- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 24 December 2018 15:40
- Hits: 10243
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
“ต่างประเทศไม่สดใส ไม่มีปัจจัยใหม่ เข้าสู่ช่วงวันหยุด”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : --
ภาวะตลาดและปัจจัย : SET วันศุกร์ปรับลง -0.77 จุด ปิดที่ 1595.33 จุด มูลค่าการซื้อขายเบาบางที่ 47.0 พันล้านบาท ระหว่างวันดัชนีฯมีการรีบาวด์เป็นบวกได้เล็กน้อย แต่ยังได้รับผลกระทบทางลบการตัดสินใจของเฟด คือ ปรับขึ้นดอกเบี้ย ปรับลด GDP และปีหน้าปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 2 ครั้ง กังวลเศรษฐกิจโลกถดถอย ระหว่างวันประกาศตัวเลขส่งออกไทย พ.ย.น่าผิดหวัง -0.95% นักลงทุนต่างประเทศ และสถาบันซื้อสุทธิ 1.1 และ 0.5 พันลบ.ตามลำดับ ส่วนนักลงทุนทั่วไปขายสุทธิ 1.5 พันลบ. ส่วนบัญชีหลักทรัพย์ขายสุทธิเล็กน้อย ด้านแนวโน้มตลาดและกลยุทธ์วันนี้คือ
# ระยะสั้นคาดว่า SET ยังไม่สดใสต่อไป ดาวโจนส์ดิ่งลงแรงถึง 414 จุด กังวลสหรัฐ Shut Down หลังวุฒิสภายังไม่อนุมัติร่างกฏหมายจากที่ผ่านการรับรองสภาผู้แทนราษฎร ราคาน้ำมันปรับตัวลง ดัชนีความกลัว (Vix) ปรับเพิ่มไปถึง 30.11% แล้ว เพื่อนบ้าน Mix ใกล้เข้าสู่เทศกาลวันหยุดยาว การซื้อขายจึงซบเซา แรงซื้อ LTF ปลายปี ดูแผ่วๆ หากดัชนีฯปรับลง ให้ระมัดระวังแนวตัดขาดทุนที่ 1580 จุด
# ปัจจัยบวกที่มีอยู่คือ ดาวโจนส์ล่วงหน้า +17 จุด ณ 8:25 น. บอนด์ยิลสหรัฐลดลง และเงินบาท ทยอยแข็งค่า หาก SET จะรีบาว์ เพราะหุ้นไทยตกแบบต่อเนื่อง จน P/E ปี 62 ไม่แพงเป็น 14-15 เท่า แนวต้านระยะสั้นเป็น 1600-1620 จุด แต่จะดูแข็งแรงจริงๆ ต้องยืน 1700 จุดได้
# แต่ปัจจัยต่างประเทศที่ดีขึ้น เฟดกำลังทบทวนเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยปีหน้าให้ชะลอลง หลังเศรษฐกิจสหรัฐออกมาไม่สดใส มีโอกาสที่ปีหน้าเงินจะไหลเข้ามายังตลาด Emerging Market มากขึ้นรวมทั้งไทยด้วย แต่ตัวเลขเศรษฐกิจต้องไม่ย่ำแย่มาก ต่างจากภาพ 2-3 ปีที่ผ่านมาที่เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมาอย่างต่อเนื่อง
# หุ้นเด่น BTS :- มีการเก็งกำไรตามมาจาก BEM ที่ได้ต่ออายุสัมปทานทางด่วน โดยสายสีเขียวเหนือ-ใต้ที่เจรจากับ กทม.อยู่ว่าจะเจรจาร่วมทุน จากปัจจุบันที่รับบริหารเดินรถ โดยได้ขยายเวลาสายปัจจุบันคือ สายสุขุมวิท และสีลมด้วย แต่แลกมาด้วยการรับหนี้ กทม.ที่ 1 แสนล้านบาท และคิดค่าโดยสารที่ต่ำกว่าปกติ เพื่อไม่เป็นภาระประชาชนมากเกินไป คาดว่าทาง BTS จะยังได้รับผลตอบแทนที่ดีในอนาคตจากการเจรจา และเป็นข่าวดีต่อไปแม้จะแพ้การประมูลไฮสปีดเทรนเชื่อม 3 สนามบิน แต่การที่มาโฟกัสสายสีเขียวนี้ จะเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับบริษัทมากกว่า จึงคงคำแนะนำ ซื้อด้วยราคาพื้นฐาน 11.00 บาท ซึ่งประเมินด้วยวิธี SOP (Sum of Parts)
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ระยะสั้นภาพตลาดเป็นลบ ซื้อใหม่เน้นค่าบวกทั้งราคาหุ้นและดัชนี แนวต้านระยะสั้น 1600-1620, 1630 จุด, แนวรับคือ1580, 1570, 1560 จุดตัดขาดทุน (Stop Loss) คือ 1580 ติดตามแนวรับสำคัญ 1580 หากหลุดไปจะเป็นสัญญาณที่ไม่ดี
นักกลยุทธ์&นักวิเคราะห์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : [email protected]
Key Drivers TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
+ เฟด : อาจทบทวนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยปีหน้า
# นายจอห์น วิลเลียมส์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์ก ที่ออกมาเปิดเผยว่า เฟดอาจทำการทบทวนนโยบายปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า
# นายวิลเลียมส์กล่าวว่า เฟดอาจทำการทบทวนนโยบายปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และการปรับลดงบดุลในปีหน้า หากเศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัวลง
- สหรัฐ: ตัวเลขเศรษฐกิจทบทวน GDP ไตรมาส 3 ลดลง และค่าใช้จ่ายผู้บริโภคเพิ่มน้อยลงเทียบรายเดือน
# กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 3 สำหรับการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ(GDP) ประจำไตรมาส 3 ที่ระดับ 3.4% ซึ่งต่ำกว่าตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 ที่ระดับ 3.5% และต่ำกว่าระดับ 4.2% ในไตรมาส 2 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ไตรมาส 3 ของปี 2557 หลังจากแตะระดับ 2.2% ในไตรมาส 1 โดยการชะลอตัวทางเศรษฐกิจในไตรมาส 3 ได้รับผลกระทบจากการลดลงของการใช้จ่ายของผู้บริโภค และการส่งออก
# สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยเมื่อวันศุกร์ รวมถึงการใช้จ่ายของผู้บริโภคสหรัฐเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนพ.ย.หลังจากพุ่งขึ้น 0.6% ในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 13 เดือน
- สหรัฐ: มีความวิตกเกี่ยวกับสภานการณ์การชัตดาวน์
# ปธน.ทรัมป์ทวีตข้อความขู่ว่า เขาจะไม่ลังเลที่จะทำให้หน่วยงานรัฐบาลต้องถูกปิดการดำเนินงาน ถ้าหากสมาชิกพรรคเดโมแครตในวุฒิสภาปฏิเสธที่จะผ่านร่างกฎหมายงบประมาณที่ได้รับการอนุมัติจากสภาผู้แทนราษฎรก่อนหน้านี้
# ทั้งนี้ สหรัฐใกล้เผชิญภาวะชัตดาวน์ หลังจากที่วุฒิสภาสหรัฐส่งสัญญาณชัดเจนที่จะไม่อนุมัติร่างกฎหมายงบประมาณที่เพิ่งผ่านการรับรองจากสภาผู้แทนราษฎร์
-ดอลลาร์สหรัฐ: แข็งค่า ถูกเข้าซื้อ เพราะเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย
# ดอลลาร์สหรัฐฟื้นตัวขึ้นในการซื้อขายวันสุดท้ายของสัปดาห์ เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อเงินดอลล์ซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางการร่วงลงของตลาดหุ้นและความกังวลเกี่ยวกับการที่หน่วยงานรัฐบาลสหรัฐอาจต้องถูกปิดการดำเนินงาน เนื่องจากขาดงบประมาณ หรือเข้าสู่ภาวะชัตดาวน์
- ภาวะตลาดหุ้นสหรัฐ : ดาวโจนส์ดิ่ง กังวลหน่วยงานรัฐถูกชัตดาวน์
# ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 22,445.37 จุด ร่วงลง 414.23 จุด หรือ -1.81% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่2,416.62 จุด ลดลง 50.80 จุด หรือ -2.06% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,332.99 จุด ลดลง 195.41 จุด หรือ -2.99%
# ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงติดต่อกันเป็นวันที่ 3 เมื่อวันศุกร์ (21 ธ.ค.) โดยได้รับแรงกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับการที่หน่วยงานรัฐบาลสหรัฐอาจต้องถูกปิดการดำเนินงาน เนื่องจากขาดงบประมาณ หรือเข้าสู่ภาวะชัตดาวน์รวมทั้งความวิตกเกี่ยวกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐ
- ภาวะตลาดน้ำมัน : ราคาน้ำมันปรับลง กังวลอุปทานมาก แต่อุปสงค์จะลดลง
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ. ลดลง 29 เซนต์ หรือ 0.6% ปิดที่ 45.59 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 12 ก.ค. 2560
# สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.พ. ลดลง 53 เซนต์ หรือ 1% ปิดที่ 53.82 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 8 ก.ย. 2560
# สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 17 เดือนเมื่อวันศุกร์ (21 ธ.ค.) โดยตลอดทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมา สัญญาน้ำมันดิบร่วงลงไปแล้วกว่า 11% ท่ามกลางความวิตกกังวลกี่ยวกับภาวะน้ำมันล้นตลาดและแนวโน้มอุปสงค์น้ำมันที่อ่อนแอ
+ ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก : ปรับลง ดอลลาร์แข็งค่า
# สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. ร่วงลง 9.80 ดอลลาร์ หรือ 0.77% ปิดที่1,258.10 ดอลลาร์/ออนซ์
# สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อวันศุกร์ (21 ธ.ค.) โดยได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์
ปัจจัยในประเทศ
- ตัวเลขส่งออกไทย: พ.ย.61 ออกมาน่าผิดหวัง -0.95% หลังความขัดแย้งทางการค้าจีน-สหรัฐ ส่งผลต่อไทย
# สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ แถลงตัวเลขการค้าระหว่างประเทศของไทยในเดือน พ.ย.61 โดยภาพรวมการส่งออกลดลง 0.95% มูลค่า 21,237.2 ล้านเหรียญสหรัฐฯ จากตลาดคาดจะขยายตัว 3.1-3.2% จากผลกระทบหลักของความขัดแย้งทางการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯที่ส่งผลต่อไทยมากขึ้น ซึ่งกระทบต่อการส่งออกไทยไปจีนโดยเฉพาะในสินค้าซัพพลายเชน อีกทั้งส่งผลต่อการส่งออกไปยังประเทศอื่น ๆ ทั้งเกาหลีและไต้หวัน ส่วนการนำเข้า พ.ย.61 ขยายตัว 14.66% มูลค่า 22,415 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ส่งผลให้ดุลการค้าขาดดุล 1,177.8 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
# สำหรับในช่วง 11 เดือนปี 61 (ม.ค.-พ.ย.61) การส่งออกขยายตัว 7.29% มูลค่า 232,725 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ส่วนการนำเข้าขยายตัว 14.77% มูลค่า 231,343.9 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ส่งผลให้ดุลการค้าเกินดุล 1,381.1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
# อย่างไรก็ตาม กระทรวงพาณิชย์ ยังคงคาดว่าการส่งออกในปี 61 จะยังขยายตัวได้ตามเป้าหมายที่ 8% เนื่องจากความสามารถในการแข่งขันของสินค้าไทย ตลาดอาเซียน โดยเฉพาะ CLMV และอินเดีย มีแนวโน้มการขยายตัวสูงและเป็นตลาดศักยภาพที่มีบทบาทสูงต่อภาพรวมการส่งออกไทยในระยะหลัง
-ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ลดคาดการณ์ส่งออกปี 61 เหลือโต 7%จากเดิม 8% ปี 62 โตชะลอเหลือ 4.5%
# ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินภาพรวมการส่งออกสินค้าไทยตลอดทั้งปี 2561 ขยายตัวได้ราว 7.0% YoY ชะลอลงจากปี2560 ที่อยู่ที่ 9.9% YoY หลังช่วง 11 เดือน (ม.ค.-พ.ย.61) ขยายตัว 7.29% YoY ชะลอลงจากช่วง 10 เดือนแรกที่อยู่ที่8.19% YoY ก่อนโตชะลอมาที่ 4.5% ในปี 62 ขยายตัวในอัตราที่ชะลอลงจากปี 2561 ซึ่งเป็นผลของฐานที่สูงในปีก่อน การชะลอตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าหลัก ทิศทางราคาน้ำมันดิบโลกที่คาดว่าจะเคลื่อนไหวในระดับที่ต่ำกว่าปี ก่อน รวมไปถึงผลของประเด็นข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนที่คาดว่าจะกระทบต่อการส่งออกของไทยธนาคารออมสินปรับขึ้นดอกเบี้ยเฉพาะเงินฝาก ยังไม่ขึ้นเงินกู้ แต่ ธอส.ยังไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ย
# ธนาคารออมสินนำร่องขึ้นดอกเบี้ยเงินฝาก 0.25% พร้อมประสานเสียงแบงก์รัฐตรึงดอกเบี้ยเงินกู้ สวน กนง. หวั่นกระทบลูกค้า
# ด้านธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ธอส.จะไม่ขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้กับลูกค้าทันที แม้ว่า กนง.จะเห็นชอบให้ขึ้นดอกเบี้ยนโยบายไปแล้ว 0.25% ก็ตาม ซึ่งจากนี้ต้องขอติดตามสถานการณ์ตลาดสินเชื่อในช่วงเดือน ม.ค.อีกครั้ง ก่อนจะพิจารณาปรับดอกเบี้ยของธนาคาร เพราะไม่ต้องการให้กระทบกับลูกค้าที่ผ่อนบ้านกว่า 1 ล้านราย แต่เบื้องต้นประเมินว่าหากดอกเบี้ยนโยบายขึ้นเพียงครั้งเดียว ธนาคารจะยังไม่ขึ้นเงินงวดผ่อนของลูกค้า และดอกเบี้ยอาจขยับแค่ครึ่งเดียว หรือประมาณ 0.125% แต่หากขึ้นมากกว่าก็ต้องทบทวนดูอีกครั้ง
• อินโดนีเซีย: เกิดเหตุสึนามิช่วงวันหยุด แต่ยังไม่กระทบไทย
# สำนักงานจัดการภัยพิบัติของอินโดนีเซียเปิดเผยว่า ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์คลื่นยักษ์สึนามิถล่มชายฝั่งช่องแคบซุนดา ทางภาคตะวันตกของประเทศอินโดนีเซีย เพิ่มขึ้นเป็น 222 คน และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 843 คน
# ด้านผลกระทบกับไทย จากการวิเคราะห์เบื้องต้นยังไม่กระทบไทย เพราะระยะทางห่างไกล ส่วนแหล่งท่องเที่ยวที่ใกล้ คือเกาะภูเก็ต อาจมีข้อดีเล็กน้อย คือ นักท่องเที่ยวบางส่วนย้ายมาท่องเที่ยวไทยแทนอินโดนีเซีย
นักวิเคราะห์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : [email protected]