WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

Mayบล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน At The Open
 
Market summary
          เมื่อวานที่ผ่านมา SET ผันผวนสูง โดยในช่วงเช้ามีแรงซื้อเด่นในกลุ่มพลังงาน นำโดย PTT, PTTEP และหุ้นใหญ่อย่าง AOT อย่างไรก็ตามในช่วงบ่ายเกิดแรงขายเด่นในกลุ่มโรงพยาบาล นำโดย BDMS, BH, BCH และอื่นๆ ภายหลังมีการประกาศกกร. นำค่ารักษาพยาบาลเป็นสินค้าควบคุม สิ้นวัน SET ปิดที่ 1,590.5 จุด (-3.5 จุด) ด้วยมูลค่าการซื้อขายราว 4.6 หมื่นลบ. เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับวันก่อนหน้าที่ 3.5 หมื่นล้านบาท 
          นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทยเป็นวันที่ 3 ที่  758 ล้านบาท และกลับมาเปิดสถานะ Short SET50 index future สุทธิที่ 6,601 สัญญา
 
Investment theme
          อีกหนึ่ง Policy risk เกิดขึ้น : ในปีที่ผ่านมาหุ้นหลายกลุ่มได้รับผลกระทบจากนโยบายภาครัฐ (policy risk) นำโดย การปรับสูตรหน้าโรงกลั่น, คุมราคาน้ำมันค้าปลีก, พรบ.จัดซื้อจัดจ้าง, ภาษีสิ่งปลูกสร้าง, LTV ส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง ล่าสุดอีกหนึ่งนโยบายนั่นคือ เมื่อวานที่ผ่านมา รมว.พาณิชย์ เป็นประธานคณะกรรมการว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) โดยที่ประชุมมีมตินำเวชภัณฑ์ และ ค่ารักษาพยาบาลเป็นสินค้าควบคุม เป็นผลให้เมื่อวานที่ผ่านมาหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลปรับตัวลงมากกว่า 6%   โดยปัจจุบันยังไม่สามารถประเมินผลกระทบได้เนื่องจาก จะต้องรอดูรายละเอียดของการคุมค่ารักษาพยาบาล จากคณะอนุกรรมการ (ตัวแทนจาก ก.สาธารณสุข, พาณิชย์, สมาคมโรงพยาบาลเอกชน และอื่นๆ) ก่อนนำเข้าครม.ในวันที่ 22 ม.ค. โดยเราแนะนำนักลงทุนรอผลของคณะกรรมการเพื่อประเมินสถานการณ์อีกครั้ง อย่างไรก็ตามเราคาดมีโอกาสสูงที่ Margin ของกลุ่มโรงพยาบาลจะถูกปรับลง และนั่นหมายถึงการ Downgrade PE Band ลงด้วยเช่นกัน แนะรอผลการประชุม
          Investment Theme: เราประเมินเป้าหมาย SET สิ้นปีที่ 1,743 จุด อย่างไรก็ตามใน 1Q19 มองว่าจะเป็นช่วงที่มีความผันผวนสูงไม่ต่างจากไตรมาสที่ผ่านมา มองกรอบการแกว่งตัวบริเวณ 1,540-1,645 จุด โดยกลุ่มที่เรามีมุมมองเชิงบวกได้แก่ Defensive  และ สื่อโฆษณา MACO, VGI
          
Big issue
          เมื่อคืนที่ผ่านมา : สภาหอการค้าแห่งประเทศคาด GDP ปีนี้ที่ 4.0-4.3% / กกร.นำยา-เวชภัณฑ์ และค่าบริการเป็นสินค้าควบคุม และถอดเม็ดพลาสติกและน้ำตาลทราย ทำให้ทั้งสิ้นมีสินค้าควบคุมทั้งหมด 52 รายการ / Brent พุ่งขึ้นต่อที่ 60.8 เหรียญ
 
กลุ่มโรงพยาบาล
          Sensitivity analysis (จากข้อมูลที่เราวิเคราะห์ได้เบื้องต้น) ปัจจุบันรายได้ค่ายาคิดเป็น 35% , ค่าหมอ 20% โดยทุกๆ 5% ของราคายาที่ลดลงจะส่งผลต่อกำไรประมาณ 10% Margin ลง , สมควรถูก De-rating :  ประเมินแนวรับเบื้องต้นจาก การปรับลดกำไร 10% พร้อมใช้ค่าเฉลี่ยย้อนหลัง PER 10 ปี
          - BDMS ค่าเฉลี่ยPERย้อนหลัง 10 ปี  อยู่ที่29x ( EPS19 discount 10% ที่ 0.67 ได้ราคาประมาณ 19.50 บาท) 
          - BH ค่าเฉลี่ยPERย้อนหลัง 10 ปี อยู่ที่ 27x (EPS19 discount 10% ที่ 5.8 เท่า ได้ราคาประมาณ 160 บาท/หุ้น) 
          - BCH ค่าเฉลี่ยPERย้อนหลัง 10 ปี อยู่ที่ 25x  (EPS19 discount 5% ที่ 0.49 เท่า ได้ราคาประมาณ 12.30 บาท/หุ้น)
 
          Trading idea - แนะซื้อ TU ราคา 20.60 บาท/หุ้น โดยเรามองประเด็นการปลดธงเหลืองเป็น Sentiment บวกอ่อนๆ อย่างไรก็ตามในเชิงปัจจัยพื้นฐานไม่ได้เปลี่ยนแปลง กล่าวคือยังคาดกำไร Q4 และ 1Q19 เติบโตดีจาก Margin ในระดับ 14%
 
Technical View
          ทดสอบ 1600 แล้วอ่อนตัว หากไม่หลุด 1580 มองแกว่ง 1580-1600/1615:  ดัชนีเปิดโดดจากแรงซื้อหลักของหุ้นในกลุ่มพลังงาน และขนส่ง ทำให้ดัชนีเปิด Gap ขึ้นเหนือ 1600 ก่อนที่ช่วงบ่ายจะเกิดแรงขายหนักจากหุ้นกลุ่มโรงพยาบาล กดดันดัชนีให้ปรับตัวลงปิดหลุด 1600 ระยะสั้นมองว่าหากดัชนีอ่อนตัวไม่หลุด 1580 และ Modified Stochastic เริ่มดีดขึ้นจากเขต Oversold  ดัชนีจะ Rebound ในกรอบ 1580-1600/1615  แต่จังหวะ Rebound ขึ้นมาทดสอบแนวต้านต่างๆ ยังแนะนำขายทำกำไรเพื่อเล่นรอบกลยุทธ์การลงทุน 1) มีหุ้น: จังหวะ Rebound ยังแนะนำขายหุ้นเพื่อลดพอร์ตตามแนวต้านต่างๆ และหากหลุด 1580 แนะนำ Lock Profit ทั้งหมด 2) ไม่มีหุ้น: หากอ่อนตัวไม่หลุดแนวรับ 1580-1585 มองเป็นโอกาสซื้อเพื่อเล่น Rebound ในกรอบ 1580-1600/1615
          แนวรับ : 1575, 1580 แนวต้าน : 1600, 1615
 
Keep an eye on…
          ปัจจัยต่างประเทศ :  -
          ปัจจัยในประเทศ :  จับตารัฐบาลแถลงประเด็นการเลื่อนการเลือกตั้ง
 
หุ้นเทคนิค:
          PTTEP  (B 118.00-120.00, Tp 125.00//130.00, Cut 116.00)
          CPALL  (B 71.00-72.00, Tp 75.00//77.00, Cut 69.00)
 
ข่าวเด่นเช้านี้
 
เมเจอร์ ปั้นแอพป้อนต่างชาติบุกแพลตฟอร์มบันเทิงโลก (กรุงเทพธุรกิจ)
          เมเจอร์ปั้นธุรกิจใหม่ เอ็มเทล เปิดตัวแอพ "Super App" หัวหอกดิสรัปท์แพลตฟอร์มบันเทิง รุกเจรจาธุรกิจโรงหนังต่างแดน 3-4 ราย เผยเป็นกุญแจสะกดรอยลูกค้าออกแบบกลยุทธ์กระตุ้นซื้อซ้ำ หวังเปลี่ยนสังคมดิจิทัล คนใช้แอพ 80% แทนที่ช่องทางเก่าใน 3 ปี คาดปีตลาดหนังปี62 ธุรกิจโต 10%
          ความเห็น : สนับสนุนให้การซื้อตั๋วออนไลน์เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง อีกทั้งลดต้นทุนการดำเนินงาน ขณะที่กำไรปกติ 4Q61 คาดจะเติบโตทั้ง QoQ และ YoY จากหนังทำรายได้ดี เช่น นาคี 2 MAJOR ยังให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล 6.2% แนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 30 บาท เทคนิคสร้างฐาน แนวรับ 20.8 ต้าน 22 บาท
 
คุมเวชภัณฑ์-บริการทางการแพทย์ พาณิชย์ดึงเข้าบัญชีสินค้าควบคุม (แนวหน้า)
          นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ(กกร.) ได้พิจารณาทบทวนรายการสินค้าและบริการประจำปี 2562 โดยในส่วนของบัญชีสินค้าควบคุม ได้มีมติให้เพิ่มสินค้า 1 รายการ คือ ยาและเวชภัณฑ์ เข้ามาอยู่ในบัญชีสินค้าควบคุม และถอดสินค้า 4 รายการออกจากบัญชีสินค้าควบคุม ได้แก่ น้ำตาลทราย เยื่อกระดาษ เม็ดพลาสติก และแบตเตอรี่รถยนต์
          ความเห็น : คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ(กกร.) ได้มีการเพิ่ม ยาและเวชภัณฑ์เข้าอยู่ในบัญชีสินค้าควบคุม แต่ยังไม่มีรายละเอียดที่ชัดเจน เบื้องต้นเราคาดเป็นปัจจัยลบต่อกำไรของกลุ่มการแพทย์ โดยหากใช้ sensitivity analysis พบว่า ทุกๆ ราคาค่ายาที่ปรับลดลง 5% จะมีผลกระทบทำให้กำไรสุทธิปรับลดลงราว 10% อย่างไรก็ดีคงต้องรอความชัดเจนในเรื่องรายละเอียดและการนำสู่ ครม.เพื่ออนุมัติต่อไป ดังนั้นในระยะสั้นคาดราคาหุ้นในกลุ่มนี้ยังคง overhang รอความชัดเจน
 
เจรจาการค้า 'จีน-สหรัฐ' จบลงด้วยดี ตลาดเอเชีย-ยุโรป-ราคาน้ำมัน ทะยานถ้วนหน้า (ข่าวหุ้น)
          จีนและสหรัฐยุติการเจรจาการค้าเมื่อวันพุธ แต่จะเปิดเผยรายละเอียดในการเจรจาในเร็วๆ นี้ โฆษกกระทรวงต่างประเทศจีนระบุ การขยายเวลาเจรจาชี้ว่าทั้งสองฝ่าย "จริงจัง" ขณะที่ปลัดกระทรวงเกษตรสหรัฐบอก การเจรจาเป็นผลดีต่อสหรัฐแต่ไม่ได้ชี้แจงรายละเอียด พัฒนาการเหล่านี้ทำให้มีความหวังว่าจะสามารถทำข้อตกลงการค้ากันได้ ตลาดเอเชียและยุโรป น้ำมัน และสกุลเงินที่เกี่ยวกับโภคภัณฑ์ พากันปรับตัวขึ้น
          ความเห็น :  ภาพรวมการเจรจาการค้าเริ่มส่งสัญญาณที่ดีขึ้น ถือเป็นจิตวิทยาเชิงบวกต่อแนวโน้มเศรษฐกิจโลก รวมถึงภาพรวมของราคาน้ำมันดิบโลกที่มีโอกาสแกว่งฟื้นได้ต่อเนื่อง ดังนั้นเรายังคงแนะนำ สะสม PTTEP จากการรับอานิสงส์ราคาน้ำมันดิบรีบาวน์ รวมถึง เราคาดกำไร 4Q61 จะขยายตัวได้ทั้ง QoQ และ YoY โดยประเมินราคาเป้าหมาย 152 บาท เทคนิคฟื้นตัว ต้าน 130 บาท รับ 120 บาท
 
MACO ชูเป้าปี 62 ทะลุ 15% ทุ่มพันล้านจ่อเทกโอเวอร์ (ทันหุ้น)
          MACO แย้มเดินสายโรดโชว์ใน-นอกผลตอบรับดีเกินคาดดันวอลุ่มทะลัก ปักธงรายได้ปี 2562 เติบโตกว่า 15-20% พร้อมวางงบทั้งปีไม่เกิน 1 พันล้านบาท รองรับการปรับปรุงป้ายสื่อ เดินหน้าควบรวมกว่า 5-6 ดีลคาดชัดเจนปีนี้
          ความเห็น :  เราคาดผลการดำเนินงานของบริษัทยังเร่งตัวขึ้นต่อเนื่อง จากการทยอย Upgrade ป้าย Street Furniture ส่งผลให้อัตราการทำกำไรจะสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และภาพระยะยาวยังมีทิศทางที่ดีเช่นกัน จากการลงทุนธุรกิจในต่างประเทศ เช่น บริษัท VGM ที่ทำธุรกิจสื่อในสนามบินกัวลาลัมเปอร์ (KLIA) ดังนั้นจึงยังคงแนะนำสะสม ราคาเป้าหมาย 2.54 บาท เทคนิคสร้างฐาน แกว่งในกรอบ 1.55-1.65 บาท
 
'STI' คว้างานดีลใหญ่ 730 ล.ลุย One Bangkok เฟส 1เพิ่ม (ทันหุ้น)
          STI ประกาศบิ๊กดีลตั้งแต่ต้นปี 2562 เซ็นสัญญารับงานบริหารและควบคุมงานก่อสร้างโครงการ One Bangkok เฟส 1 เพิ่มเติมอีกมูลค่า 730 ล้านบาท ระยะเวลา 3 ปี หนุน Backlog เพิ่มขึ้นอยู่ที่ 1,450 ล้านบาท พร้อมเดินหน้ารับงานใหม่เพิ่มต่อเนื่อง
          ความเห็น :  การรับงานใหม่จากพันธมิตรที่เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ช่วยเพิ่ม backlog ของบริษัทขยับสูงขึ้น ซึ่งเป็นตามที่เราคาด โดยในด้านกำไรปี 2562 consensus ประเมินบริเวณ 110 ล้านบาท คิดเป็น EPS ราว 0.41 บาทต่อหุ้น ซึ่งราคาปัจจุบันเทียบเคียง Forward PE ราว 13 เท่า ยังไม่แพงเกินไปนัก ส่วนด้านเทคนิคกำลังสร้างฐานมีลุ้นแกว่งขึ้น ต้าน 5.7/6.0 รับ 5.2 บาท
 
นักวิเคราะห์ : 
สรพล วีระเมธีกุล / วิจิตร อารยะพิศิษฐ / จรูญพันธ์ วัฒนวงศ์ 
Research Department Tel. 02-658-5000

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!