทยเลื่อนเลือกตั้งไม่นาน
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : DTAC (จากซื้อเป็นถือ)
ภาวะตลาดและปัจจัย : SET วานนี้ -2.87 จุด ปิดที่ 1587.63 จุด มูลค่าการซื้อขายมากขึ้นที่ 53.5 พันล้านบาท สอดคล้องกับตลาดหุ้นในภูมิภาคแถบนี้ที่เป็น Sideways มีแรงขายทำกำไร เพราะการเจรจาการค้าเป็นไปตามคาด ข่าวลบ DTAC ยอมจ่าย กสท.ถึง 9.5 พันลบ. หุ้นกลุ่มโรงพยาบาลยังปรับลง แต่ข่าววันเลือกตั้งไม่เลื่อนไกลช่วยค้ำตลาดฯ ผู้ขายสุทธิรายเดียวเป็นสถาบัน 2 พันล้านบาท ส่วนนักลงทุนต่างประเทศ นักลงทุนทั่วไป และบัญชีหลักทรัพย์ เป็นผู้ซื้อสุทธิ ด้านแนวโน้มตลาดและกลยุทธ์วันนี้คือ
# ระยะสั้นคาดว่า SET จะ Sideways ทางบวก หลังล่าสุดรองนายกฯวิษณุคาดเลือกตั้งไม่เกิน มี.ค.62 ถือว่าเลื่อนไม่นาน เฟดตอกย้ำในการประชุมสมาคมเศรษฐกิจ วอชิงตันวานนี้ชะลอขึ้นดอกเบี้ย ตัวเลขขอสวัสดิการว่างงานสหรัฐลดลง และราคาน้ำมันดิบปรับขึ้นได้
# ตลาดหุ้นเพื่อนบ้านปรับขึ้นเล็กน้อย เช่นเดียวกับดาวโจนส์ล่วงหน้า ช่วงนี้ตลาดหุ้นไทยมีข่าวลบรายวัน เช่น หุ้นกลุ่มโรงพยาบาลตก เพราะให้ยา-ค่ารักษาเป็นสินค้าควบคุม กังวลกลุ่มสื่อสารจะจ่ายเงินให้ กสท.เหมือน DTAC และ KBANK ปรับลง โดยไร้สาเหตุที่แน่ชัด
# กลยุทธ์ คือ ทางเทคนิค นักวิเคราะห์เห็นว่า SET จะมีลักษณะผันผวน การที่ดัชนีฯทยอยถอยลง ให้ดูแนวรับที่ 1575 จุด หากรับไม่อยู่จะเป็นสัญญาณไม่ดี อาจไปทดสอบแนวรับถัดไปที่ 1565 จุด ส่วนดัชนีฯเป้าหมายทางพื้นฐานปี 2562 ยังเป็น 1780 จุด (+0.5 SD) ด้วยคาดการณ์อัตราการเติบโตกำไรปี 61-62 ที่ +8%/+6% ตามลำดับ แนะนำทยอยสะสมหุ้นพื้นฐานดี หุ้น Top Pick ในงวด 1Q62 คือAOT,BBL,CPALL,HANA,PTT และ WHA
# หุ้นเด่น CPF : ตลาดหลักของ CPF 33 ลำดับแรกคือ ไทย 3% จีน 27% และเวียดนาม 15% จ่ายปันผลสม่ำเสมอทั้งกลางปี และปลายปีด้วยอัตราการจ่ายไม่น้อยกว่า 30% จากงบรวม ด้านวัตถุดิบคือ ข้าวโพดและถั่วเหลืองปีนี้มีการปรับขึ้น แต่ในอัตราที่ไม่ถึงกับสูงนักเป็น 3-5%บริษัทตั้งเป้ารายได้ปีนี้เติบโต 5-7% แรงผลักดันหลักจะมาจากตลาดไทย คงคำแนะนำ ซื้อ ด้วยราคาพื้นฐาน 30.บาท ข้อดี 00คือ ราคาเนื้อสัตว์อยู่ในเกณฑ์ที่สูง โดยเฉพาะเนื้อไก่ส่งออก และเนื้อหมู
 
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ระยะสั้นภาพตลาดยังผันผวน รีบาวด์กับลงสลับกันเป็นระยะๆ ซื้อใหม่เน้นค่าบวกทั้งราคาหุ้นและดัชนี แนวต้านระยะสั้น 1595-1615 จุด, แนวรับคือ 1575, 1565 จุด กลายเป็นว่าหากดัชนีฯหลุด 1575 จุด จะกลายเป็นสัญญาณไม่ดี และมีความเสี่ยงที่จะทำจุดต่ำสุดใหม่
นักกลยุทธ์&นักวิเคราะห์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : [email protected]
 
Inside Story
Key Drivers TODAY : ปัจจัยต่างประเทศ / ปัจจัยในประเทศ
Industry Focus : ก.พาณิชย์ ไม่ขยายเวลาบังคับใช้มาตรการปกป้องเหล็กแผ่นรีดร้อนรอบ 3
Company Guide : DTAC (ถือ -ราคาพื้นฐาน 49.25)
Flash Note : AEONTS (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 250.00)
In The News : SCC (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 504)
ข่าวเด่นวันนี้
Turnover List Watch : คาดว่าไม่มีหลักทรัพย์ใดติด Cash Balance
 
 
Key Drivers TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
+ สหรัฐ: เฟดมีแนวโน้มจะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยปีนี้
# ถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ซึ่งระบุว่า เฟดสามารถยืดหยุ่นและมีความอดทนต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และเฟดสามารถปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินตามขอบเขตที่สมควร หากเศรษฐกิจมีแนวโน้มย่ำแย่ลง
# "เมื่อพิจารณาจากอัตราเงินเฟ้อในปัจจุบันซึ่งอยู่ในระดับต่ำและสามารถควบคุมได้ เฟดก็สามารถอดทน และติดตามสถานการณ์ทางเศรษฐกิจด้วยความอดทนและระมัดระวัง" นายพาวเวลกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมที่สมาคมเศรษฐกิจแห่งกรุงวอชิงตันเมื่อวานนี้
# นายพาวเวลยังได้กล่าวถึงกรณีที่กรรมการหลายคนของเฟดได้ออกมาคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้ โดยนายพาวเวลกล่าวว่า "เรายังไม่มีแผนที่ตายตัวในเรื่องนี้ แต่หากเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้ ก็จะตั้งอยู่บนเงื่อนไขที่ว่า แนวโน้มเศรษฐกิจในปี 2562 จะต้องแข็งแกร่งมาก และผมเชื่อว่าแนวโน้มดังกล่าวยังคงมีโอกาสที่จะเกิดขึ้น"
 
+ สหรัฐ: ตัวเลขการรับขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลงมากกว่าคาด
# สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 17,000 ราย สู่ระดับ 216,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะลดลงสู่ระดับ 225,000 ราย
# ส่วนในวันนี้ ทางการสหรัฐจะเปิดเผยอัตราว่างงานประจำเดือนธ.ค.ในเวลา 20.30 น.ตามเวลาไทย
 
+ ภาวะตลาดหุ้นสหรัฐ : ดาวโจนส์ปรับขึ้นต่อ ขานรับประธานเฟดส่งสัญญาณชะลอขึ้นดอกเบี้ย
# ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,001.92 จุด เพิ่มขึ้น 122.80 จุด หรือ +0.51% ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปิดที่6,986.07 จุด เพิ่มขึ้น 28.99 จุด หรือ +0.42% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,596.64 จุด เพิ่มขึ้น 11.68 จุด หรือ +0.45%
# ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (10 ม.ค.) ทำสถิติปิดในแดนบวกติดต่อกัน 5 วันทำการ เนื่องจากนักลงทุนขานรับถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ส่งสัญญาณชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวสามารถสกัดปัจจัยลบจากการร่วงลงอย่างหนักของหุ้นกลุ่มค้าปลีก หลังจากบริษัทค้าปลีกยักษ์ใหญ่อย่างเมซี่ และโคห์ล เปิดเผยยอดขายที่ซบเซาในช่วงเทศกาลวันหยุดที่ผ่านมา
 
+ ภาวะตลาดน้ำมัน : ปรับขึ้นเล็กน้อย รับข่าวซาอุฯลดการผลิต และข่าวเฟด
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 23 เซนต์ หรือ 0.4% ปิดที่ 52.59 ดอลลาร์/บาร์เรล
# สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 24 เซนต์ หรือ 0.4% ปิดที่ 61.68 ดอลลาร์/บาร์เรล
# สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่ 9 เมื่อคืนนี้ (10 ม.ค.) ทำสถิติปิดในแดนบวกยาวนานที่สุดในรอบ 9 ปี หลังจากซาอุดีอาระเบียประกาศแผนการปรับลดการผลิตน้ำมันในเดือนม.ค.และก.พ.นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากการที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
 
+ ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก : ปิดปรับลง จากเงินดอลลาร์แข็ง
# สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. ลดลง 4.60 ดอลลาร์ หรือ 0.4% ปิดที่1,287.40 ดอลลาร์/ออนซ์
# สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (10 ม.ค.) โดยได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์นอกจากนี้ การพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องของตลาดหุ้นสหรัฐยังส่งผลให้นักลงทุนลดการถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
 
ปัจจัยในประเทศ
+ การเลือกตั้ง: "วิษณุ"คาดประกาศ พ.ร.ฎ.เลือกตั้งภายใน ม.ค.และจัดเลือกตั้งไม่เกิน มี.ค.
# นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการกำหนดวันเลือกตั้งของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ควรมีขึ้นภายหลังวันที่ 26 ม.ค.62 ซึ่งเป็นวันประชุมคณะกรรมการอำนวยการจัดพระราชพิธีบรมราชาภิเษกหรือไม่ว่า บางเรื่องมีการแจ้งความคืบหน้าให้ กกต.ทราบเป็นระยะๆ และหลังจากวันนี้ไปคงมีแจ้งให้ทราบเช่นกันเพื่อประกอบการพิจารณาของกกต.
# ทั้งนี้ คาดว่าจะมีการประกาศพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) เลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ลงในราชกิจจานุเบกษาภายในเดือน ม.ค.นี้ และกำหนดวันเลือกตั้งคงไม่เกินเดือน มี.ค.
 
• ภาวะเศรษฐกิจไทย: ธปท. คาดว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้จะขยายตัวในระดับ 4%
# ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คาดว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้จะขยายตัวในระดับ 4% ซึ่งมีแนวโน้มการเติบโตที่ชะลอลง และมีความเสี่ยงด้านต่ำเพิ่มมากขึ้น แต่ทั้งนี้ ธปท.พร้อมจะใช้เครื่องมือทางการเงินเข้ามาดูแล หากเห็นว่าความมีโอกาสที่จะเกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม พร้อมยืนยันการใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายยังมีความเหมาะสมในระยะข้างหน้าและการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป
# และระบุว่าไม่กังวลแม้อัตราเงินเฟ้อของไทยจะอยู่ในกรอบล่างของเป้าหมายนโยบายการเงิน (1-4%) เนื่องจากแม้อัตราเงินเฟ้อจะต่ำ แต่การจับจ่ายใช้สอยของประชาชนยังเป็นไปอย่างปกติ เศรษฐกิจเติบโตอยู่ในระดับที่มีศักยภาพ การบริโภคการจ้างงาน และการลงทุนยังขยายตัวได้ดี
 
• DTAC: ตกลงจ่าย 9.51 พันลบ. ระงับข้อพิพาทกับ "กสท."
# DTAC ตกลงจ่าย 9.51 พันลบ. ระงับข้อพิพาทกับ "กสท." ระบุไม่ส่งผลต่อสภาพคล่อง จ่ายงวดแรก 6.84 พันล้านบาทและส่วนที่เหลือจ่ายเมื่อกสท.ถอนคดี แต่ต้องรอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นก่อน (aspen)
# ผลกระทบ: นับเป็นข่าวลบระยะสั้นที่เข้ามา หากคิดเงินที่ต้องจ่ายต่อหุ้นสูงเป็น 4.02 บาททีเดียว แต่วานนี้ราคาหุ้นตอบรับในทางลบไปแล้วและลดลง 4.25 บาท ทางทีมกลยุทธ์เห็นว่าได้สะท้อนข่าวลบไประดับหนึ่งแล้ว ในอีกมุมมองหนึ่งการที่บริษัทยอมจ่ายคือ หากรอสู้ไปอาจต้องจ่ายแพงกว่านี้ ทางด้านปัจจัยพื้นฐานแนะนำ ถือ สำหรับ DTAC (ติดตามรายละเอียดได้ใน Company Guide) ด้านหลักทรัพย์อื่นคือ ADVANC และ TRUE ก็พลอยมีราคาที่หุ้นที่ปรับลงเนื่องจากมีความกังวลว่าจะต้องจ่ายให้กับ กสท.เช่นกัน แต่เราเห็นว่าเป็นเรื่องต่างกรรมต่างวาระ จึงไม่อาจสรุปได้ว่าเรื่องจะลงเอยแบบ DTAC เสียทีเดียว
 
-/• KBANK: ราคาหุ้นปรับลงแรงกว่ากลุ่ม ยังไม่มีสาเหตุที่แน่ชัด
# วานนี้ราคาหุ้น KBANK ราคาหุ้นปรับลงแรงกว่า Peers ปิดลดลงถึง 3.2% แต่ยังไม่มีสาเหตุที่แน่ชัด แต่จากการสอบถามข้อมูลพบว่า DTAC ไม่ได้ใช้เงินกู้จาก KBANK เป็นหลัก จึงไม่เกี่ยวกับเรื่องที่ DTAC ยอมจ่ายถึง 9.5 พันล้านบาท ให้กสท. แต่มีข่าวในตลาดฯว่าอาจจะมีการตั้งสำรองหนี้ มากกว่าคาดในงวด 4Q61
# ผลกระทบ: อาจเป็นแรงทำกำไรของสถาบันหรือ ต่างประเทศ แต่จากบทวิเคราะห์อุตสาหกรรมล่าสุดคาดว่า ในงวด4Q61 กำไรก่อนตั้งสำรองฯ 4Q61 เป็น 18.6 พันล้านบาท ลดลง 4% YoY และลดลง 12% QoQ ด้านกำไรทั้งปี 2561 เป็น84.6 พันล้านบาท ลดลง 3% y-o-y แม้ยังแนะนำ ซื้อ KBANK แต่เห็นว่า BBL และ KKP จะมีผลการดำเนินงานปี 61 ที่ดีกว่า KBANK และจากแนวโน้มธุรกิจในปี 62 ที่สดใสกว่า เราจึงจัดลำดับให้ BBL และ KKP เป็น Top Picks ของกลุ่มธนาคารพาณิชย์
 
นักวิเคราะห์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : [email protected]

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!