- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 21 December 2018 12:35
- Hits: 7004
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
“ผลกระทบเฟด และเศรษฐกิจโลกชะลอ กดดัน SET”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : --
ภาวะตลาดและปัจจัย : SET วานนี้ปรับลง -5.02 จุด ปิดที่ 1596.1 จุด มูลค่าการซื้อขายเบาบางที่ 35.0 พันล้านบาท ถือว่ารีบาวด์จากยอดต่ำสุดของวันที่ลงลึกไปถึง 1583.11 จุด คาดว่าได้รับผลกระทบการตัดสินใจของเฟด คือ ปรับขึ้นดอกเบี้ย ปรับลด GDP และปีหน้าปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 2 ครั้ง กังวลเศรษฐกิจโลกถดถอย หุ้นกลุ่มหลักที่ปรับลงคือ พลังงาน และ ธนาคาร สถาบันซื้อสุทธิรายเดียว 255 ล้านบาท นักลงทุนทั่วไปขายสุทธิ 162 ล้านบาทส่วนนักลงทุนต่างประเทศและบัญชีหลักทรัพย์ขายสุทธิเล็กน้อย ด้านแนวโน้มตลาดและกลยุทธ์วันนี้คือ
# ระยะสั้นคาดว่า SET ไม่สดใสต่อไป เพราะยังจะได้รับผลลบจากการที่เฟดปรับลด GDP ปีหน้า แต่จะขึ้นดอกเบี้ย 2 ครั้ง ขณะที่นักลงทุนกังวลเศรษฐกิจจะชะลอตัวเกินไป ควรไม่ขึ้นเลยหรือขึ้นแค่หนึ่งครั้ง มีความกังวลภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัวในปีหน้าหลังงประเทศใหญ่ๆพากันปรับลดGDP ปีหน้า ดาวโจนส์ น้ำมัน จึงร่วงแรง หันไปหาทองคำ
# ตลาดหุ้นเพื่อนบ้านเช้านี้ลดลงถ้วนหน้า ดาวโจนส์ล่วงหน้าต่ำลง และดัชนีความกลัว (VIX) ปรับเพิ่มเป็น 28.38% แต่สิ่งที่ดีเล็กน้อยคือ บาททยอยแข็งค่า อัตราผลตอบแทนพันธบัตร 10 ปี ปรับตัวอ่อนลงเป็น 2.8048% มีเงินไหลเข้าอยู่บ้าง แนวรับสำคัญคือ 1580 จุด
# หุ้นที่น่าสนใจวันนี้คือ BEM เพราะได้ต่ออายุสัมปทาทางด่วนส่วนหมดอายุปี 63 ไปถึง 37 ปี ชดเชยกับที่ กทพ.ต้องชดใช้ค่าแพ้คดีต่างๆ และข่าวลบเรื่อง บจ.ต้องจ่ายค่าชดเชยให้กับพนักงงานที่ให้ออกหรือเกษียณ 60 ปี จำนวนถึง 13 เดือน ต้องตั้งสำรองเป็นค่าใช้จ่าย หลังประกาศราชกิจจานุเบกษา อาจเป็น 4Q61 หรือ 1Q62 ก็อาจจะกระทบในเชิงลบต่อผลการดำเนินงานได้
# หุ้นเด่น MTC :- ทาง DBSVTH แนะนำซื้อ เนื่องจากมองว่าธุรกิจยังคงเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งจากการขยายสาขาต่อเนื่อง (ณ สิ้นก.ย.61 มีสาขาทั้งสิ้น 3,178 แห่ง คาดว่าสิ้นปี 61 จะไม่น้อยกว่า 3,300 แห่ง) ด้านสินเชื่อ 9M61 เติบโต 26%YTD (+39%YoY) คุณภาพสินทรัพย์ดี มี NPL ratio สิ้นก.ย.61 เท่ากับ 1.26% และมี Coverage ratio สูง 259% คาดการณ์กำไรสุทธิปี 61/62/63 เติบโต 50%/30%/31% ตามลำดับ เราให้ราคาพื้นฐานปี62 เท่ากับ 63 บาท ราคาปิดมีส่วนเพิ่มได้อีกถึง 29%
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ระยะสั้นภาพตลาดเป็นลบ ซื้อใหม่เน้นค่าบวกทั้งราคาหุ้นและดัชนี แนวต้านระยะสั้น 1600-1620, 1630 จุด, แนวรับคือ1580, 1570, 1560 จุดตัดขาดทุน (Stop Loss) คือ 1580 ติดตามแนวรับสำคัญ 1580 หากหลุดไปจะเป็นสัญญาณที่ไม่ดี
นักกลยุทธ์&นักวิเคราะห์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : [email protected]
Inside Story
Key Drivers TODAY : ปัจจัยต่างประเทศ / ปัจจัยในประเทศ
Hot Issue : ราคาน้ำมันร่วง … ใครได้ใครเสีย
Company Guide : WHA (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 4.72)
In The News : BEM : บอร์ดกทพ.ไฟเขียวขยายสัมปทานทางด่วนขั้นที่ 2 ออกไป 37 ปี
TEAMG (Not Rated )
ข่าวเด่น
Turnover List Watch : คาด ECF, ECF-W2, ECF-W3 ติด Cash Balance
Key Drivers TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
- เฟด : คาดการณ์ปรับขึ้นดอกเบี้ย 2 ครั้งปีหน้า ตลาดมองว่ายังมากไป
# เฟดประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% สู่ระดับ 2.25-2.50% ในการประชุมครั้งล่าสุด พร้อมกับส่งสัญญาณว่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในปีหน้า ซึ่งสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นเพียง 1 ครั้ง หรืออาจจะไม่ปรับขึ้นเลยในปีหน้า
# นักวิเคราะห์มองว่า แม้ว่าเฟดส่งสัญญาณเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า แต่คณะกรรมการเฟดก็ได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐทั้งในปีนี้และปีหน้า ซึ่งการดำเนินนโยบายการเงินที่ย้อนแย้งกับมุมมองทางเศรษฐกิจเช่นนี้ ส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจและผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
-/+ สหรัฐ: ตัวเลขเศรษฐกิจล่าสุด ตัวเลขขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มน้อยกว่าคาด
# สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 8,000 ราย สู่ระดับ 214,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 216,000 ราย
- สหรัฐ: มีความวิตกเกี่ยวกับสภานการณ์การชัตดาวน์
# ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ชัตดาวน์ หลังจากปธน.ทรัมป์ส่งสัญญาณว่า เขาอาจจะวีโต้ร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวที่สภาคองเกรสให้การอนุมัติ เพื่อตอบโต้พรรคเดโมแครตที่ไม่ให้ความสำคัญต่อการจัดสรรงบประมาณในการสร้างกำแพงกั้นชายแดนเม็กซิโก
# ความเคลื่อนไหวของปธน.ทรัมป์มีขึ้นหลังจากวุฒิสภาสหรัฐลงมติเป็นเอกฉันท์ให้การอนุมัติต่อร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวเพื่อหลีกเลี่ยงภาวะชัตดาวน์ อย่างไรก็ตาม ร่างกฎหมายฉบับนี้ไม่ได้บรรจุงบประมาณ 5 พันล้านดอลลาร์ในการสร้างกำแพงกั้นชายแดนเม็กซิโกตามที่ปธน.ทรัมป์ต้องการ
# ทั้งนี้ วุฒิสภาได้ส่งร่างกฎหมายดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรเพื่อให้การอนุมัติต่อไป ก่อนเส้นตายเวลาเที่ยงคืนวันศุกร์นี้ตามเวลาสหรัฐ หรือเวลาเที่ยงวันของวันเสาร์นี้ตามเวลาไทย ซึ่งหากปธน.ทรัมป์ลงนามในร่างกฎหมายงบประมาณดังกล่าว ก็จะทำให้หน่วยงานของรัฐบาลมีงบประมาณในการดำเนินงานจนถึงวันที่ 8 ก.พ.ปีหน้า
- ภาวะตลาดหุ้นสหรัฐ : ดาวโจนส์ปิดลบ กังวลผลจากเฟดขึ้นดอกเบี้ย และชัตดาวน์
# ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 22,859.60 จุด ร่วงลง 464.06 จุด หรือ -1.99% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่2,467.42 จุด ลดลง 39.54 จุด หรือ -1.58% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,528.41 จุด ลดลง 108.42 จุด หรือ -1.63%
# ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงติดต่อกันเป็นวันที่ 2 เมื่อคืนนี้ (20 ธ.ค.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเมื่อวันพุธที่ผ่านมา พร้อมส่งสัญญาณปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในปีหน้านอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลที่ว่า หน่วยงานบางส่วนของรัฐบาลสหรัฐอาจต้องปิดทำการเนื่องจากขาดงบประมาณ หรือชัตดาวน์ หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขู่ว่าจะไม่ลงนามในร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราว เพื่อตอบโต้พรรคเดโมแครตที่ไม่ให้ความสำคัญต่อการจัดสรรงบประมาณในการสร้างกำแพงกั้นชายแดนเม็กซิโก
- ภาวะตลาดน้ำมัน : ราคาน้ำมันปรับลง ตามตลาดหุ้นสหรัฐ
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ. ร่วงลง 2.29 ดอลลาร์ หรือ 4.8% ปิดที่ 45.88 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 21 ก.ค. 2560
# สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.พ. ร่วงลง 2.89 ดอลลาร์ หรือ 5.1% ปิดที่ 54.35 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 12 ก.ย. 2560
# สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 17 เดือนเมื่อคืนนี้ (20 ธ.ค.) โดยสัญญาน้ำมันดิบร่วงลงตามตลาดหุ้นสหรัฐ เนื่องจากนักลงทุนหลีกเลี่ยงการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเมื่อวันพุธที่ผ่านมา นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันยังได้รับแรงกดดันจากความวิตกเกี่ยวกับภาวะน้ำมันล้นตลาด และแนวโน้มอุปสงค์น้ำมันที่อ่อนแอ
- ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก : ปรับขึ้น แห่ซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย
# สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. พุ่งขึ้น 11.50 ดอลลาร์ หรือ 0.9% ปิดที่1,267.90 ดอลลาร์/ออนซ์
# สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (20 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัยหลังจากตลาดหุ้นสหรัฐร่วงลงอย่างหนัก จากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเมื่อวันพุธที่ผ่านมา พร้อมส่งสัญญาณปรับขึ้นอีก 2 ครั้งในปีหน้า นอกจากนี้ ตลาดทองคำยังได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ด้วยเช่นกัน
• ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจที่จะทยอยประกาศสัปดาห์นี้
# ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนพ.ย., ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนพ.ย., ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 3(ประมาณการครั้งสุดท้าย), รายได้และการใช้จ่ายส่วนบุคคลเดือนพ.ย. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนธ.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน
ปัจจัยในประเทศ
+ เมกะโปรเจ็ค: คาดได้ผู้ชนะโครงการสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินฯ ภายในมี.ค.62
# พลเรือตรี เกริกไชย วจนาภรณ์ รองปลัดบัญชีทหารเรือ คาดว่าจะได้ผู้ชนะประมูลโครงการสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินตะวันออก ในเดือนมี.ค.62 หลังยื่นข้อเสนอในวันที่ 28 ก.พ.62 และคาดจะเริ่มก่อสร้างได้ในปี 63 ซึ่งใช้ระยะเวลาการก่อสร้าง 3 ปี หรือแล้วเสร็จในปลายปี 66 โดยจะสามารถเปิดดำเนินการได้ราวต้นปี 67
# ทั้งนี้ โครงการสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินตะวันออก มูลค่า 2.7 แสนล้านบาท เป็นโครงการให้เอกชนร่วมลงทุนแบบ Net PPP Cost และมีเอกชนเข้าซื้อเอกสารประกวดราคามากถึง 42 ราย แบ่งเป็น ต่างชาติ 18 ราย และไทย 24 รายมากกว่าที่คาดไว้ที่ 35 ราย ซึ่งถือว่าเป็นโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ที่มีผู้สนใจมากที่สุด
-ธปท.เห็นว่าเศรษฐกิจไทยได้ผ่านจุดสูงสุดของการขยายตัวไปแล้ว
# ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ระบุว่า เศรษฐกิจไทยได้ผ่านจุดสูงสุดของการขยายตัวไปแล้ว และในปีหน้ายังมีอีกหลายปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด ได้แก่ สงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนที่อาจจะทวีความรุนแรงมากกว่าในปีนี้, เศรษฐกิจจีนเกิดปัญหา, ความผันผวนจากตลาดการเงินโลกที่กระทบต่อบรรยากาศการลงทุนและประเทศตลาดเกิดใหม่, ความไม่แน่นอนทางการเมืองในประเทศที่จะกระทบต่อความเชื่อมั่นผู้บริโภคและภาคธุรกิจ
-นักวิชาการ คาดการณ์ GDP ไทยปี 62 โตเพียง 3.9% การบริโภคในประเทศชะลอ การส่งออกแย่ลง
# ผู้บริหารสูงสุด Economic Intelligence Center (EIC) ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) คาดว่าอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจไทย (GDP) ในปี 62 จะอยู่ที่ระดับ 3.9% ซึ่งอาจมีการปรับประมาณการณ์อีกครั้งในช่วงเดือนม.ค.62 โดยมองว่ามีการเติบโตผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว จากการบริโภคภายในประเทศมีการชะลอตัวลงเหลือโต 3.5% สาเหตุจากปัญหาหนี้ครัวเรือนที่ยังเป็นปัจจัยกดดันที่สำคัญ ซึ่งปัจจุบันอยู่ราว 80% ของ GDP
# นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส ประจำประเทศไทย ธนาคารโลก กล่าวในงานเสวนา หัวข้อ "ส่องเศรษฐกิจปี 62"ว่า ธนาคารโลกได้คาดการณ์อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปี 2562 ไว้ที่ 3.9% แต่ทั้งนี้จะมีการประเมินภาวะเศรษฐกิจใหม่อีกครั้งในช่วงเดือนม.ค.ปีหน้า ซึ่งแนวโน้มที่พอจะมองเห็นคือ การส่งออกที่แย่ลง แต่อุปสงค์ในประเทศกลับเติบโตได้มากกว่าที่คาดไว้
• คาดการณ์อัตราเงินเฟ้อปี 62 ที่ 0.8%
# ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปของไทยในปี 62 จะอยู่ที่ 0.8% (กรอบประมาณการที่ 0.5-1.2%) ชะลอลงจากปี 61 เนื่องจากราคาพลังงานปรับตัวลดลง มีน้ำหนักต่อเงินเฟ้อมากกว่าการเพิ่มขึ้นของราคาอาหารสดและค่าสาธารณูปโภค
นักวิเคราะห์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : [email protected]