"กังวลเศรษฐกิจชะลอตัว"                          

          ตลาดหุ้นวานนี้ :SET Index วานนี้ปรับตัวลง -7.97 จุด (-0.50%) ปิดที่ 1,601 จุด มูลค่าการซื้อขาย 3.97 หมื่นล้านบาท จากความกังวลภาวะเศรษฐกิจกลุ่มประเทศขนาดใหญ่ จีน, ยุโรป และสหรัฐชะลอตัว หลังตัวเลข PMI ภาคการผลิตและบริการหดตัวลงจากผลกระทบมาตรการกีดกันทางค้า ส่งผลให้มีแรงขายในกลุ่ม COMM, BANK, FIN และ CONS กดดันดัชนี ทั้งนี้นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 472 ล้านบาท และขายในตลาดพันธบัตร 2,598 ล้านบาท พร้อมทั้ง Net Long TFEX 6,510 สัญญา 

          แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้:คาด SET Index ปรับตัวลงทดสอบ 1,585-1,590 จุด จากความกังวลภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัวหลังสหรัฐและจีนรายงานตัวเลขเศรษฐกิจซบเซา ซึ่งส่งผลให้ VIX index พุ่งขึ้นสู่ระดับ 24.5 จุด รวมถึงกดให้ราคาน้ำมันดิบทรุดตัวลงหลุด 50 US/Barrel หลังปริมาณสต๊อกน้ำมันดิบสหรัฐพุ่งขึ้น และสหรัฐผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์สู่ระดับ 11.7 ล้านบาร์เรล/วัน นอกจากนี้คาดว่านักลงทุนจะชะลอการลงทุนรวมถึงลดความเสี่ยงลงเพื่อรอผล 2 การประชุมสำคัญ ได้แก่ การประชุม FOMC ในวันที่ 18 - 19 ธ.ค. (คาดขึ้นดอกเบี้ย 0.25% เป็น 2.5%) และการประชุมกนง.วันที่ 19 ธ.ค. (คาดขึ้นดอกเบี้ย 0.25% เป็น 1.75%) ซึ่งจะกดดันให้ภาวะตลาดผันผวนสูง

 

          - กลุ่มสายการบิน (AAV, THAI, BA) ได้ประโยชน์จากต้นทุนราคาน้ำมันดิบปรับตัวลง 

          - หุ้น Defensive Stock ในช่วงตลาดผันผวน BDMS, BCH และ TTW 

          - กลุ่มค้าปลีก (HMPRO, ROBINS, CPALL) ยอดใช้จ่ายเพิ่มในช่วงปลายปี 

          - กลุ่มไฟแนนซ์ (MTC, SAWAD) คาดงบ 4Q18 เติบโตต่อเนื่องจากการขยายสินเชื่อและสาขาเพิ่มขึ้น 

 

          หุ้นแนะนำวันนี้ : AAV (ปิด 4.26 ซื้อเก็งกำไร/เป้า Consensus 4.83) ได้อานิสงส์ราคาน้ำมันดิบร่วงแรงส่งผลบวกต่อต้นทุนการดำเนินงานลดลง (น้ำมันคิดเป็น 30% ของต้นทุนรวม) ธุรกิจสายการบินมอง AAV ได้ผลบวกมากสุด เนื่องจากเป็นสายการบินที่ทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้าราคาน้ำมันไว้น้อยที่สุด (4% ของปริมาณที่ต้องการใช้), SVI (5.10 ซื้อ/เป้า 6.3) ตลาดกังวลกำไร 4Q18 ชะลอตัวจากการตัดจำหน่าย Goodwill มากเกินไป ซึ่งเรามองผลกระทบดังกล่าวมีความเป็นไปได้น้อยมาก ทำให้แนวโน้มกำไรยังเติบโตได้ดี ราคาที่ลดลงจึงเป็นโอกาสเข้าซื้อ และเราเลือก SVI เป็น Top Pick ของกลุ่ม อิเล็กทรอนิกส์ 

          Top picks ปี 2019 : BGRIM, CPALL, EA, EPG, JMT และ ROBINS 

          KSS report วันนี้ : Power sector (Top pick : BGRIM และ EA )

          (-) ดาวโจนส์ร่วงอีก 508 จุด กังวลเศรษฐกิจชะลอตัว กลัวดอกเบี้ยขึ้น ขณะที่ผู้จัดตั้งกองทุนเริ่มเตือนถึงภาวะตลาดขาลง : วานนี้ดัชนีตลาดหุ้นดาวโจนส์ลดลงอีก 508 จุด (-2.11%) ปิด 23,592.98 จุด จาก 3 ปัจจัยลบ คือ 1)นักลงทุนยังวิตกกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวหลังจากดัชนีชี้นำเศรษฐกิจหลายรายการของกลุ่มประเทศเศรษฐกิจหลัก อาทิ สหรัฐ, จีน และ ยุโรปยังลดลงต่อเนื่อง 2)นักลงทุนชะลอการลงทุนเพื่อรอดูการประชุมของเฟดในวันพรุ่งนี้ซึ่งตลาดคาดเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% เป็น 2.5% นับเป็นการขึ้นดอกเบี้ยครั้งที่ 4 ในปีนี้ และ 3)บรรดาผู้จัดตั้งกองทุนการเงินต่างๆออกมาเตือนถึงภาวะตลาดขาลง 

          (-) ราคาน้ำมันดิบ WTI ร่วงทำสถิติต่ำสุดในรอบ 14 เดือน จากศึก 2 ด้าน คือ กังวลอุปสงส์ชะลอตัวจากเศรษฐกิจถดถอย และซัพพลายยังล้นตลาด : ราคาน้ำมันดิบ WTI ลดลงอีก 1.32 ดอลลาร์ หรือ 2.6% ปิดที่ 49.88 ดอลลาร์/บาร์เรล ต่ำสุดในรอบ 14 เดือน จาก 1)กังวลอุปสงส์ชะลอตัวตามเศรษฐกิจโลกที่เริ่มหดตัว และ 2)กังวลซัพพลายจะยังล้นตลาด หลังจากสต็อกน้ำมันดิบที่เมืองคูชิง รัฐโอกลาโฮมา ซึ่งเป็นจุดส่งมอบสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้าของสหรัฐ ปรับตัวเพิ่มขึ้นอีก 1 ล้านบาร์เรล ในระหว่างวันที่ 11-14 ธ.ค.ขณะที่ EIA ระบุสหรัฐผลิตน้ำมัน 11.7 ล้านบาร์เรล/วัน สูงสุดเป็นประวัติการณ์           

          (+/-) กลุ่มโรงไฟฟ้า : แผน PDP ใหม่ระยะสั้นยังไม่เด่น เน้นกลางถึงยาว (5 ปีข้างหน้า) ส่วน Growth story ช่วงนี้เน้นต่างประเทศเป็นหลัก Top pick - BGRIM, EA : วานนี้ กกพ.เปิดรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนเกี่ยวกับแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าฉบับใหม่ PDP (เริ่ม 2561-2580) เบื้องต้นคาดว่าในระยะ 1-5 ปีแรกจะยังไม่มีกำลังผลิตใหม่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ แต่จะเริ่มเห็นกำลังการผลิตใหม่เร่งตัวขึ้นในช่วง 5 ปี ถัดไปจากการเปิดประมูลโรงไฟฟ้า IPP 8300 MW และ โครงการโรงไฟฟ้าภาคประชาชน 10,000 MW โดยจะเน้นโรงไฟฟ้าที่มาจากก๊าซธรรมชาติเป็นหลัก โดยมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นจาก 37% เป็น 53% และจะทยอยลดสัดส่วนโรงไฟฟ้าถ่านหินและโรงไฟฟ้าพลังน้ำจากลาว ซึ่งแนวทางนี้คาดว่าจะทำให้ราคาค่าไฟฟ้าต่อหน่วยลดลงจาก 4.5 บาทเป็น 3.6 บาท ตามแผนนี้ เรามองว่าในระยะ 1-5 ปีนี้กลุ่มโรงไฟฟ้าจะไม่มี Growth story จากในประเทศ เท่ากับว่าการเติบโตจะมาจากการลงทุนในต่างประเทศเป็นหลัก โดยเฉพาะในเวียดนามซึ่งมีศักยภาพในการเติบโตสูงเราจึงเลือก BGRIM, EA เป็น Top Pick ของกลุ่ม   

          (+) ประกาศ SET 50 / SET100 รอบใหม่ ออกมาตามคาด หุ้นเข้า SET50 คือ GULF, WHA และ SET 100 คือ AEONTS ANAN GOLD GULF MBK และ PLANB