- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 17 December 2018 16:59
- Hits: 2215
บล.เออีซี : Daily Focus
AECS Daily Focus
---------------------------------------------------------------------------------
Market Outlook
เมื่อวันศุกร์ SET Index ปิดที่ 1,609.45 จุด -5.54 จุด (-34%) ด้วยมูลค่าการซื้อขายราว 4.5 หมื่น ลบ. ด้วยแรงกดดันจากหุ้นกลุ่มพลังงาน โดยนักลงทุนต่างชาติและนักลงทุนสถาบันขายสุทธิออกมา 1,477 และ 2,016 ลบ. สำหรับวันนี้เราคาด SET Index Sideway ในกรอบ 1,595-1,625 จุด โดยคาดเผชิญแรงกดดันจากนักลงทุนต่างชาติกดดัชนีลงไปทดสอบ 1,600 จุดอีกครั้ง
Market Factors
(-) ตัวเลข ศก. จีนชะลอตัว หลังได้รับผลกระทบจากสงครามการค้ากับสหรัฐฯ ที่ชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ โดยล่าสุดทางการจีนประกาศตัวเลขผลผลิตภาคอุตสาหกรรม และยอดค้าปลีกเดือน พ.ย. ที่ต่ำกว่าตลาดคาด (ยอดค้าปลีกต่ำสุดตั้งแต่ปี 2003) กดดัน Sentiment ลงทุนในตลาดหุ้น EM ที่มีสัดส่วนการส่งออกไปยังจีนมาก และสร้างความกังวลต่อความต้องการใช้พลังงานที่น้อยลงตามภาวะ ศก. ทำให้ราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มปรับตัวลง
Investment Strategy
ในช่วง 2 สัปดาห์นี้จนถึงสิ้นปี เราคาด SET Index จะแกว่งตัวในกรอบแนวรับ-แนวต้านที่ 1,590–1,665 จุด (Fwd PE 14.8x-15.5x) โดยคาดได้รับผลกระทบจากแม้ตลาดจะมีปัจจัยกดดันจากต่างประเทศทั้งเรื่องตัวเลขศก.จีนที่ชะลอตัวด้วยผลจาก Trade Wars บวกกับ การประชุม FOMC (18-19 ธ.ค.) ที่ตลาดคาดมีแนวโน้มขึ้นดอกเบี้ย อีกทั้งปัจจัยจากในประเทศในเรื่องการประชุม กนง. (19 ธ.ค.) ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์ 13 ใน 17 คน ใน Bloomberg Consensus คาดดอกเบี้ยจะถูกปรับเพิ่มขึ้นที่ระดับ 75% ส่งผลต่อต้นทุนการทำธุรกิจที่สูงขึ้น แต่อย่างไรก็ดี ด้วยปัจจัยบวกจากการเลือกตั้งที่มีแนวโน้มชัดเจนขึ้น เราแนะนำ Overweight ทยอยสะสมหุ้น Domestic Play 4 กลุ่มหลัก ดังนี้
กลุ่มOut of Home Media ซึ่งมีฐานต่ำในปีก่อน จากได้รับผลกระทบจากการขึ้นป้ายไว้อาลัยบวกกับคาดเม็ดเงินโฆษณามีทิศทางสดใสขึ้นรับผลบวกในช่วงก่อนเลือกตั้ง แนะนำPLANB (แผนขยาย Media Capacity 15-20%YoY และสร้างจุดเด่นด้วย Engagement Marketing), VGI (รับรู้รายได้ป้ายโฆษณาบนสถานีBTS ที่เพิ่มขึ้นตามการเปิดให้บริการรถไฟฟ้าสายใหม่บวกกับแรงหนุนจาก Synergy ในกลุ่มธุรกิจที่ชัดเจนขึ้น พร้อมแผน M&A อีก 2-3 บริษัทในปีหน้าเพื่อก้าวสู่การเป็น Marketing Solution) และ MACO (แผนปรับปรุงจอโฆษณาจากStatic เป็นDigital ในเชิงรุกมากขึ้นหลังควบรวมTrans Ad. และRoctecรวมทั้งมีรายได้จาก VGM เพิ่มเข้ามาหลังรวมงบ และล่าสุดประกาศร่วมทุนกับ Sinarmas Group เพื่อลงทุนให้บริการสื่อใน 13 สถานีรถไฟฟ้าใต้ดินในอินโดนีเซีย)
กลุ่มค้าปลีก มองช่วง 4Q61 กำลังซื้อจะดีกว่าช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อนหน้าที่อยู่ในช่วงไว้อาลัยนอกจากนี้ปีหน้ายังมีอานิสงส์บวกจากมาตรการคืน VAT 5% ให้ประชาชนทุกคนที่ใช้จ่ายผ่านบัตรเดบิตผูกบัญชีพร้อมเพย์ ตั้งแต่ 1-15 ก.พ. 62 เพื่อกระตุ้นนโยบาย E-Payment เลือก ROBINS (คาดโตจากยอดขายที่เพิ่มขึ้นเพราะเปิดสาขาใหม่ และกลยุทธ์ปรับ Product Mixed มาเน้นขายสินค้าในกลุ่ม Private Brand มากขึ้น) CPN (คาดโตจากการเปิดศูนย์การค้าใหม่ และการปรับปรุงศูนย์การค้าที่เปิดดำเนินการอยู่แล้ว ควบคู่กับการบริหารต้นทุนการดำเนินงาน โดยปัจจุบัน CPN บริหารจัดการศูนย์การค้า 33 แห่ง มีพื้นที่ให้เช่าสุทธิรวม 7 ล้าน ตร.ม. เพิ่มจาก 1.6 ล้าน ตร.ม. ณ สิ้นช่วง 3Q60) และ COL (มีแผนขายสิทธิแฟรนไชส์เพื่อเปิดสาขาได้ราว 3-4 สาขาสำหรับปีนี้ และปีหน้าตั้งเป้าขยายอีก 15-20 สาขาและแผนเพิ่มกลุ่มสินค้าใหม่ เจาะลูกค้ากลุ่มโรงแรม ร้านกาแฟ และร้านอาหาร ซึ่งแผนงานนี้จะทำให้บริษัทมีรายการสินค้าเพิ่มเข้ามาอีก 4,000 SKU)
กลุ่มนิคม มองได้อานิสงส์บวกจากการเลือกตั้งที่มีความคืบหน้าชัดเจนขึ้นคาดหนุนทั้งราคาขายและยอดขายพื้นที่ในเขตEEC โตเด่นแนะนำAMATA (ปัจจุบันมีพื้นที่รอการขาย 2,777 ไร่ และพื้นที่รอการพัฒนาอีกราว8,172 ไร่), WHA (ปี 62 ตั้งเป้าขายที่ดินในนิคมไม่ต่ำกว่า 1,000 ไร่ พร้อมคาดได้รับลูกค้าคลังสินค้าเพิ่มขึ้นอีกกว่า 1 แสนตารางเมตร)
กลุ่มธนาคาร มองได้อานิสงส์จากการขึ้นดอกเบี้ย บวกกับได้ประโยชน์จาก Investment Cycle จากการลงทุนในประเทศ ซึ่งคาดหนุนสินเชื่อในปี 62 ยังโตดี โดยเฉพาะพอร์ตสินเชื่อกลุ่ม Corporate ที่มีสัดส่วน 35-50% และมีสินเชื่อบ้านในสัดส่วนที่น้อย แนะนำ BBL (มีสินเชื่อ Corporate 41% อีกทั้งรายได้ค่าธรรมเนียมคาดสูงขึ้นจากการเน้นธุรกิจ Bancassurance จากการขายประกันผ่าน AIA และ BLA) และ KBANK (มีสินเชื่อ Corporate 34%)
ขณะที่กลุ่มรับเหมาก่อสร้างและกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ เราแนะนำหลีกเลี่ยงการลงทุน เนื่องจากแนวโน้มการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธปท.ในการประชุม กนง.ครั้งนี้ (19 ธ.ค.) จะส่งผลต่อต้นทุนในการทำธุรกิจของทั้ง 2 กลุ่มนี้ บวกกับส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจซื้ออสังหาริมทรัพย์ทั้งบ้านและคอนโด 14-Dec-18 Change (pts.) 13-Dec-18
SET Index 1,609.45 -5.54 1,614.99
SET50 Index 1,071.65 -2.55 1,074.20
SET100 Index 2,361.25 -7.95 2,369.20
High 1,620.60 Gainers 371
Low 1,602.42 Unchanged 447
Value (Bt m) 44,918.04 Losers 944
Volume (*000) 12,610,007
Market Valuation
SET Data 2018F 2019F Long Term
Fwd PER (x) 15.0 13.8 13.8
EPS Growth (%) 13.9 9.3 5.4
EV/EBITDA (x) 10.3 9.6 9.1
FWD PBV (x) 1.9 1.7 1.6
Dividend Yield (%) 3.2 3.5 3.7
ROE 13.1 12.3 12.3
Net Buy/Sell by Investor Types
Unit : M Bt 14-Dec-18 WTD MTD YTD
Institution (2,016.85) (8,259.41) 1,442.13 180,035.01
Proprietary (1,018.72) (1,430.84) (1,242.57) (8,602.28)
Foreign (1,477.94) (4,567.62) 1,522.60 (285,643.39)
Individual 4,513.51 14,257.87 (1,722.16) 114,210.66
AECS ( Fundamental and Strategic Team )
อิศรา เลิศสุดคนึง (ID.033432) [email protected]
ตฤณ สิทธิสวัสดิ์ (ID. 091364) [email protected]
จิรภัทร โบสุวรรณ (ID. 040051) [email protected]
ภัทรพล จันทร์อินทร์ (ID. 089932) [email protected]
ธีรยุทธ ฤทธิเผ่าพันธุ์ ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
สุวรรณา อัศวเหล่าวรพงศ์ Data Support / Secretary