- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 03 January 2019 14:53
- Hits: 5779
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
“ภาคการผลิตจีน-ยุโรปอ่อน เริ่มลดการผลิตน้ำมัน”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : --
ภาวะตลาดและปัจจัย : SET วานนี้ +2.06 จุด ปิดที่ 1565.94 จุด มูลค่าการซื้อขายเบาบางที่ 31.6 พันล้านบาท ถือว่ายังบวกสวนกับตลาดหุ้นในภูมิภาคแถบนี้ซึ่งส่วนใหญ่ปรับลงในโซนแดง ระหว่างวันดัชนีไปทำยอดสูงสุดถึง 1575.22 จุด เพราะมีความหวังเรื่องเจรจาการค้าสหรัฐ-จีน ดาวโจนส์-น้ำมันปรับขึ้นและบาทแข็งค่า แต่ช่วงบ่ายมีแรงขายรับข่าวภาคการผลิตจีนออกมาไม่ดี ดาวโจนส์ล่วงหน้าและน้ำมันกลับปรับลง ส่วนผู้ซื้อสุทธิรายเดียวคือ สถาบัน 1.9พันล้านบาท ด้านผู้ขายสุทธิคือ นักลงทุนต่างประเทศ 0.8 พันล้านบาท บัญชีหลักทรัพย์ 0.8 พันล้านบาท และนักลงทุนทั่วไปขายสุทธิเล็กน้อย 0.3 พันล้านบาท ด้านแนวโน้มตลาดและกลยุทธ์วันนี้คือ
# ระยะสั้นคาดว่า SET จะมีลักษณะ Sideways ทางขึ้น ปัจจัยบวกที่เห็นคือ ดาวโจนส์ น้ำมันปรับขึ้นได้ ซึ่งเริ่มโปรแกรมลดการผลิต 1% จากปริมาณการใช้ทั่วโลก การเลือกตั้งไทยยังเป็นไปตามโรดแมป อัตราเงินเฟ้ออยู่ในกรอบ ไม่เร่งให้ กนง.ปรับขึ้นดอกเบี้ย บอนด์ยิลด์ 10 ปีสหรัฐลดลงต่อ เช่นเดียวกับดัชนีความกลัว (VIX) แต่ปัจจัยลบที่ถ่วงคือ ตัวเลขภาคการผลิต (PMI) ของจีนและยุโรปที่อ่อนแอ
# ด้านตลาดหุ้นเพื่อนบ้าน Mix มีทั้งบวกและลบ ดาวโจนส์ล่วงหน้า -340 จุด ณ 8:17 น. ติดตามการชัตดาวน์ สหรัฐ ที่สภาผู้แทนราษฎรพยายามผลักดัน และเจรจาการค้า 7 ม.ค.62 ส่วนเงินบาท แม้อยู่ในระดับแข็งค่า แต่ไหลเข้ามาตลาดบอนด์มากกว่าตลาดหุ้น
# กลยุทธ์ คือ เก็งกำไรรอบสั้น หากมีการรีบาวด์ พิจารณาที่แนวต้าน 1575-1580 จุดหากไม่ผ่าน เน้นขายทำกำไรรอบสั้นๆ แต่หากดัชนีฯอ่อนตัวลงมาอีกแนวรับจะอยู่ที่ 1550 เป็นแนวรับแรก และ 1530 เป็นแนวรับถัดไป ส่วนดัชนีฯเป้าหมายทางพื้นฐานปี 2562 เป็น 1780 จุด (+0.5 SD) ด้วยคาดการณ์อัตราการเติบโตกำไรปี 61-62 ที่ +8%/+6% ตามลำดับ
# หุ้นเด่น VGI :- ข่าวดีคือ บริษัทปรับเป้ารายได้ปีนี้เพิ่มขึ้นเป็น 5 พันล้านบาท จากเดิม 4.4-4.6 พันล้านบาท เนื่องจากจะมีการเลือกตั้ง ส่งผลบวกต่อเศรษฐกิจและโฆษณาตามมา ผนวกกับกระแสการจับจ่ายใช้สอยผ่าน e-commerce ทำให้บริษัทได้รับประโยชน์เต็มที่ รวมทั้งมีรายได้เพิ่มจากกลุ่มทรานส์แอดเข้ามาสนับสนุน อีกทั้งกำไรตามส่วนได้เสียมี Kerry Express ช่วยเสริมเป็นอย่างดี คาดการณ์อัตราการเติบโตกำไรหลักปีนี้และปีหน้าสดใสมากเป็น50%/41% เทียบ y-o-y ราคาพื้นฐานประเมินด้วย DCF ได้ที่ 8.49 บาท ราคาปิดมีส่วนเพิ่มได้อีก 8.2%
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ระยะสั้นภาพตลาดยังผันผวนสลับรีบาวด์ ซื้อใหม่เน้นค่าบวกทั้งราคาหุ้นและดัชนี แนวต้านระยะสั้น 1575-1580 จุด, แนวรับคือ1550, 1530 จุด แต่มีโอกาสเช่นกันที่ SET อาจจะมีการรีบาวด์ได้ในระยะสั้น เพราะอยู่ในภาวะขายมากเกินไป (Oversold)
นักกลยุทธ์&นักวิเคราะห์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : [email protected]
Inside Story
Key Drivers TODAY : ปัจจัยต่างประเทศ / ปัจจัยในประเทศ
Company Guide : HUMAN (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 11.30)
Stock in Focus : TISCO (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 1.02)
VNG (ขาย -ราคาพื้นฐาน 5.00)
In The News : ข่าวเด่นวันนี้
Key Drivers TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
-จีน: ตัวเลขภาคการผลิตออกมาไม่สดใส
# ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของจีน ซึ่งมาร์กิตจัดทำร่วมกับไฉซิน อยู่ที่ระดับ 49.7 ในเดือนธ.ค. ลดลงจากเดือนพ.ย. ซึ่งอยู่ที่ระดับ 50.2 โดยดัชนี PMI ภาคการผลิตของจีนขยายตัวต่ำกว่า 50 เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนพ.ค.2560
# ผลกระทบ: ทางรัฐบาลจีนพยายามต่อสู้กับผลกระทบจากสงครามการค้าเป็นอย่างมาก เช่น ตั้งแต่ 1 ม.ค.62 ลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และเมื่อปีที่แล้วได้เร่งการส่งออกในบางสินค้าที่ไปสหรัฐ เพื่อที่จะหลบหลีกการถูกจัดเก็บภาษีนำเข้าที่สูง
- ยุโรป: ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นสุดท้าย ต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.2559
# ไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายของยูโรโซน ปรับตัวลงเป็นเดือนที่ 5 สู่ระดับ 51.4 ในเดือนธ.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.2559 และต่ำกว่าระดับ 51.8 ในเดือนพ.ย. ดัชนี PMI ยังคงถูกกดดันจากการชะลอตัวของคำสั่งซื้อใหม่ แม้ว่าการจ้างงานยังคงทรงตัวขณะที่ความเชื่อมั่นของนักลงทุนอยู่ที่ระดับต่ำสุดในรอบ 6 ปี
# รายงานระบุว่า เยอรมนี ฝรั่งเศส อิตาลี และสเปน เป็นกลุ่มประเทศที่มีภาคการผลิตที่อ่อนแอในเดือนธ.ค. ขณะที่เนเธอร์แลนด์มีภาคการผลิตที่แข็งแกร่งที่สุดในรอบ 3 เดือน
+ สงครามการค้า: การเจรจาส่งสัญญาณบวก
# นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ เปิดเผยว่า การพูดคุยเกี่ยวกับการค้ากับนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน เมื่อช่วงสุดสัปดาห์นั้น มีความคืบหน้าอย่างมาก ตลาดฯยังเฝ้าติดตามการเจรจาการค้าในวันที่ 7 ม.ค.62 ว่าผลจะดีขึ้นหรือไม่
+/-สหรัฐ: ทรัมป์เรียกประชุมทั้งสองสภา สภาผู้แทนราษฎรพยายามแก้ปัญหา Shut Down
# นักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ชัตดาวน์ในสหรัฐที่ล่วงเข้าสู่สัปดาห์ที่ 2 ขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ทรัมป์ได้เชิญแกนนำในสภาคองเกรสทั้งจากพรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกันมายังทำเนียบขาวเมื่อวานนี้ เพื่อหารือเกี่ยวกับภาวะชัตดาวน์ รวมทั้งการจัดสรรงบประมาณสำหรับการรักษาความปลอดภัยตามแนวชายแดนเม็กซิโก
# ทางด้านสภาคองเกรสจะจัดการประชุมในวันนี้ โดยสมาชิกพรรคเดโมแครตในสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐได้วางแผนที่จะยุติภาวะชัตดาวน์ด้วยการผ่านร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวในการประชุมครั้งนี้ แต่งบประมาณดังกล่าวจะไม่รวมงบในการสร้างกำแพงกั้นชายแดนเม็กซิโกวงเงิน 5 พันล้านดอลลาร์ตามที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เรียกร้อง
+ ภาวะตลาดหุ้นสหรัฐ : ดาวโจนส์ปรับขึ้นได้เล็กน้อย
# ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 23,346.24 จุด เพิ่มขึ้น 18.78 จุด หรือ +0.08% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่2,510.03 จุด เพิ่มขึ้น 3.18 จุด หรือ +0.13% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,665.94 จุด เพิ่มขึ้น 30.66 จุด หรือ +0.46%
# ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดขยับขึ้นเมื่อคืนนี้ (2 ม.ค.) ซึ่งเป็นวันซื้อขายวันแรกของปี 2562 โดยได้ปัจจัยหนุนจากหุ้นกลุ่มพลังงานที่ดีดตัวขึ้นหลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI พุ่งขึ้น 2.5% ขณะที่หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวขึ้นหลังจากนักวิเคราะห์ของบาร์เคลย์สได้แสดงมุมมองที่เป็นบวกต่อภาคธนาคารของสหรัฐ อย่างไรก็ตาม ดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดขยับขึ้นเพียงเล็กน้อย ท่ามกลางภาวะการซื้อขายที่ผันผวน เนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก รวมทั้งการปิดหน่วยงานบางส่วนของรัฐบาลสหรัฐ อันเนื่องจากการขาดงบประมาณ หรือชัตดาวน์
+ ภาวะตลาดน้ำมัน : ปรับขึ้น สะท้อนข่าวซาอุฯลดการส่งออก
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 1.13 ดอลลาร์ หรือ 2.5% ปิดที่ 46.54 ดอลลาร์/บาร์เรล
# สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 1.11 ดอลลาร์ หรือ 2.1% ปิดที่ 54.91 ดอลลาร์/บาร์เรล
# สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้น 2.5% เมื่อคืนนี้ (2 ม.ค.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากรายงานที่ว่าซาอุดีอาระเบียได้ปรับลดการส่งออกน้ำมันลงในเดือนธ.ค. ขณะที่ข้อตกลงการปรับลดกำลังการผลิตของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และประเทศผู้ผลิตนํ้ามันนอกกลุ่มโอเปก ได้เริ่มมีผลบังคับใช้แล้วในเดือนนี้
- ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก : ปิดปรับเพิ่มขึ้น กังวล Shut Down เข้าหาทองคำ
# สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 2.80 ดอลลาร์ หรือ 0.22% ปิดที่1284.10 ดอลลาร์/ออนซ์
# สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (2 ม.ค.) เนื่องจากความไม่แน่นอนของสถานการณ์ชัตดาวน์ในสหรัฐ และความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ได้ส่งผลให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
• ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่จะทยอยประกาศสัปดาห์นี้
# นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนธ.ค.จากADP, จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีภาวะธุรกิจนิวยอร์กเดือนธ.ค. จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM), การใช้จ่ายภาคการก่อสร้างเดือนพ.ย., ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนธ.ค. และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ(PMI) ภาคบริการเดือนธ.ค.จากมาร์กิต
ปัจจัยในประเทศ
+ การเมืองไทย: นายกฯ เผยครม.นัดแรกปี 62 ยังเดินหน้าแก้ปัญหาต่อเนื่อง
# พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คลช.) กล่าวว่า การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ถือเป็นประชุมนัดแรกของปี 2562 ซึ่งเป็นการทำงานต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา และยังมีปัญหาหลายอย่างต้องปรับปรุง แก้ไขให้สอดรับกับสถานการณ์ปัจจุบัน โดยยังมีความกังวลเกี่ยวกับปัญหาเศรษฐกิจที่มีความเชื่อมโยงกับต่างประเทศ ทั้งเรื่องราคาน้ำมันและปัญหาสงครามทางการค้า ซึ่งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย แต่รัฐบาลพยายามแก้ปัญหาภายในและทำให้เศรษฐกิจในประเทศเกิดความสมดุล ทั้งเศรษฐกิจขนาดเล็ก ขนาดกลางและขนาดเล็กรวมถึงภาคเกษตรด้วย
- ธปท.มองเศรษฐกิจไทยปี 62 โตชะลอตามแรงส่งอุปสงค์ต่างประเทด
# สำหรับการประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจการเงิน เพื่อประกอบการดำเนินนโยบายการเงินนั้น ในด้านของเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มขยายตัวชะลอลง จากข้อมูลเศรษฐกิจไตรมาส 3/61 ของหลายประเทศขยายตัวต่ำกว่าที่ประเมินไว้ แรงส่งเศรษฐกิจของหลายประเทศยกเว้นสหรัฐฯ ปรับลดลง รวมทั้งความไม่แน่นอนจากมาตรการกีดกันการค้าของสหรัฐ และสถานการณ์ทางการเมืองในยุโรป กนง.จึงปรับลดข้อสมมติอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจคู่ค้าในปี 61 และ 62 มาอยู่ที่3.6% และ 3.4% ตามลำดับ โดยมีโอกาสที่จะต่ำกว่ากรณีฐานมากขึ้น
# สำหรับแนวโน้มเศรษฐกิจและเงินเฟ้อของไทย เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวชะลอลงที่ 4.2% และ 4.0% ในปี 61และ 62 ตามลำดับ ต่ำกว่าที่ประเมินไว้ในรายงานนโยบายการเงินฉบับก่อน โดยแรงส่งจากอุปสงค์ต่างประเทศชะลอลงตามปริมาณการส่งออกสินค้าและบริการที่มีแนวโน้มต่ำกว่าที่เคยประเมินไว้ ขณะที่อุปสงค์ในประเทศยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนที่สำคัญ โดยเฉพาะการบริโภคภาคเอกชนที่ขยายตัวดี
-ธปท.เผยดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจ ธ.ค.ลดลง เหตุเร่งผลิตเพื่อส่งออกในพ.ย.-ติดวันหยุดยาว
# ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจในเดือนธ.ค.61 อยู่ที่ระดับ 49.5 ปรับลดลงจากเดือนก่อน โดยเป็นการปรับลดลงในทุกองค์ประกอบ จากความเชื่อมั่นที่ลดลงของผู้ประกอบการในภาคการผลิตเป็นสำคัญ นำโดยกลุ่มผู้ผลิตเครื่องจักรและอุปกรณ์ และกลุ่มผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่มีความเชื่อมั่นด้านคำสั่งซื้อและปริมาณการผลิตลดลงมาก ส่วนหนึ่งจากการเร่งผลิตและส่งออกในเดือนพฤศจิกายนเพื่อหลีกเลี่ยงการขึ้นภาษีของสหรัฐฯซึ่งเดิมมีกำหนดบังคับใช้ตั้งแต่ 1 ม.ค. 2562 ประกอบกับเดือนธันวาคมมีวันหยุดหลายวัน ทำให้โรงงานผลิตได้น้อยกว่าช่วงปกติ
• อัตราเงินเฟ้อ (CPI) ไทย: พาณิชย์ เผย CPI เดือน ธ.ค.61 ขยายตัว 0.36% ทั้งปี 61 โต 1.07%
# สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป (CPI) เดือนธ.ค.61 อยู่ที่ 101.73 ขยายตัว 0.36% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลง 0.65% จากเดือนพ.ย. 61ส่วนดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (Core CPI) อยู่ที่ 102.30 ขยายตัว 0.68% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และขยายตัว 0.01% เมื่อเทียบเดือนก่อนหน้า
# ทั้งนี้ ส่งผลให้ CPI ปี 61 ขยายตัวเฉลี่ย 1.07% ส่วน Core CPI ขยายตัว 0.71% ถือว่าอยู่ในกรอบคาดการณ์ของกระทรวงพาณิชย์ที่ 0.8-1.6%
# น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการ สนค.เปิดเผยว่าสำหรับแนวโน้มเงินเฟ้อในปี 62 นี้ ผู้อำนวยการ สนค. ประเมินว่าเงินเฟ้อเฉลี่ยทั้งปีนี้จะอยู่ที่ระดับ 1.23% หรืออยู่ในกรอบ 0.7-1.7% ทั้งนี้ คาดว่าอัตราเงินเฟ้อไตรมาส 1/62 ขยายตัว0.86% ไตรมาส 2/62 ขยายตัว 0.98% ไตรมาส 3/62 ขยายตัว 1.27% และไตรมาส 4/62 ขยายตัว 1.81%
# ผลกระทบ: ฝ่ายวิจัยฯ DBSVTH คาดว่าอัตราเงินเฟ้อปี 62 ที่มีแนวโน้มยังอยู่ในกรอบ จะทำให้ กนง.จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายได้ยากยิ่งขึ้น ซึ่งก็จะเป็นผลดีกับตลาดหุ้น ยกเว้นแต่เหตุผลเดิม ที่ปรับขึ้นในช่วง ธ.ค.61 คือ ลดความเสี่ยงของประชาชนจากการแสวงหาผลตอบแทนที่สูง (search for yield) ป้องกันฟองสบู่ของอสังหาฯ และลดหนี้ภาคครัวเรือน เป็นต้น และธปท.ต้องการ Policy Space ในอนาคต
นักวิเคราะห์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : [email protected]