WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

BLSบล.บัวหลวง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
 
ภาพตลาดและแนวโน้ม 
 
รอสัญญาณเคาะขวาจากกองทุนฯ   
          เมื่อวานหุ้นไทย เปิด บวกไป 5-6 จุด แล้วลง หลุด 1,600 จุด สร้างจุดต่ำสุดในรอบ 5 เดือน 1,593 จุด ก่อนมีแรงซื้อไล่หุ้นกลับมา ปิด 1,601 จุด แต่ฝั่งสถาบัน ยังเป็นผู้ขายสุทธิหุ้น อีก 1.12 พันลบ.           
          กลยุทธ์ แนะ รอสัญญาณเคาะขวาจากกองทุนในประเทศ สำหรับการเข้าซื้อหุ้นในวันนี้ โดยถ้ากองฯเริ่มไล่หุ้นขวัญใจกองทุนจบหลังจากราคาหุ้นบูลชิพเหล่านี้ลอยขึ้นสำเร็จ คาดว่า Wealth ในตลาดน่าจะค่อยๆดีขึ้น และ หุ้นตัวรอง-กลาง จะเริ่มขยับตาม โดยเราคาดว่าแรงไล่ซื้อจะเริ่มเข้ามา บ่ายวันนี้ หรือ กลางสัปดาห์นี้ 
          ส่วนตลาดหุ้นโลกโดยเฉพาะสหรัฐฯที่ลงแรง เราเชื่อว่าจะยังมีผลต่อจิตวิทยาเชิงลบตลาดหุ้นไทย แต่จะเริ่มน้อยลงเรื่อยๆ...     
          ระยะสัปดาห์ คาดหุ้นไทยจะลงตามตลาดหุ้นโลกและ มีโอกาสหลุด 1,600 จุด แต่...จะลงแบบรวดเร็ว และเด้งขึ้นแบบรวดเร็ว (ผันผวนสูง) คาดแนวรับ 1,584 (กรณีแย่กว่าคาด 1,550/1,530 จุด กลับมาใช้เงือนไขแนวรับเหมือนช่วง ปลายเดือน พย.อีกครั้ง)     
          เราเชื่อว่าภาวะเลี่ยงความเสี่ยงในการลงทุน (Risk averse) คือปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดแรงขายปรับพอร์ต ไม่ได้มาจากข่าวต่างๆที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ และส่วนหนึ่งแรงขายจากฝั่งกองทุน คาดว่าเกิดจากการขายเพื่อกดราคามารับล่าง เพื่อรอเงินที่จะเข้าซื้อจาก LTF RMF รอบนี้ จะได้ราคาที่ถูกลง 
          กลยุทธ์ แนะนำ เลือกลงทุนรายตัว แบบระมัดระวัง เน้นซื้อ กลุ่ม Domestic play และ Defensive หุ้นเชื่อมโยงการบริโภคในประเทศ...ธนาคาร (รับ กนง.ขึ้นดอกเบี้ย) อาหาร เครื่องดื่ม ค้าปลีก              
 
What to watch:      
          (0) ไม้ตายมุขเดิมของ รัฐบาลสหรัฐฯ กับการปิดหน่วยงานรัฐฯ (Government shutdown) หากไม่ยอมผ่าน ร่างงบประมาณเบื้องต้น 5 พันล้านดอลล์ สำหรับการก่อสร้างกำแพงกั้นพรมแดน เม็กซิโก ผ่านใน เส้นตายร่างงบประมาณชั่วคราว วันที่ 21 ธค.นี้ ซึ่งไม่น่าจะผ่าน เมื่อดูจากการพบปะระหว่าง ว่าที่ประธานสภาฯฝั่งเดโมแครตกับ ปธน.ทรัมป ในช่วงที่ผ่านมา...  
          เรามองว่าผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯจากการ Shutdown รอบนี้ จะไม่มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจมากนัก เพราะงบปีหน้าถึง เดือน กย.ผ่านไปแล้วเกิน 75% สำหรับหน่วยงานสำคัญ และรอบนี้ถ้า Shutdown ก็จะเหลือแค่หน่วยงานที่ไม่มีความจำเป็นเร่งด่วน เช่น NASA, อุทยาน เป็นต้น    
          (+) การประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ 20 ธค.คาดขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้ง 0.25% เป็น 2.25-2.5% และส่งสัญญาณเชิงบวกต่อนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากขึ้น
          (*) มาเลเซีย สั่งฟองโกลด์แมน แซค ในข้อหาฟอกเงินในกองทุน 1MDB ของรัฐบาลมาเลเซียชุดก่อน จากการระดมทุน 6.5 พันล้านดอลล์ โดยอัยการมาเลเซีย เรียกร้องเงิน 2.7 พันล้านดอลล์ ในข้อหายักยอก และ อีก 600 ล้านดอลล์ สำหรับค่าธรรมเนียมที่ โกลด์แมนฯ ได้รับ 
          GS มีกำไร 9M18 ราว 1 หมื่นล้านดอลล์ และเงินกองทุน (CAR) 17.8% คาดอย่างมากแค่ตั้งสำรอง 3 พันล้านดอลล์ จะไม่กระทบต่อธุรกิจ GS และวานิชธนกิจอื่นในวงกว้าง
          (+) วันนี้ ปธน.สี จิ้นผิง จะกล่าวสุนทรพจน์ เนื่องในโอกาสครบรอบ 40 ปี แห่งการเปิดประเทศ และการปฏิรูป / ตลาดจับตาแผน การเดินหน้าทางเศรษฐกิจ จากโครงการสำคัญ
          (+) 19 ธค.คาด กนง.จะคงดอกเบี้ย 1.5% สร้างความประหลาดใจเชิงบวกให้กับตลาด  
 
หุ้นแนะนำ  
          GLOW เก็งประเด็น ถูกเสียบซื้อกิจการ แทน GPSC หลังดีลล่ม       
 
รายงานวันนี้       
 
AMATA: Fantastic-3 to boost land sales in 2019 
          เรามองว่าจะมี 3 ปัจจัยที่ช่วยหนุนยอดการขายที่ดินในปีหน้า ประกอบด้วย 1) ความก้าวหน้าของโครงการ EEC, 2) ประเด็นเรื่องสงครามการค้าระหว่างจีนและ US ซึ่งหนุนให้มีการย้ายฐานการผลิตออกจากจีนมาเวียดนามและไทย และ 3) ความชัดเจนของการเลือกตั้ง และภาพต่อไปจะขึ้นอยู่กับการปรับใช้โครงการ EEC หลังเลือกตั้งซึ่งจะหนุนความมั่นใจของนักลงทุน และทำให้เกิดโครงการใหม่ๆ เรายังคงคำแนะนำ ซื้อเก็งกำไร ราคาเปาหมาย 28.75 บาท 
 
FOOD Soybean: Record high global stocks in Dec 
          ตัวเลข USDA เดือน ธค. คงคาดว่าการปลูก ผลผลิต และสต๊อก จะทำจุดสูงสุดใหม่ในปี 2019 พร้อมทั้งปรับตัวเลขผลผลิตจากบราซิลขึ้น แม้ว่าที่ผ่านมาราคาถั่วเหลืองโลกจะมีการรีบาวน์ขึ้นมา 7% จากความคาดหวังความตึงเครียดการค้าที่คลี่คลาย แต่เรามองว่าราคาที่ขึ้นมาเป็นเพียงระยะสั้นเท่านั้นเพราะภาพระยะสั้นเท่านั้น เราคาด crushing spread ของ TVO จะยังคงอยู่ในขาลงในปี 2019 เราคงแนะนำ ถือ รับปันผล 
 
IRPC คาดบันทึกกำไรพิเศษจากการขายที่ดินใน 4Q18 
          IRPC ขายที่ดิน มูลค่ารวม ~325 ล้านบาท ให้กับ PTT และคาดว่าซื้อขายเสร็จสิ้นภายในเดือน ธ.ค.ปี 2018 เบื้องต้นคาดจะมีกำไรพิเศษราว ~200 ล้านบาท (หลังหักภาษี) อัพไซด์ ~2% สำหรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2018 ของเรา นอกจากนั้นช่วงไฮซีซั่นของค่าการกลั่นและปิโตรเคมีที่จะมาถึงใน 1Q19 น่าจะเป็นปัจจัยหนุนราคาหุ้นต่อไป เรายังคงคำแนะนำ "ซื้อเก็งกำไร" (ราคาเปาหมาย 6.80 บาท) 
 
Utilities Key takeaways from the PDP public hearing 
          เรายังคงมุมมองเดิมต่อแนวโน้มของ PDP ฉบับใหม่ (ติดตามได้ในรายงานกลุ่ม Utilities ฉบับวันที่ 13 ธ.ค. 61) โดยมองว่ายังคงให้ความสำคัญกับโรงไฟฟา IPP ในระยะยาว จากแนวโน้มการเติบโตในอนาคต เรายังชอบหุ้น IPP นำโดย GULF (ซื้อ; ราคาเปาหมาย 87 บาท) และ EGCO (ซื้อ; ราคาเปาหมาย 267 บาท) ในขณะที่เรายังคงมองว่าหุ้นในกลุ่มพลังงานทดแทน ยังไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีในการลงทุน เนื่องจากต้องใช้เวลาอีกหลายปีกว่าที่กำลังผลิตใหม่จะเข้ามา รวมถึงค่าไฟที่ต่ำเพราะต้องแข่งขันราคากับโรงไฟฟาหลัก อาจทำให้ EIRR ไม่สูงเหมือนในอดีต 
 
Flow Tracker: ต่างชาติขายหุ้นไทยในสัปดาห์ที่ผ่านมา 
          นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทย 139 ล้านเหรียญสหรัฐฯในสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งกลับจากยอดซื้อสุทธิ 186 ล้านเหรียญสหรัฐในสัปดาห์ก่อนหน้า สำหรับกระแสเงินลงทุนในภูมิภาค 5 ประเทศที่เราดู พบว่ากระแสเงินจากต่างชาติรวมเป็นยอดขายสุทธิ 975 ล้านเหรียญ หลังจากที่ขายสุทธิ 1,140 ล้านเหรียญในสัปดาห์ก่อนหน้า สำหรับตลาดหุ้นไทย ดัชนี Volume Flow ของดัชนี SET ส่งสัญญาณถึงแรงขายในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยหุ้นกลุ่มที่เห็นแรงขายเข้ามาได้แก่ กลุ่มปิโตรเคมีและเคมี ธนาคาร อสังหาฯ และ ICT  
 
Quantitative Strategy: ด่านสุดท้าย...แนวรับสำคัญที่ 1580 จุด 
          ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลง 2% ในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมาเนื่องจากนักลงทุนกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจโลก ทั้งนี้ล่าสุดตลาดปรับตัวลงจนมาทดสอบระดับแนวรับทางจิตวิทยาที่ 1600 จุดอีกครั้งหนึ่ง ดังนั้นสัปดาห์นี้จะเป็นสัปดาห์สำคัญที่ต้องจับตาเนื่องจากตลาดควรจะรีบาวด์ที่ระดับแนวรับนี้เพื่อหลีกเลี่ยงการเข้าสู่ภาวะตลาดหมี เนื่องจาก 1) แบบจำลองความผันผวนของเราชี้ว่าความผันผวนของตลาดหุ้นไทยปรับเพิ่มขึ้นในสัปดาห์ที่ผ่านมาและไม่ควรจะปรับเพิ่มขึ้นอีก มิฉะนั้นความผันผวนของตลาดจะสูงกว่าจุดสูงสุดเดิมที่เคยทำไว้ในเดือนตุลาคมซึ่งจะทำให้โอกาสที่ตลาดพังมีมากขึ้น 2) ดัชนี Volume Flow ปรับตัวลดลงสู่ระดับ Neutral ซึ่งหากดัชนีดังกล่าวปรับลงต่ำกว่าระดับนี้จะทำให้ตลาดเกิดแรงเทขาย 3) ทั้งดัชนี Shortterm Bull2Bear และ Medium-term Bull2Bear ไม่ควรอยู่ในระดับต่ำกว่ากรอบล่างนานเกินไป 4) ดัชนีชี้วัดความต้องการรับความเสี่ยง (Risk Demand Index) อยู่ในระดับมองตลาดในแง่ร้าย (Pessimistic) เป็นส่วนใหญ่ในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา และควรจะรีบาวด์ในสัปดาห์นี้เพื่อหลีกเลี่ยงภาวะบรรยากาศการลงทุนที่เปราะบาง ดังนั้นตลาดไม่ควรหลุดระดับแนวรับสำคัญที่ 1580 จุด มิฉะนั้นตลาดอาจปรับลงไปสู่ระดับ 1460-1520 จุด หุ้นที่เพิ่มเข้าพอร์ต: EGCO, M . หุ้นที่ถอดออกจากพอร์ต: BDMS, BLA  
 
หุ้นมีข่าว     
          (+) ประชุม ครม.วันที่ 18 ธ.ค.นี้ กระทรวงการคลังจะมีการเสนอมาตรการคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม 5% ให้กับผู้ใช้จ่ายซื้อสินค้าผ่านบัตรเดบิต โดยมีระยะเวลา 15 วัน เริ่มตั้งแต่ 1-15 ก.พ. 62 และกำหนดให้ได้รับคืนภาษีมูลค่าเพิ่มได้สูงสุดไม่เกินคนละ 1,000 บาท หรือ 5% ของวงเงินซื้อสินค้าไม่เกินคนละ 20,000 บาท ซึ่งเมื่อซื้อแล้วจะโอนคืนเงินเข้าบัญชีพร้อมเพย์ตามเลขประจำตัวประชาชนของผู้ถือบัตรเดบิตในเดือนถัดไป (ที่มา เดลินิวส์)  
          (0/-) นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงานเปิดเผยภายหลังเป็นประธานเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็น ต่อร่างแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟาของประเทศ หรือพีดีพี ฉบับใหม่ ปี 61-80 ครั้งที่ 5 พื้นที่กรุงเทพฯ ว่า แผนพีดีพีฉบับใหม่จะมีอัตราค่าไฟฟาเฉลี่ยตลอดแผนอยู่ที่ประมาณ 3.576 บาทต่อหน่วย ต่ำกว่ากับปัจจุบันเล็กน้อย และถือว่า ต่ำกว่าแผนเดิมที่ค่าไฟเมื่อสิ้นสุดปลายแผนปี 79 อยู่ที่ 5.55 บาทต่อหน่วย เนื่องจากมีปัจจัยหลักจากทางเลือกเชื้อเพลิงที่หลากหลายมากขึ้น โดยเฉพาะการนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลวหรือแอลเอ็นจี ที่ปัจจุบันมีแนวโน้มราคาที่ต่ำและมีแหล่งนำเข้าที่มากขึ้น รวมถึงกำลังผลิตไฟฟาจากพลังงานทดแทนที่เทคโน โลยีมีการพัฒนาที่มีต้นทุนต่ำลง (ที่มา เดลินิวส์) 
          เราเห็นว่า ข้อมูลในการรับผังครั้งนี้ อาจส่งผลลบจิตวิทยาการลงทุนระยะสั้น สำหรับโรงไฟฟา SPP จากค่าไฟที่ ระบุตามข่าว ว่าจะล็อกเป็นเวลา 20 ปี แต่ในความเป็นจริง ในสมมุติฐานที่ระบุ ว่าต้นทุนพลังงานจะยืนที่เดิมนาน 20 ปี เราเชื่อว่าในทางปฎิบัติ เป็นไปได้ยาก และเชื่อว่าจะไม่กระทบต่อ ราคาหุ้นในกลุ่ม โรงไฟฟามากนัก  
          (+) GLOW  ไอสแควร์แคปปิตอล กองทุนโครงสร้างพื้นฐานยักษใหญ่จากสหรัฐ เสนอซื้อหุ้น "โกลว์พลังงาน" จากกลุ่ม "เอ็นจี" ทั้ง 69% หลัง กกพ.ล้มดีล "จีพีเอสซี" มูลค่า แสนล้าน วงการคาดราคาเสนอซื้อต่ำกว่า 96.50 บาท เตรียมเคาะราคาขั้นสุดท้ายเร็วๆ นี้ / ราคาเดิมที่ GPSC เคยเสนอซื้อ อยุ่ที่ 95 บ. (ที่มา กรุงเทพธุรกิจ)   
 
          วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ Tel. (662) 618-1336 
          นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน/ปัจจัยทางเทคนิค 
          ธนัท พจน์เกษมสิน,นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์ 
          นภนต์ ใจแสน, นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน    
 
Trend Forecasting
 
SET Index ปิด 1601.48 (-0.50%) มูลค่าการซื้อขาย 3.9 หมื่นล้านบาท 
 
Topic: Types of technical indicators 
          เครื่องมือทางเทคนิคแบบใดที่บอกการเปลี่ยนเทรนท์ของตลาด ความถูก/แพง จุดรับ/ต้าน ได้แม่นยำ...
          มุมมองตลาด:เครื่องมือทางเทคนิคแบบใดที่บอกการเปลี่ยนเทรนท์ของตลาด บอกความถูก/แพงและหาจุดรับต้านได้อย่างแม่นยำ  
          1. เส้นค่าเฉลี่ย  200-days EMA   เป็นเครื่องมือชี้วัดจุดเปลี่ยนของตลาด หากเราย้อนกลับไปดูเหตุการณ์ในปี 2017-2018 พบว่าหากดัชนีปรับตัวลงต่ำกว่าหรือทะลุผ่านจะส่งผลให้ตลาดเปลี่ยนรูปแบบ Reverse trend ปัจจุบันดัชนีหลุดเส้นค่าเฉลี่ยบ่งชี้เทรนท์ระยะยาวเปลี่ยนเป็นลง 
          2. ค่า RSI  เป็นตัววัดตลาดอยู่ในภาวะ Overbought /Oversold หรือตลาดถูกหรือแพง เหตุการณ์ปกติเราจะเห็นการเหวี่ยงของค่า RSI อยู่ในระดับ RSI 30 - 70 เรามักจะใช้เครืองมือ RSI เมื่อตลาดปรับตัวลงแรง เพื่อวิเคราะห์ว่าตลาดถูกแล้วรึยัง หากดัชนีตลาดปรับตัวลงมาที่ค่า RSI 30 หรือต่ำกว่า บ่งชี้ถึงภาวะตลาดที่ขายมากเกินไป ปัจุบันพบว่า RSI มีค่า 35  
          3. ตัวเลข Fibonacci ratio  จะใช้หาแนวรับ/ต้านของดัชนีจากจุดต่ำสุดถึงจุดสูงสุดที่  1220-1848 จุด พบว่าดัชนีจะปรับตัวขึ้นและลงตามตัวเลข Fibonacci ratio  ปัจจุบันดัชนีสู้บริเวณแนวรับ  1600 จุด (Fibonacci 38.2%)  
          จากการวิเคราะห์เครื่องมือทางเทคนิคทั้ง 3 อย่างตีความได้ว่า โครงสร้างหลักของตลาดถูกเปลี่ยนเป็นรูปแบบขาลงจากการหลุดเส้นค่าเฉลี่ย 200-days EMA ขณะที่ดัชนีบริเวณแนวรับ  1600 จุด กรณีหลุดตำแหน่งตัวเลข Fibonacci ratio 50% บ่งชี้แนวรับถัดไปบริเวณ 1540 จุด อย่างไรก็ตามค่า RSI ให้ค่าต่ำกว่า 30 บ่งชี้ถึงภาวะ Oversold แนวโน้มตลาดอาจมีการรีบาวด์ขึ้นได้หรือกรณีเลวร้ายสุดหากลงมาเข้าใกล้แนวรับ 1540 จุด คาดว่าจะมีแรงซื้อกลับ Cover short จากการปรับตัวลงแรงและ Oversold หรืออาจใช้กราฟแท่งเทียนมาช่วยวิเคราะห์สัญญาณกลับตัวของตลาด เช่น รูปแบบ Hammer Doji 
          คำแนะนำ: หุ้นในพอร์ตและนำถืออย่างไรก็ตามหากราคาปรับตัวลดลงต่ำกว่าจุด Stop loss แนะขายเพื่อลดความเสี่ยง
          Technical screen Bull Signal:TOP, ADVANC, OSP 
          Technical screen Bear Signal: EA, QH, STEC 
          Port หุ้นคงเหลือ: CPALL, TISCO, M, BJC, TOP, ADVANC, BJC 
          แนวโน้มระยะสั้นมอง SET Index แนวรับ 1,590 แนวต้าน 1,610 / SET100 รับ 2340 ต้าน 2370 BSET100 รับ 10.17 ต้าน 10.30 / BMSCITH รับ 12.00 ต้าน 12.20 
 
          ธนรัตน์ อิศรกุล นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์และปัจจัยทางเทคนิค                                                                      
          [email protected] +662-618-1334
 
Track with Technical 
 
          TOP 
          แนะนำ:ซื้อ 
          เป้าหมาย:74.00 
          Stop loss <67.00 
          เหตุผล: หุ้นปรับตัวลงมาทดสอบจุดต่ำสุดเดิม 68.25 ขณะที่ RSI เข้าสู่ภาวะขายมากเกินไป นอกจากนี้กราฟแท่งเทียนส่งสัญญาณการปรับขึ้นระยะสั้น " Hammer" 
 
          ADVANC 
          แนะนำ:ซื้อ 
          เป้าหมาย:178.00 
          Stop loss <168.00 
          เหตุผล:  หุ้นปรับตัวลงมากกว่า 15% ปัจจุบันพบวอลุ่มเพิ่มสูงขึ้น พร้อมกับราคาปิดบวก ขณะที่ RSI ส่งสัญญาณเตือนการกลับตัว "Bullish divergence" 
 
          OSP 
          แนะนำ:ซื้อ   
          เป้าหมาย:28.00 
          Stop loss <24.50 
          เหตุผล: โครงสร้างราคาผ่านพ้นจุดต่ำสุดจากการยกฐานสูงขึ้น ยืนยันด้วยสัญญาณ Bull Stochastic 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!