WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

Mayบล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน At The Open

Market summary
เมื่อวานที่ผ่านมา SET ปรับตัวขึ้นเด่นในภาคบ่ายภายหลังธปท.มีมติขึ้นดอกเบี้ย โดยมีแรงซื้อเด่นใน KBANK, SCB, BBL และหุ้น Defensive อย่าง EGCO, BEM, BTS และกลุ่ม ICT นำโดย ADVANC, DTAC สิ้นวัน SET ปิดที่ 1,601.1 จุด (+17.9 จุด) ด้วยมูลค่าการซื้อขายราว 4.5 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับวันก่อนหน้าที่ 4.2 หมื่นล้านบาท
นักลงทุนต่างชาติกลับมาขายหุ้นไทยที่ 727 ล้านบาท (สถาบันกลับมาซื้อสุทธิอีกครั้งที่ 916 ล้านบาท) แต่กลับมาเปิดสถานะ Long SET50 index future สุทธิ 4,951 สัญญา

Investment theme
FED และ BoT ขึ้นดอกเบี้ยตามคาด : เมื่อวานที่ผ่านมาที่ประชุมกนง.มีมติ 5:2 เห็นชอบปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายครั้งแรกในรอบ 3 ปีที่ 1.75% (ปรับเพิ่ม 25bps) ตามตลาดคาด โดยเรามองว่าการปรับขึ้นครั้งนี้เป้าหมายเพื่อรักษาเสถียรภาพ (ดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำมานาน อาจนำไปสู่การประเมินความเสี่ยงต่ำกว่าที่ควร หรือที่เรียกว่า Underpricing of risks) และไม่ได้มองเป็นเทรนด์ขาขึ้นของดอกเบี้ยเหมือนกับสหรัฐ โดยคณะกรรมการและเรามีมุมมองสอดคล้องกัน กล่าวคือ กังวลผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว และอุปสงค์ในประเทศที่ชะลอตัวจากผลของนักท่องเที่ยวจีนหดตัว และอีกประเด็นที่ต้องจับตา คือ ธนาคารจะปรับขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้และเงินฝาก ตามหรือไม่ เนื่องจากปัจจุบันยังมีสภาพคล่องเหลือพอสมควร ในขณะที่เมื่อคืนทีผ่านมา FED ปรับขึ้นดอกเบี้ยตามคาดที่ 2.50% แต่ปรับลดแนวโน้มการปรับขึ้นดอกเบี้ยในปีหน้า จาก 3 เหลือ 2 ครั้ง (Median ปีหน้าลดลงมาเหลือที่ 2.875%) และปรับลด Long run Neutral rate จาก 3% เหลือ 2.75% สะท้อนความกังวลเศรษฐกิจโลก โดยสรุปในระยะยาวเรายังเผชิญกับปัญหาสภาพคล่องที่ลดลง และมองการชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสหรัฐเป็นเพียงปัจจัยบวกอ่อนๆในระยะสั้น
Investment Theme: เราคงมุมมองลบต่อปัจจัยต่างประเทศ พร้อมแนะให้นักลงทุนชะลอ แรงเก็งกำไรในกลุ่ม Global play และ Commodity หุ้นสะสมกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจำกัด อย่างกลุ่มค้าปลีก (BJC, CPALL) และ สื่อ Out of home media อย่าง VGI, MACO พร้อมถือเงินสดไม่ต่ำกว่า 40%

Big issue
เมื่อคืนที่ผ่านมา : ส.อ.ท.รายงานดัชนีอุตสาหกรรมเดือนพ.ย. ที่ 93.9 / FED ปรับเป้า GDP สหรัฐปีหน้าเหลือ 2.3% (จาก 2.5%)

Stock pick : -
Trading idea - หลีกเลี่ยงการลงทุนหุ้นกลุ่ม Global play, Commodity ทยอยสะสมกลุ่ม / Defensive Plays เช่น EGCO, BEM / ทยอยสะสม BJC, CPALL, VGI (3 หุ้น Stock pick ในบทวิเคราะห์กลยุทธ์การลงทุนเดือนธันวาคม)

View
Rebound จากแนว Low 1580 แนะนำพิจารณาแรงขายที่แนวต้านเป็นขั้นๆ: ภายหลังดัชนีปรับตัวติดต่อกัน 8 วัน จนปรับตัวลงทดสอบแนวรับ 1580 (EMA200Week) แล้วเริ่มมีแรง Rebound กลับ ประกอบกับขณะนี้ Modified Stochastic เข้าเขต Oversold ไปแล้ว จึงคาดว่าระยะสั้นดัชนีมีโอกาสค่อย Rebound แต่เนื่องจากแนวโน้มหลักยังเป็นขาลง จึงแนะนำให้พิจารณาแรงขายตามแนวต้านเป็นขั้นๆไป มองแนวต้านที่ 1615 และ 1630 ตามลำดับ จังหวะ Rebound ทดสอบแนวต้านยังแนะนำขายทำกำไรเพื่อเล่นรอบ
กลยุทธ์การลงทุน 1) มีหุ้น: เล่นเก็งกำไรในกรอบ 1590-1615 โดยหากหลุด 1595 เน้นทยอย Lock Profit และหากหลุด 1590 แนะนำ Lock Profit หรือ Stop Loss ทั้งหมด 2) ไม่มีหุ้น: สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง จังหวะอ่อนตัวหากไม่หลุดแนวรับ 1590 มองเป็นโอกาสซื้อเพื่อเล่น Rebound ในกรอบ 1590-1615
แนวรับ : 1580, 1590 แนวต้าน : 1615, 1620

Keep an eye on…
ปัจจัยต่างประเทศ: จับตา US Government Shutdown
ปัจจัยในประเทศ: -

หุ้นเทคนิค:
SAWAD (B 46.00-47.00, Tp 50.00//53.00, Cut 45.50)
SEAFCO (B 8.90-9.10, Tp 9.40//9.80, Cut 8.80)

ข่าวเด่นเช้านี้

บอร์ดทอท.อนุมัติ อาคาร 2 สุวรรณภูมิ'ไอเคโอ'หนุนสร้าง (กรุงเทพธุรกิจ)
บอร์ดทอท.ไฟเขียว เดินหน้าสร้างเทอร์มินัล 2 สุวรรณภูมิ "นิตินัย" เร่งหารือคณะกรรมการสายการบินและหน่วยงานการบิน ประเมินพื้นที่ใช้ในอาคาร ด้าน"ดวงฤทธิ์" หนุนเต็มสูบยืนค่าออกแบบ 329 ล้านบาท พร้อมยอมปรับแบบตามความเหมาะสม เล็งชงบอร์ดทอท.เคาะทีโออาร์ ประมูลดิวตี้ฟรี ม.ค.2562
ความเห็น : ICAO ได้ให้ความเห็นว่า โครงการ Terminal 2 สามารถดำเนินการได้ โดย AOT จะหารือกับคณะกรรมการ ACC ซึ่งประกอบด้วยสายการบินและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการบินต่อไป ดังนั้นคาดว่า AOT จะเดินหน้าโครงการ Terminal 2 ต่อไป ส่วนการออกทีโออาร์ ประมูลดิวตี้ฟรี ภายในเดือน มกราคา 2562 เป็นไปตามแผนเดิม เพื่อให้ได้ผู้ชนะทันสัญญาเดิมที่จะหมดลงในกันยายน 2563 สัญญาณเทคนิคสร้างฐานลุ้นรีบาวน์ ต้าน 67 รับ 62 บาท

ปตท.ชงบอร์ดฯศุกร์ 21 ธ.ค.นี้ อนุมัติงบพัฒนาโครงการ EECi (ผู้จัดการรายวัน 360 องศา)
ปตท.ชงบอร์ดฯ 21 ธ.ค.นี้ เพื่ออนุมัติงบลงทุนพัฒนาโครงการ EECi เฟส 1 ที่วังจันทร์วัลเล่ย์ จ.ระยอง วงเงิน 3 พันล้านบาท เพื่อลงทุนโครงสร้างพื้นฐานและระบบสาธารณูปโภค ขณะเดียวกันก็เตรียมโรดโชว์ดึงนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศเข้ามาเช่าพื้นที่วิจัยและพัฒนาเพื่อผลักดันเป็นศูนย์กลางเทคโนโลยีและนวัตกรรมในอาเซียน ยืนยัน ปตท.สผ.ชนะประมูลแหล่งเอราวัณและ บงกช ไม่ถือเป็นการผูกขาด
ความเห็น : การร่วมลงทุนในโครงการ EEC ส่วนหนึ่งเป็นการตอบสนองนโยบายภาครัฐ และมองหาโอกาสสร้างผลตอบแทนเพิ่มขึ้น รวมถึงกระจายความเสี่ยงออกจากธุรกิจปิโตรเลียม เรามองการลงทุนดังกล่าวเป็นบวกในระยะยาวมากกว่าเห็นผลเป็นส่วนแบ่งกำไรกลับเข้ามาในระยะสั้น แนะนำ ทยอยสะสม จากมุมมองที่เชื่อว่าราคาน้ำมันจะมีเสถียรภาพมากขึ้นในปี 2562 หลังกลุ่ม OPEC เริ่มทยอยลดการผลิตลง ราคาเป้าหมาย 58 บาท เทคนิคแนวรับ 46 ต้าน 50 บาท

CHG มองเฮลธ์แคร์ขาขึ้น ผุดศูนย์มะเร็งครบวงจร ยอดบริการพุ่งดันเป้าโต (ทันหุ้น)
CHG ตั้งเป้ารายได้ปี 2562 โตไม่ต่ำกว่า 10-15% ขานรับธุรกิจเฮลธ์แคร์ขาขึ้น โรงพยาบาลใหม่หนุน พร้อมรักษาฐานลูกค้าเดิม เพิ่มลูกค้าใหม่ เตรียมผุดศูนย์มะเร็งครบวงจร มูลค่า 260 ล้านบาท เดินหน้าก่อสร้างในไตรมาส 3/2562
ความเห็น : ภาพรวมแนวโน้มผลการดำเนินงานระยะสั้น อาจยังคงถูกกดดันจากค่าใช้จ่ายในการเปิดโรงพยาบาลแห่งใหม่ 2 แห่ง คือ CHG304 Inter และโรงพยาบาลรวมแพทย์ ฉะเชิงเทรา ดังนั้นอาจต้องใช้ระยะเวลาในการค่อยๆฟื้นตัวอีกระยะหนึ่ง ในขณะที่ภาพระยะกลางดูน่าสนใจ ด้านเทคนิคสร้างฐาน กรอบ 2.0-2.2 บาท

ยอดผลิตรถยนต์พุ่งสูง (มติชน)
นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ยอดผลิตรถยนต์ 11 เดือนของปีนี้ (มกราคม-พฤศจิกายน 2561) อยู่ที่ 1,998,330 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 9.1% จากยอดผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศมีสัดส่วนการผลิต 47.1% ในช่วง 11 เดือนอยู่ที่ 941,218 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนถึง 19.57% สอดคล้องกับยอดจำหน่ายในประเทศอยู่ที่ 928,129 คัน เพิ่มขึ้น 21%
ความเห็น : ตัวเลขอุตสาหกรรมรถยนต์เดือน พ.ย. แบ่งเป็น ยอดผลิตรถยนต์ โตเล็กน้อย 197,020 คัน (0%MoM, +3%YoY) ตลาดรถยนต์ในประเทศยังโตดี 94,614 คัน (+9%MoM, +21%YoY) แต่ ยอดส่งออกติดลบต่อ 93,108 คัน (0%MoM, -10%YoY) ยอดผลิตรถยนต์ในปีนี้มีแนวโน้มจะมากกว่าคาด แต่ปีหน้าจะโตชะลอตัวลง เราให้น้ำหนักการลงทุนเท่าตลาด (Neutral) หุ้นแนะนำ STANLY (เป้าหมาย 300 บาท) และ SAT (เป้าหมาย 25.50 บาท)

ขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรกรอบ 7 ปี วิพากษ์ใครได้รับผลกระทบ (ทันหุ้น)
กนง.มีมติ 5:2 ขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% มาที่ 1.75% ครั้งแรกในรอบ 7 ปี แต่ลดเป้าเศรษฐกิจ นักวิชาการชี้แค่จิตวิทยาให้คนระวังและเผื่อกระสุนไว้ป้องกันเศรษฐกิจขาลง เชื่อเว้นช่วงขึ้นพอสมควร ขณะแบงก์พาณิชย์ยังขยับดอกเบี้ยยาก กลุ่มอสังหาไม่ได้รับผลกระทบเหตุดอกเบี้ยยังต่ำ ส่วนกลุ่มหนี้ต่างประเทศมาก พลังงาน รับโชคจากค่าเงินบาทรับโชคจากค่าเงินบาท
ความเห็น : กนง. ปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยขึ้น 0.25% สู่ระดับ 1.75% เป็นการปรับขึ้นครั้งแรกในรอบ 7 ปี เนื่องจากประเมินว่าความจำเป็นในการพึ่งพานโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากในระดับที่ผ่านมาลดน้อยลง รวมถึงเพื่อสร้างขีดความสามารถในการดำเนินนโยบายการเงิน (policy space) ถือว่าเป็นจิตวิทยาเชิงบวกต่อกลุ่มธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่

นักวิเคราะห์ : สรพล วีระเมธีกุล / วิจิตร อารยะพิศิษฐ / จรูญพันธ์ วัฒนวงศ์
Research Department Tel. 02-658-5000

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!