- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 23 September 2014 19:12
- Hits: 1922
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
“เลือกซื้อ/ถือเมื่อ SET ไม่หลุด 1580 จุด”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มีสรุปปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : เมื่อวานนี้ตลาดหุ้นไทย Outperform ภูมิภาค โดยปิด +4.60 จุดที่ 1589.51 ปัจจัยหนุน คือ นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ส่วนการลดลงของตลาดหุ้นภูมิภาคมาจากความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน และเศรษฐกิจยูโรโซนที่ยังเปราะบางนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิต่อ 832 ล้านบาท สถาบันในประเทศและพอร์ตบล.ซื้อสุทธิแต่กลุ่มละไม่มาก รายย่อยขายสุทธิ สำหรับวันนี้ ประเมินว่าตลาดยังอยู่ในช่วงแกว่งตัว โดยมี Sentiment ค่อนไปทางลบเล็กๆ จากความกังวลเรื่องการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน และความเปราะบางของการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ซึ่งมีผลกระทบภาคส่งออกของไทย รวมทั้งมีตัวเลขเศรษฐกิจหลักของประเทศชั้นนำที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้ คือ PMI ภาคการผลิตและบริการ อย่างไรก็ดี ในประเทศยังมีประเด็นเรื่องการเร่งผลักดันโครงการลงทุนต่างๆของภาครัฐช่วยหนุน โดยวันนี้คณะรัฐมนตรีจะมีการพิจารณาเรื่องการปรับแบบโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิต โดยเพิ่มงบประมาณ 5 พันล้านบาท และโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีชมพูช่วงแคราย-มีนบุรี งบลงทุนกว่า 5 หมื่นล้านบาท ซึ่งความคืบหน้าของโครงการรถไฟฟ้าเป็นข่าวดีโดยตรงกับกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ทั้งที่เป็นรับเหมาก่อสร้าง, ที่พักอาศัย และให้เช่าพื้นที่ หลักทรัพย์พื้นฐานแนะนำในวันนี้เป็น PS
กลยุทธ์ทางเทคนิค : ซื้อใหม่เน้นซื้อตามค่าบวก ค่าลบหรือต่ำกว่า 1580 จุดควรชะลอการเก็งกำไร/ลดพอร์ตตามในกรณีที่มีเงินสดเหลืออยู่น้อย เพราะดัชนีมีโอกาสอ่อนไปยัง 1550+/- จุดหรือต่ำกว่า ส่วนการปรับขึ้นต่อมีแนวต้านระยะสั้น 1590-1600 จุด สำหรับหุ้นที่คาดว่าราคามีโอกาสทำ New Highเมื่อพิจารณาจากสัญญาณทางเทคนิค คือ OFM, CPF, BTS, SCC, KTC, M, KKP, TGPRO, VIH, INTUCH, MFEC, IRCP, SOLAR (สีน้ำเงิน คือหุ้นที่เข้ามาใหม่ใน List) ส่วนหุ้นที่แนะนำและปรับขึ้นมาอยู่ในพื้นที่น่าหาจังหวะ Take Profit (สำหรับการลงทุนรอบสั้น) คือ TWZ, AIT
Fundamental Pick
PS แนะนำซื้อราคาปิด 33.25 บาท เป้าหมาย 43 บาท
* PS ซึ่งเป็นผู้ประกอบการรายใหญ่ที่สุดของไทย ได้เข้าร่วมโรดโชว์กับ DBS ที่สิงคโปร์ ระหว่างวันที่ 21-22 ส.ค.57 เพื่อพบปะกับผู้จัดการกองทุนต่างประเทศ ทางบริษัทยังคงแผนที่จะเน้นจับตลาดลูกค้าที่มีความต้องการที่อยู่อาศัยจริงในกลุ่มระดับกลาง-ล่าง ปัจจุบันมีสินค้าแนวราบในสัดส่วน 75-80% และคอนโดมิเนียม 20-25% ในเขตกรุงเทพฯ บริษัทมีแผนจะรุกธุรกิจไปในต่างจังหวัดที่มีศักยภาพมากขึ้น เช่น ภูเก็ต อยุธยา ชลบุรี และระยอง
* บริษัทมีความมั่นใจในเรื่องยอดขายและรายได้ปีนี้คือ 43 และ 42 พันล้านบาท ตามลำดับสำหรับเป้าการเติบโตรายได้จะเป็น 20-25% ต่อปี ด้วยอัตรากำไรขั้นต้นที่ 35-36% และอัตรากำไรสุทธิเป็น 15-16% ทาง DBS คาดการณ์การเติบโตกำไรปีนี้และปีหน้าสดใสเป็น 12% และ23% ตามลำดับ
* แนะนำซื้อ ให้ราคาพื้นฐาน 43.00 บาท ซึ่งประเมินด้วย P/E ปี 58 ที่ 12 เท่า เราชอบ PS ในประเด็น ทีมผู้บริหารมีความสามารถสูง การกระจายประเภทสินค้าช่วยลดความเสี่ยง เจาะตลาดลูกค้าที่มีความต้องการจริง แนวโน้มการเติบโตกำไรและงบดุลมีความแข็งแกร่ง รวมทั้งการประเมินมูลค่าหุ้นยังน่าสนใจ
ปัจจัยต่างประเทศและโภคภัณฑ์
- สหรัฐ : ยอดขายบ้านมือสองเดือนส.ค.อ่อนแอกว่าคาด
* สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ยอดขายบ้านมือสองในเดือนส.ค.ลดลง 1.8%MoM สู่ระดับ 5.05 ล้านยูนิต ซึ่งเป็นการปรับตัวลงครั้งแรกในรอบ 5 เดือนและสวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดไว้ว่ายอดขายจะเพิ่มขึ้นแตะ 5.20 ล้านยูนิต
* จับตาการเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือนก.ย. และดัชนีกิจกรรมการผลิตทั่วประเทศเดือนก.ย.จากเฟดริชมอนด์ ในช่วงค่ำวันนี้ตามเวลาไทย
- ตลาดหุ้นสหรัฐ : ร่วงลงแรง...กังวลเศรษฐกิจจีนชะลอตัว
* ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,172.68 จุด ร่วงลง 107.06 จุด หรือ -0.62% ดัชนีNASDAQ ปิดที่ 4,527.69 จุด ลดลง 52.10 จุด หรือ -1.14% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,994.29 จุดลดลง 16.11 จุด หรือ -0.80% เนื่องจากความวิตกเกี่ยวกับการขยายตัวของเศรษฐกิจจีนหลังจากที่รมว.คลังจีนเปิดเผยว่าทางการจีนจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายขนานใหญ่ แม้ว่าเศรษฐกิจจีนกำลังเผชิญแรงกดดันในช่วงขาลงก็ตาม
* หุ้นอาลีบาบาร่วงลง 4.26% หลังจากที่พุ่งขึ้นแข็งแกร่งถึง 38% ในการซื้อขายวันแรกเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา หุ้นแอปเปิลปรับตัวขึ้น 0.1% หลังจากแอปเปิล อิงค์ เปิดเผยว่า ยอดจำหน่ายiPhone 6 และ iPhone 6 Plus พุ่งขึ้นมากกว่า 10 ล้านเครื่องแล้วหลังจากวางจำหน่ายได้เพียง 3วัน โดยยอดขายของไอโฟนรุ่นล่าสุดทั้งสองรุ่นได้ทำสถิติแซงหน้าชนะ iPhone 5C และ iPhone5s ที่จำหน่ายได้ 9 ล้านเครื่องในช่วง 3 วันแรกที่วางจำหน่ายเมื่อปีที่แล้ว
- สัญญาน้ำมันดิบ : ร่วงลง
* สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค.ลดลง 89 เซนต์ ปิดที่ 91.52 ดอลลาร์/บาร์เรลส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ย.ที่ตลาดลอนดอน ร่วงลง 1.42 ดอลลาร์ปิดที่ 96.97 ดอลลาร์/บาร์เรล ปัจจัยกดดัน คือ การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน, ตัวเลขภาคที่อยู่อาศัยสหรัฐยังเปราะบาง และมีรายงานว่าบ่อน้ำมันซาฮารา ซึ่งเป็นบ่อน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดของลิเบีย ไม่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์โจมตีเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และจะเริ่มกลับมาดำเนินการผลิตได้อีกครั้งในเร็วๆนี้
• สัญญาทองคำ COMEX : รีบาวด์เล็กๆ หลังอ่อนตัวต่อเนื่องในช่วงก่อนหน้า
* สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 1.3ดอลลาร์ หรือ 0.11% ปิดที่ 1,217.9 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยเป็นผลจากแรงซื้อเก็งกำไรหลังสัญญาทองคำร่วงลงมาอย่างต่อเนื่อง และการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์สหรัฐหลังจากตัวเลขเศรษฐกิจออกมาแย่กว่าคาด
ปัจจัยในประเทศ
• เศรษฐกิจไทย : คาด 2H57 ฟื้นตัวจากฐานที่ต่ำมาก ปี 58 เติบโตดีขึ้นแต่ยังไม่เต็มศักยภาพ กลยุทธ์การลงทุน...เลือกซื้อหุ้นในกลุ่มที่อิงกับการบริโภค & ท่องเที่ยว(Domestic Spending & Tourism Play)
* นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คาดว่าอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจในปี 57 มีโอกาสเติบโตใกล้เคียงกับที่เคยประเมินไว้ก่อนหน้านี้ที่ 1.5% ขณะที่การส่งออกมีแนวโน้มจะเติบโตได้น้อยกว่าที่เคยประเมินไว้ที่ 3% โดยจะมีการแถลงตัวเลขคาดการณ์ใหม่อย่างเป็นทางการในการแถลงรายงานนโยบายการเงินที่จะมีขึ้นวันที่ 26 ก.ย.นี้
* สำหรับกรณีที่เงินทุนสำรองระหว่างประเทศลดลงอย่างต่อเนื่อง ผู้ว่าการธปท.กล่าวว่าเรื่องนี้ยังไม่ได้เป็นการลดลงอย่างมีนัยสำคัญ และยอมรับว่าในปีที่ผ่านมามีการลดลงจากความกังวลกรณีที่ธนาคารกลางสหรัฐจะทยอยลด QE และคาดการณ์ว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย จึงทำให้นักลงทุนเทขายหุ้นหรือขายพันธบัตรที่เคยซื้อไว้ในก่อนหน้านี้เพื่อทำกำไรหรือเป็นการปรับพอร์ต ในขณะที่ปี 57 มองว่า Capital Flow ยังมีทั้งการไหลเข้าและไหลออกในสัดส่วนที่ใกล้เคียงกัน ไม่ไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่งมากกว่า
* ความเห็น DBS Retail Research : เราประเมินว่าเศรษฐกิจไทยใน 2H57 จะฟื้นตัวดีขึ้นจากฐานที่ต่ำมากใน 1H57 และใน 4Q56 แต่โดยรวมยังไม่ได้แข็งแกร่งมากนัก ทั้งนี้ DBSมีสมมติฐานว่ามูลค่าส่งออกรูปดอลลาร์สหรัฐในปี 57 จะทรงตัวที่ 0%YoY เช่นเดียวกันกับปีก่อน ขณะที่มูลค่าในรูปบาทปรับขึ้นเพียงเล็กน้อย 0.1%YoY เนื่องจากหลายกลุ่มอุตสาหกรรมยังอยู่ในช่วงปรับตัว ขณะที่กลุ่มเกษตรส่งออกมีปัญหาเรื่องราคาส่งออก โดยเฉพาะยางพาราขณะที่ปริมาณผลผลิตกุ้งยังต่ำ รวมทั้งเศรษฐกิจประเทศคู่ค้ายังไม่แข็งแรงมากนัก อย่างไรก็ตามมีส่วนของไก่ส่งออกที่มีการเติบโตสดใสในปีนี้ และคาดว่าจะแข็งแกร่งต่อเนื่องในปี 58 เนื่องจากไทยส่งออกไก่สดแช่แข็งไปญี่ปุ่นได้อย่างเป็นรูปธรรมตั้งแต่ 1Q57 และส่งออกไก่แปรรูปไปญี่ปุ่นได้มากขึ้นใน 2H57 หลังจีนมีปัญหาเรื่องความปลอดภัยทางอาหาร ญี่ปุ่นจึงหันมานำเข้าจากไทยแทน
* ในด้านการบริโภค คาดว่าจะเริ่มฟื้นตัวตั้งแต่ 4Q57 ซึ่งมาจากความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่สูงขึ้น และเป็นช่วงฤดูกาลจับจ่ายใช้สอยและท่องเที่ยวของไทย ยังผลให้คาดว่าการบริโภคในปีนี้จะเติบโตได้ 1.5% เพิ่มขึ้นจาก 0.3% ในปี 56 และขยายตัวได้ 4.5% ในปีหน้าการใช้จ่ายภาครัฐปี 57 เติบโตในอัตราที่น้อยลงจากปีก่อน เพราะมีปัญหาการเมืองในช่วง 1H57ทำให้การเบิกจ่ายงบประมาณล่าช้า และกว่าจะจัดตั้งรัฐบาลคสช.เสร็จก็ใกล้จบปีงบประมาณ57 แล้ว อย่างไรก็ตาม คาดว่าการใช้จ่ายภาครัฐจะเติบโตเร่งตัวขึ้นมากเป็น 7.3% ในปี 58 จาก3.8% ในปี 57
* การลงทุนของประเทศ...บางกลุ่มยังไม่แน่ใจว่านโยบายรัฐบาลนี้จะถูกสานต่อในรัฐบาลหน้าหรือไม่ ในปี 57 คาดว่าจะซบเซา (คาดว่าจะ -1%YoY) เพราะใน 1H57 ภาครัฐและเอกชนอยู่ในช่วงชะลอการลงทุน ส่วนใน 2H57 อยู่ในช่วงปรับแผนการลงทุนให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล ส่วนในปี 58 เรากำลังติดตามดูว่าจะเป็นอย่างไร เพราะมีผู้ประกอบการหลายกลุ่มที่ยังกังวลกับประเด็นการเมืองในประเทศ เพราะไม่แน่ใจว่าเมื่อมีการเลือกตั้งใหม่ในอีก 1 ปีข้างหน้าแล้ว รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งจะยังคงนโยบายในด้านต่างๆ ตามที่รัฐบาลคสช.ได้กำหนดไว้หรือไม่ ดังนั้นเราจึงให้สมมติฐานการลงทุนว่าจะเติบโต 4% ในปีหน้าโดยรวมแล้ว DBS คาดว่าเศรษฐกิจไทยในปีนี้จะขยายตัว 1.6% ใกล้เคียงกับตัวเลขคาดการณ์ของธปท.ที่ 1.5% แต่ในปี 58 เราประมาณการไว้ที่ 4% ซึ่งต่ำกว่าของธปท.ที่ 5.5%* อัตราเงินเฟ้อปี 58 เร่งตัวขึ้น...หนุนการกลับทิศของดอกเบี้ยเป็นขาขึ้นตั้งแต่ 2H58สำหรับอัตราเงินเฟ้อ คาดว่าในปี 57 จะทรงตัวต่ำที่ 2.1% (ปี 56 เท่ากับ 2.2%) แต่จะเร่งตัวขึ้นเป็น 3.3% ในปี 58 โดยหลักมาจากราคาพลังงานที่สูงขึ้น และอุปสงค์สินค้า & บริการเพิ่มขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ดังนั้นจึงประเมินว่าอัตราดอกเบี้ยจะกลับเป็นทิศทางขาขึ้นตั้งแต่2H58 เป็นต้นไป ซึ่งอยู่ในทิศทางเดียวกันกับอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐ เพียงแต่ระยะเวลาของการปรับขึ้นอาจเหลื่อมไตรมาสกัน
* การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดอาจไม่กระทบ Fund Flow รุนแรง เพราะเฟดพยายามบริหารข้อมูลให้มีประสิทธิภาพ ไม่ให้เกิดการ Surprise ตลาด และเป็นลักษณะที่ให้ตลาดเงินและตลาดทุนค่อยๆ ปรับตัวในช่วงเวลาหนึ่งก่อนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจริง เพื่อไม่ให้ Fund Flow มีความผันผวนมาก
* กลยุทธ์การลงทุน : ในระยะ 1-3 เดือนเรามี Theme การลงทุนเป็น DomesticSpending & Tourism Play ซึ่งอยู่ใน Wealth Perspective ที่เราออกรายงานไปในต้นเดือนก.ย.57 โดยมองว่าเรากำลังเข้าสู่ไตรมาส 4 ซึ่งจะมีการอุปโภคบริโภคเพิ่มขึ้น รวมทั้งเป็น Highseason ของการท่องเที่ยวด้วย หุ้น Top Picks ของเดือนนี้เป็น CENTEL, CPN, MC, TUF,VGI ส่วน Dark Horse คือ TMB, VIBHA นอกจากนั้นเรายังชอบหุ้น AP, SPALI, CPALL,MINT, GFPT ซึ่งเกี่ยวข้องกับ Theme การลงทุนดังกล่าวข้างต้นด้วย
+ กลุ่มที่พักอาศัย : โครงการตามแนวรถไฟฟ้าเปิดใหม่คึกคัก โดยเฉพาะบริเวณเตาปูน-บางซื่อ-บางซ่อน เราให้น้ำหนักการลงทุนเป็น Overweight
* ปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า กระทรวงคมนาคมได้ส่งเรื่องการปรับแบบโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิต โดยเพิ่มงบประมาณ 5 พันล้านบาทนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีแล้ว (สัญญา 1 วงเงินรวม 3 หมื่นล้านบาท กลุ่ม UNIQ เป็นผู้รับงาน, สัญญา 2วงเงิน 2.1 หมื่นล้านบาท บริษัท ITD รับงาน, สัญญา 3 วงเงิน 2.9 หมื่นล้านบาท กิจการร่วมค้าMHSC Consortium (บริษัท Mitsubishi Heavy Industrial Ltd., บริษัท Hitachi และ บริษัทSumitomo Corporation) รับงาน) รวมทั้งการขออนุมัติโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี งบลงทุนในโครงการกว่า 5 หมื่นล้านบาทไปแล้ว คาดว่าจะนำเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้ในวันนี้ (23 ก.ย.57 )
* มีการเปิดเผยผลสำรวจราคาที่ดินย่านเตาปูน-บางซื่อพบว่าราคาบางทำเลพุ่งขึ้นถึง 5 เท่า สอดรับโครงการรถไฟฟ้าที่จะให้สถานีบางซื่อเป็นศูนย์รวมระบบราง หนุนความต้องการที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นในทำเลดังกล่าว
* ความเห็นเชิงกลยุทธ์ DBS Retail Research : เส้นทางรถไฟฟ้าที่กำลังจะเกิดขึ้น เป็นข่าวดีกับกลุ่มอสังหาริมทรัพย์โดยตรง ทั้งในส่วนที่เป็นรับเหมาก่อสร้าง, ที่พักอาศัย และให้เช่าพื้นที่เพราะโดยปกติแล้วโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ก็จะเติบโตไปพร้อมกับความเจริญในด้านสาธารณูปโภคและการคมนาคม & ขนส่งอยู่แล้ว
# หุ้นเด่นในกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง คือ CK, STEC ส่วน Dark Horse เป็น SEAFCO, SYNTEC
# หุ้นเด่นในกลุ่มที่พักอาศัย คือ AP, PS, QH, SPALI ส่วน Dark Horse เป็น RML
# หุ้นเด่นในกลุ่มให้เช่าพื้นที่ คือ CPN
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค : Tel 7829 [email protected]