- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 08 January 2019 13:53
- Hits: 2938
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
“ติดตามเจรจาการค้า ราคาน้ำมันดิบ”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : --
ภาวะตลาดและปัจจัย : SET วานนี้ +17.59 จุด ปิดที่ 1592.72 จุด มูลค่าการซื้อขายปานกลางที่ 45 พันล้านบาท ถือว่าปรับขึ้นสอดคล้องกับตลาดหุ้นในภูมิภาคแถบนี้ ปัจจัยบวกมาจากดาวโจนส์ทะยาน ประธานเฟด นายเจอร์โรมส่งสัญญาณการชะลอปรับขึ้นดอกเบี้ย ตัวเลขจ้างงานฯออกมาแข็งแกร่ง ลดกังวลเศรษฐกิจโลกชะลอ มีความคาดหวังเจรจาการค้าที่จีนเป็นบวก ราคาน้ำมันที่ฟื้นตัวดี บาทแข็งค่า มีเงินไหลเข้ามา EM ส่วนผู้ซื้อสุทธิรายเดียวเป็น สถาบัน 5.1พันล้านบาท ด้านผู้ขายสุทธิคือ นักลงทุนทั่วไป 3.7 พันล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศ 1.1 พันล้านบาท และบัญชีหลักทรัพย์ 0.3 พันล้านบาท ด้านแนวโน้มตลาดและกลยุทธ์วันนี้คือ
# ระยะสั้นคาดว่า SET ไปในทางบวก แต่ Bullish น้อยกว่าวานนี้ เพราะแม้ดาวโจนส์และน้ำมันยังปรับขึ้นได้ แต่ในอัตราที่ต่ำลง ยังมีความหวังการเจรจาการค้าที่จีนซึ่งล่วงเข้าสู่วันที่สองจะออกมาดี เงินบาทยังคงแข็งค่า เงินไหลเข้า ดัชนีความกลัว (Vix) ปรับลดลง
# ด้านตลาดหุ้นเพื่อนบ้าน เป็นบวกแต่ในอัตราที่ไม่สูงนัก ดาวโจนส์ล่วงหน้า +58 จุด ณ 7:52 น. ด้านปัจจัยลบคือ ตัวเลขบริการสหรัฐ ธ.ค.อ่อนลง โกลด์แมนแซคส์ ปรับลดคาดการณ์ราคาน้ำมันปีนี้ ภาวะ Shut Down ล่วงเข้าสู่วันที่ 17 สำหรับภาวะเศรษฐกิจไทยปีนี้มีโอกาสโตได้ต่ำว่าปี 61 การส่งออกไทยอาจได้น้อยกว่าเป้าจากพิษสงครามการค้า ขณะที่บอนด์ยิลด์ 10 ปี สหรัฐระยะนี้กลับปรับขึ้นเป็น 2.6964%
# กลยุทธ์ คือ ทางเทคนิค นักวิเคราะห์เห็นว่า SET จะมีลักษณะผันผวน หากดัชนีฯปรับขึ้น แนวต้านเป็น 16000-1615 หากยืนได้ที่ 1600 จะเป็นสัญญาณทางบวก แต่เมื่อมีแรงขายทำกำไร ดัชนีฯอ่อนตัวลงมาอีกแนวรับจะอยู่ที่ 1575 เป็นแนวรับแรก และ 1565 เป็นแนวรับถัดไป ส่วนดัชนีฯเป้าหมายทางพื้นฐานปี2562 เป็น 1780 จุด (+0.5 SD) ด้วยคาดการณ์อัตราการเติบโตกำไรปี 61-62 ที่ +8%/+6% ตามลำดับ แนะนำทยอยสะสมหุ้นพื้นฐานดี หุ้น Top Pick ในงวด1Q62 คือ AOT,BBL,CPALL,HANA,PTT และ WHA
# หุ้นเด่น CPN : คงคำแนะนำ ซื้อ ด้วยราคาพื้นฐาน 85 .00 บาท ซึ่งประเมินด้วยวิธี DCF ราคาปิดมีส่วนเพิ่ม 13 %ยังชื่นชอบปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งของCPN ในการเป็นผู้นำตลาดศูนย์การค้าไทย ที่มีจำนวนถึง 33 แห่ง ด้วยอัตราการเข้าเช่า ) OR (ที่สูงเป็น 91ปรากฎว่า %เริ่มมีการนำ GLAND มาทำงบรวมแล้วใน ที่ผ่านมางวดและมีการเลื่อนเปิดโครงการ “Central City” มายังไตรมาสนี้คือ1 Q62
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ระยะสั้นภาพตลาดยังผันผวน รีบาวด์กับลงสลับกันเป็นระยะๆ ซื้อใหม่เน้นค่าบวกทั้งราคาหุ้นและดัชนี แนวต้านระยะสั้น 1600-1615 จุด, แนวรับคือ 1575, 1565 จุด หากสามารถยืนเหนือ 1590-1600 จุดได้ จึงจะกลับสัญญาณเป็นบวกได้อีกครั้ง
นักกลยุทธ์&นักวิเคราะห์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : [email protected]
Inside Story
Key Drivers TODAY : ปัจจัยต่างประเทศ / ปัจจัยในประเทศ
Company Guide : LPN (ถือ -ราคาพื้นฐาน 6.70)
Stock in Focus : DCC (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 2.65)
KBANK (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 270)
MINT (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 46.00)
Flash Note : BTS (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 11.00)
RICHY (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 1.90)
In The News : เงินบาทแข็ง...เป็นลบกับบ.ที่มีรายได้จากต่างประเทศสุทธิ/แต่ดีกับบ.นำเข้าสุทธิและบ.ที่มีหนี้ต่างประเทศ
New Listing : NFC-W1
Key Drivers TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
+ เจรจาการค้า: นักลงทุนคาดหวังเจรจาการค้าที่จีนจะช่วยคลี่คลายข้อพิพาท
# นักลงทุนคาดหวังว่า การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนซึ่งจัดขึ้นที่กรุงปักกิ่งในระหว่างวันที่ 7-8 ม.ค.นั้น จะช่วยคลี่คลายข้อพิพาททางการค้าระหว่างสองประเทศ โดยกระทรวงพาณิชย์จีนแถลงเมื่อวานนี้ว่า จีนและสหรัฐได้แสดงความกระตือรือร้นที่จะทำงานร่วมกัน และจีนก็พร้อมที่จะแก้ไขความขัดแย้งทางการค้ากับสหรัฐ บนพื้นฐานของความเท่าเทียมกัน
# รายงานข่าวระบุว่า เจ้าหน้าที่สหรัฐและจีนจะเจรจากันในหลายประเด็น ซึ่งรวมถึงประเด็นทรัพย์สินทางปัญญา, ข้อกล่าวหาที่ว่าบริษัทหัวเว่ยมีการจารกรรมข้อมูล, ยุทธศาสตร์ของจีนในการเป็นผู้นำภาคการผลิตขั้นสูงที่สหรัฐมองว่าไม่เป็นธรรม, ข้อตกลงด้านพลังงาน, ข้อตกลงเรื่องการนำเข้าสินค้าเกษตรและยานยนต์จากสหรัฐ และการยกระดับสิทธิในการเข้าถึงของธนาคารต่างชาติในจีน
- สหรัฐ: ดัชนีภาคบริการ ธ.ค.61 ลดลง และเป็นสถิติต่ำสุดตั้งแต่ ก.ค.ปีที่แล้ว
# มีการเปิดเผยข้อมูลภาคบริการที่อ่อนแอของสหรัฐ โดยผลสำรวจของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) พบว่าดัชนีภาคบริการของสหรัฐร่วงลงสู่ระดับ 57.6 ในเดือนธ.ค. ซึ่งเป็นระดับตำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.ปีที่แล้ว และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 59.0 หลังจากแตะระดับ 60.7 ในเดือนพ.ย.
- สหรัฐ: ภาวะชัตดาวน์ล่วงเข้าสู่วันที่ 17 แล้ว
# นักลงทุนจับตาสถานการณ์ที่หน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐถูกปิดทำการชั่วคราวเนื่องจากขาดงบประมาณ หรือชัตดาวน์ซึ่งล่วงเข้าสู่วันที่ 17 เนื่องจากคณะทำงานของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และสภาคองเกรส ยังไม่สามารถตกลงกันได้ในประเด็นการอนุมัติงบประมาณวงเงิน 5 พันล้านดอลลาร์เพื่อสร้างกำแพงกั้นชายแดนเม็กซิโกตามคำเรียกร้องของปธน.ทรัมป์
+ ภาวะตลาดหุ้นสหรัฐ : ดาวโจนส์ปรับขึ้นต่อ นักลงทุนผลเจรจาการค้าออกมาเป็นบวก
# ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 23,531.35 จุด เพิ่มขึ้น 98.19 จุด หรือ +0.42% ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปิดที่6,823.47 จุด เพิ่มขึ้น 84.61 จุด หรือ +1.26% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,549.69 จุด เพิ่มขึ้น 17.75 จุด หรือ +0.70%
# ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (7 ม.ค.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากการที่นักลงทุนคาดหวังว่า การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนที่กำลังดำเนินไปในขณะนี้ จะสามารถคลี่คลายข้อพิพาททางการค้าระหว่างสองประเทศได้อย่างไรก็ตาม ตลาดได้รับแรงกดดันในระหว่างวันหลังจากสหรัฐเผยดัชนีภาคบริการที่ขยายตัวต่ำกว่าคาด และจากการที่นักลงทุนระมัดระวังการซื้อขาย ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะชัตดาวน์ในสหรัฐที่ล่วงเข้าสู่วันที่ 17
+ ภาวะตลาดน้ำมัน : ปรับขึ้น ตอบรับโอเป็กลดกำลังการผลิต เจรจาการค้าคืบหน้า
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 56 เซนต์ หรือ 1.2% ปิดที่ 48.52 ดอลลาร์/บาร์เรล
# สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 27 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 57.33 ดอลลาร์/บาร์เรล
# สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (7 ม.ค.) หลังจากมีรายงานว่า การผลิตของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ปรับตัวลดลงในเดือนธ.ค. นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังดีดตัวขึ้นขานรับความหวังที่ว่า การเจรจาระหว่างเจ้าหน้าที่สหรัฐและจีนจะช่วยคลี่คลายข้อพิพาทการค้าระหว่างสองประเทศ อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบได้รับแรงกดดันในระหว่างวัน หลังจากโกลด์แมน แซคส์ ได้ปรับลดคาดการณ์ราคาน้ำมันในปีนี้
# ทั้งนี้ โกลด์แมน แซคส์คาดว่าราคาน้ำมันดิบเบรนท์จะปรับตัวเฉลี่ยที่ระดับ 62.50 ดอลลาร์/บาร์เรลในปีนี้ ลดลงจากตัวเลขคาดการณ์เดิมที่ระดับ 70 ดอลลาร์ ขณะเดียวกันคาดว่า ราคาน้ำมันดิบ WTI จะปรับตัวเฉลี่ยที่ระดับ 55.50ดอลลาร์/บาร์เรลในปีนี้ ลดลงจากตัวเลขคาดการณ์เดิมที่ระดับ 64.50 ดอลลาร์
- ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก : ปิดปรับขึ้น หลังดอลลาร์อ่อนค่า
# สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 4.10 ดอลลาร์ หรือ 0.32% ปิดที่1,289.90 ดอลลาร์/ออนซ์
# สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (7 ม.ค.) โดยได้แรงหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ หลังจากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ระบุว่า ดัชนีภาคบริการสหรัฐขยายตัวต่ำกว่าคาดในเดือนธ.ค.
• ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่จะทยอยประกาศสัปดาห์นี้
# ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ดุลการค้าเดือนพ.ย., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, การใช้จ่ายภาคการก่อสร้างเดือนพ.ย., ยอดขายบ้านใหม่เดือนพ.ย., สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนพ.ย. และอัตราเงินเฟ้อเดือนธ.ค.
ปัจจัยในประเทศ
•/- เศรษฐกิจ : ดร. สมคิด มั่นใจ GDP ปี 61 โตได้ 4-4.2% พอใจการลงทุนทะลุเป้า โดยเฉพาะใน EEC โต100%
# นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายเศรษฐกิจ เชื่อว่า เศรษฐกิจไทยในปี 61 จะสามารถขยายตัวได้ในระดับ4.0-4.2% อย่างแน่นอน ซึ่งเครื่องชี้เศรษฐกิจไทยหลายตัวเริ่มดีขึ้น ทั้งการเบิกจ่าย การท่องเที่ยวในจังหวัดสำคัญกลับมาฟื้นตัว รวมทั้งการลงทุน โดยเฉพาะการลงทุนในพื้นที่พัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก )EEC) ที่ขยายตัวถึง 100%
# ส่วนสถานการณ์ในปี 62 นี้ ถือว่าอยู่ในภาวะที่ค่อนข้างอึมครึม และชี้ชัดได้ลำบากเนื่องจากมีปัจจัยจากต่างประเทศที่ไม่สามารถควบคุมได้ โดยเฉพาะนโยบายภายใต้การนำของประธานาธิบดีสหรัฐที่ทำให้เกิดความไม่แน่นอนต่าง ๆ รวมทั้งปัจจัยภายในประเทศเอง ที่ปีนี้จะมีการเลือกตั้งทั่วไปเกิดขึ้น แต่คาดว่าภายในกลางปี ก็น่าจะเห็นความชัดเจนว่ารัฐบาลชุดที่มาใหม่จะมีหน้าตาอย่างไร และจะมีการสานต่อนโยบายของรัฐบาลชุดเดิมหรือไม่
- ส่งออก: รมว.พาณิชย์คาดส่งออกไทยปี 61 โตหลุดเป้า ส่วนปี 62 ปีแห่งความท้าทาย
# นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า ในปี 61 ที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์ได้ตั้งเป้าหมายการส่งออกไว้ที่ 8%ซึ่งขณะนี้ยังรอตัวเลขล่าสุดของเดือน ธ.ค.61 ว่าการส่งออกทั้งปี 61 จะสามารถทำได้ตามเป้าหมายที่วางไว้หรือไม่ แต่หากทำได้ไม่ถึง 8% ก็เชื่อว่าอย่างน้อยจะได้ 7% ปลายๆ
# ขณะที่การส่งออกสำหรับปีนี้ กระทรวงพาณิชย์ตั้งเป้าหมายไว้ที่ 8% แต่เมื่อสถานการณ์เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มเป็นเช่นนี้ ก็ทำให้ไทยอาจจะต้องปรับตัวทั้งในแง่ของการเจาะตลาด รวมทั้งการชูจุดเด่นในสินค้าที่ไทยมีศักยภาพและเป็นที่ต้องการของตลาดให้มากขึ้น
# ผลกระทบ: ระยะนี้ให้ติดตามค่าเงินบาทเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ว่าจะเป็นไปอย่างยาวนานหรือไม่ เพราะจะมีผลลบกับหลักทรัพย์กลุ่มส่งออก ทำให้มีรายได้เมื่อแลกจากสกุลต่างประเทศมาเป็นบาทได้น้อยลง อีกทั้งยังจะทำให้มีอัตรากำไรขั้นต้นที่ปรับลงด้วย ดังนั้นหลักทรัพย์พื้นฐานดี กลุ่มส่งออก แนะนำให้ซื้อเมื่อราคาอ่อนลงคือHANA, KCE,SVI, CPF และ TU
+ มาตรการส่งเสริมชำระเงินด้วยเงินสด การนำข้อมูลแวตผ่านอิเล็กทรอนิกส์
# ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า สศค.ได้หารือกับสมาคมธนาคารไทย เพื่อขยายรูปแบบมาตรการส่งเสริมการชำระเงินเพื่อซื้อสินค้าและบริการ และการนำส่งข้อมูลภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ในช่วงเทศกาลตรุษจีน วันที่ 1-15 ก.พ. 62 นี้ โดยจะเปิดให้ประชาชนที่ใช้คิวอาร์โค้ดซื้อสินค้าและบริการ มีสิทธิได้รับเงินชดเชย 5% ของภาษีมูลค่าเพิ่มเข้าสู่บัญชีพร้อมเพย์ด้วย ซึ่งเพิ่มจากปัจจุบันที่เปิดให้เฉพาะผู้ใช้จ่ายผ่านบัตรเดบิตอย่างเดียว เพื่อต้องการสนับสนุนให้คนไทยลดใช้เงินสด และเข้าถึงมาตรการมากยิ่งขึ้น
# ผลกระทบ: หลักทรัพย์กลุ่มพาณิชย์ถือว่ามีความน่าสนใจในการลงทุนปี 2562 เพราะการฟื้นตัวของภาวะการบริโภคโดยเฉพาะปัจจัยการเลือกตั้ง และมาตรการกระตุ้นจากภาครัฐ เช่น คืนภาษี VAT ในช่วงเทศกาลตรุษจีน หลักทรัพย์ที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่งและแนะนำให้ ซื้อ คือ CPALL ราคาพื้นฐาน 83.00 บาท และ HMPRO ราคาพื้นฐาน 17.50 บาท
นักวิเคราะห์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : [email protected]