- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 09 January 2019 16:53
- Hits: 4970
บล.เออีซี : Daily Focus
AECS Daily Focus
--------------
Market Outlook
• วานนี้ดัชนี SET Index ปิดที่ 1,594.00 จุด +1.28 จุด (+0.08%) มูลค่าซื้อขายราว 3.6 หมื่น ลบ. สำหรับวันนี้มองตลาดแกว่งSideway ในกรอบ 1,582-1,600จุด โดยแม้ดัชนีอาจได้แรงหนุนหุ้นกลุ่มพลังงานจากราคาน้ำมันดิบที่รีบาวด์ต่อเนื่อง แต่ยังมีปัจจัยกดดันจากตัวเลขเศรษฐกิจทั้งไทยและต่างประเทศที่มีแนวโน้มชะลอตัว ขณะที่ปัญหา Government Shutdown ของสหรัฐฯ ยังไม่มีชัดเจน
Market Factors
• (-) World Bank ปรับลดประมาณการอัตราโต GDP โลกปี 2562 ลงจากเดิม 3%YoY เหลือ 2.9%YoY โดยคาดมีปัจจัยลบจากสภาพคล่องทางการเงินของประเทศขนาดใหญ่หลายประเทศที่ลดลง บวกกับกิจกรรมทาง ศก. ในจีนและยุโรปที่ชะลอตัว โดยเฉพาะในกลุ่มส่งออกที่ได้รับผลกระทบจากสงครามการค้า
• (+) วานนี้ครม.อนุมัติขยายระยะเวลาการยกเว้นการจัดเก็บค่าธรรมเนียม Visa on Arrival จากเดิมทีสิ้นสุดวันที่ 14 ม.ค.ออกไปวันที่ 30 เม.ย. (โพสต์ทูเดย์)
• (0) วานนี้ ครม.ออกมาตรการภาษีหนุนฟื้นฟูผู้ได้รับผลกระทบพายุปาบึก โดยเป็นมาตรการภาษี 3 มาตรการ ดังนี้ 1.การหักลดหย่อนภาษีสำหรับการบริจาคเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัย 2. ยกเว้นภาษีเงินได้ผู้ประสบอุทกภัยในส่วนของเงินที่ได้รับบริจาค 3. ยกเว้นภาษีค่าใช้จ่ายซ่อมแซมอสังหาฯในพื้นที่ประสบภัย (โพสต์ทูเดย์)
• (-) สภาผู้ส่งออกคาดส่งออกปี 61 โต 7% ส่วนปี 62 โต 5% โดยมีปัจจัยลบจาก Trade Wars ที่มีแนวโน้มยืดเยื้อของเวียดนามและอียู บวกกับความผันผวนของราคาน้ำมันและค่าเงินบาท การขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายและกฎระเบียบในประเทศที่จะเพิ่มต้นทุนการผ
• (+) วานนี้กรรมาธิการยุโรปด้านสิ่งแวดล้อมกิจการทางทะเลและประมง ได้ประกาศแถลงการณ์ผลการพิจารณาปลดใบเหลืองประมงไอยูยูของประเทศไทย โดยนับตั้งแต่ไทยได้ใบเหลืองเมื่อเดือนเมษายน 2558 รัฐบาลไทยได้มุ่งมั่นแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย ซึ่งสะท้อนความสำเร็จที่ไทยได้ยกระดับของการทำประมงเชิงพาณิชย์ ทั้งในและนอกน่านน้ำเข้าสู่มาตรฐานสากล และพร้อมที่จะเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือกับสหภาพยุโรปในการส่งเสริมการประมงอย่างยั่งยืนทั้งในระดับประเทศและภูมิภาค (www.innnews.co.th) คาดเป็นบวกต่อ JWD คาดอัตราการใช้พื้นที่ของคลังสินค้าควบคุมอุณหภูมิปรับดีขึ้น (มีคลังสินค้าเย็นที่ท่าเรือแหลมฉบังขนาด 55,827 ตร.ม.) จาก Volume ส่งออกสินค้าประมงของกลุ่มผู้ประกอบการที่ยังไม่ได้ใบอนุญาตทำประมงอย่างยั่งยืนจาก IUU ซึ่งหลังจาก IUU ปลดแบนประมงไทยคาดจะสามารถกลับมาส่งออกได้มากขึ้นโดยที่มีความสามารถในเชิงการค้าดีขึ้นด้วย
Investment Strategy
• สัปดาห์นี้ เราคาด SET Index Sideway ในกรอบแนวรับ-แนวต้านที่ 1,548-1,606 จุด (Fwd PE Valuation ปีนี้ 13.4x-13.9x) โดยมีปัจจัยลบจากทั้งในและนอกประเทศ ซึ่งมีทั้งตัวเลขเศรษฐกิจทั้งในไทยและต่างประเทศ อาทิ จีน ยุโรป สหรัฐฯ ที่ยังคงชะลอตัว บวกกับปัญหา Government Shutdown ของสหรัฐฯและประเด็น Trade Wars ระหว่างสหรัฐฯ-จีน ที่ยังไม่คลี่คลาย ดังนั้นในช่วงนี้เราแนะนำทยอยสะสม 2กลุ่มหุ้นโตเด่น + 1 กลุ่มกองทุนที่คาดหวังเงินปันผลจากความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดได้สม่ำเสมอดังนี้
1. กลุ่มนิคมและสาธารณูปโภค: อานิสงส์บวกทั้งราคาขายและยอดขายพื้นที่ในเขตEEC โตเด่นแนะนำ AMATA (ปัจจุบันมีพื้นที่รอการขาย 2,777 ไร่ และพื้นที่รอการพัฒนาอีกราว8,172 ไร่), WHA (ปี 62 ตั้งเป้าขายที่ดินในนิคมไม่ต่ำกว่า1,000 ไร่ พร้อมคาดได้รับลูกค้าคลังสินค้าเพิ่มขึ้นอีกกว่า1 แสน ตรม.), EASTW ปี 62 คาดเห็นการฟื้นตัวของกำไรสอดคล้องไปกับการขยายตัวของนิคมอุตสาหกรรมในเขต EEC ซึ่งทำให้ความต้องการใช้น้ำดิบในบริเวณดังกล่าวเพิ่มสูงขึ้นนอกจากนี้ในระยะยาวบริษัทยังมุ่งเพิ่มสัดส่วนจำหน่ายน้ำควบคุมคุณภาพ (มาร์จิ้นสูง) มากขึ้นโดยล่าสุดเซ็นสัญญาให้บริการแก่ GULF (รับรู้รายได้ปี63) และ AMATA (รับรู้รายได้ปี 64)
2. กลุ่มโรงไฟฟ้า: ลักษณะธุรกิจที่มีความสามารถสร้างกระแสเงินสดได้อย่างสม่ำเสมอ และเราเลือกหุ้นโรงไฟฟ้าที่ยังคงมีการเติบโตต่อเนื่องได้อีก 4-5 ปีข้างหน้า ได้แก่ BGRIM ปี 62 มีแผน COD โรงไฟฟ้าเพิ่มอีก 682MW ทำให้มีกำลังผลิตรวม 2.77 GW ณสิ้นปี 62 และมีเป้าหมายระยะยาวในปี 65 ที่ 3.13GW, BPP ปี 62 มีแผน COD โรงไฟฟ้าเพิ่มอีก 312MW ทำให้มีกำลังผลิตรวม2.48GW ณสิ้นปี 62 และมีเป้าหมายระยะยาวในปี 68 ที่ 4.3GW, GUNKUL ปี 62 มีแผน COD โรงไฟฟ้าโซลาร์อีก 105MW ทำให้มีกำลังผลิตรวม 401MW ณ สิ้นปี 62 และมีเป้าหมายระยะยาวในปี 65 ที่ 543MW, SSP ปี 62 รับรู้รายได้เต็มปีจากโรงไฟฟ้าโซลาร์และโซลาร์รูฟท็อปในมือ 87MW และยังมีโรงไฟฟ้าในมืออีก 141MW ที่ยังอยู่ระหว่างการก่อสร้างซึ่งจะทยอย COD ในปี 63 เป็นต้นไป
3. กองทุนที่มีความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดได้สม่ำเสมอ: ได้แก่ TFFIF (ประมาณการเงินที่สามารถปันส่วนแบ่งให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนสำหรับปี 61/62 ราว 0.475 บาท/หน่วย+ความเสี่ยง 7/8)(ที่มา:Filing), POPF (อัตราเงินปันผลในอดีตที่ 7.61%+ความเสี่ยง 6/8) QHPF (อัตราเงินปันผลในอดีตที่ 6.41%+ความเสี่ยง 6/8), BTSGIF (อัตราเงินปันผลในอดีตที่ 6.76%+ความเสี่ยง 7/8), CPNCG (อัตราเงินปันผลในอดีตที่ 6.23%+ความเสี่ยง 7/8), CPTGF (อัตราเงินปันผลในอดีตที่ 6.03%+ความเสี่ยง 6/8)
8-Jan-19 Change (pts.) 7-Jan-19
SET Index 1,594.00 1.28 1,592.72
SET50 Index 1,067.20 0.21 1,066.99
SET100 Index 2,343.15 0.44 2,342.71
High 1,597.35 Gainers 517
Low 1,587.47 Unchanged 554
Value (Bt m) 35,671.26 Losers 566
Volume (*000) 10,794,047
Market Valuation
SET Data 2018F 2019F Long Term
Fwd PER (x) 13.8 12.8 12.8
EPS Growth (%) 13.9 9.3 5.3
EV/EBITDA (x) 9.6 9.1 9.0
FWD PBV (x) 1.7 1.6 1.6
Dividend Yield (%) 3.4 3.7 No Data
ROE 12.1 12.2 12.3
Net Buy/Sell by Investor Types
Unit : M Bt 8-Jan-19 WTD MTD YTD
Institution 519.03 5,617.39 9,315.40 9,315.40
Proprietary 77.38 (195.97) (1,031.19) (1,031.19)
Foreign (1,488.97) (2,557.74) (6,759.81) (6,759.81)
Individual 892.56 (2,863.68) (1,524.40) (1,524.40)
AECS ( Fundamental and Strategic Team )
อิศรา เลิศสุดคนึง (ID.033432) [email protected]
ตฤณ สิทธิสวัสดิ์ (ID. 091364) [email protected]
จิรภัทร โบสุวรรณ (ID. 040051) [email protected]
ภัทรพล จันทร์อินทร์ (ID. 089932) [email protected]
ธีรยุทธ ฤทธิเผ่าพันธุ์ ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
สุวรรณา อัศวเหล่าวรพงศ์ Data Support / Secretary