- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 13 December 2018 16:18
- Hits: 5738
บล.เออีซี : Daily Focus
AECS Daily Focus
Trading Idea: COL
---------------------------------------------------------------------------------
Market Outlook
• วานนี้ SET Index ปิดที่ 1,634.88 จุด +1.26จุด (+0.08%) ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.6 หมื่น ลบ. โดยนักลงทุนต่างชาติยังคงขายสุทธิติดต่อกันเป็นวันที่ 4 ด้วยมูลค่า 1,771 ลบ. สำหรับวันนี้เราคาด SET Index แกว่งในกรอบ 1,622-1,647 จุด โดยคาดซื้อขายในด้านบวกเช่นเดียวกับตลาดหุ้นในต่างประเทศ
Market Factors
• (+) วานนี้ตลาดหุ้นต่างประเทศปรับขึ้น ตอบรับท่าทีสหรัฐฯ-จีน ที่มีบรรยากาศดีขึ้น หลังจีนเริ่มเดินหน้าปรับโครงสร้างทางการค้าเพื่อเปิดโอกาสให้กับนักลงทุนต่างชาติเข้าถึงตลาดจีนมากขึ้น รวมทั้งมีการลดภาษียานยนต์และเพิ่มสัดส่วนนำเข้าสินค้าเกษตรจากจีน เพื่อลดยอดขาดดุลทางการค้ากับสหรัฐฯ
• (-) ธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย (ADB) คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะขยายตัว 5.1% ซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงจากตัวเลขคาดการณ์ครั้งก่อน ขณะที่ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจไทยปีนี้ลงสู่ระดับ 4.3% จากตัวเลขคาดการณ์ก่อนหน้านี้ที่ 4.5% หลังจากเศรษฐกิจในไตรมาส 3 ขยายตัวชะลอลงจากไตรมาส 2 (อินโฟเควสท์)
• (+) ธ.ก.ส.คาดการณ์สถานการณ์ราคาสินค้าเกษตรเดือน ธ.ค. 61 ว่าราคาสินค้าเกษตรที่เป็นพืชหลักสำคัญ ได้แก่ ข้าวเปลือกเจ้าคาดจะเพิ่มขึ้น 0.06-0.16%MoM, ข้าวเปลือกหอมมะลิคาดจะเพิ่มขึ้น 0.73-5.83%MoM, ข้าวเปลือกเหนียวเมล็ดยาวคาดจะเพิ่มขึ้น 1.26-2.82%MoM, น้ำตาลทรายดิบคาดว่าราคาเฉลี่ยตลาดนิวยอร์กจะเพิ่มขึ้น 1.00-4.00%, สุกรคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.50-3.00%MoM และยางพารา คาดว่าราคายางพาราแผ่นดิบที่เกษตรกรขายจะเพิ่มขึ้น 4.33-6.83%MoM ส่วนสินค้าเกษตรที่จะมีราคาลดลง ได้แก่ มันสำปะหลัง คาดว่า จะลดลง 0.40-4.07%MoM (อินโฟเควสท์)
Investment Strategy
• เรามีมุมมองเชิงบวกต่อ SET Index จนถึงสิ้นปีนี้โดยมีแนวรับ-แนวต้านที่ 1,622–1,707 จุด (Fwd PE 15.1x-15.9x) หนุนด้วยการเลือกตั้งรัฐบาลใหม่ในปีหน้าที่ชัดเจนยิ่งขึ้น บวกกับข้อมูลสถิติ 10 ปีย้อนหลัง พบว่า SET Index เดือน ธ.ค. ปรับตัวขึ้น 7 ปี ราว 5% ด้วยเงินลงทุน LTF ของนักลงทุนสถาบัน ขณะที่ปัจจัยลบจากต่างประเทศเริ่มมีผลต่อตลาดหุ้นไทยลดลง เราจึงแนะนำหุ้น Overweight ในหุ้น Domestic Play 5 กลุ่มหลักที่น่าสนใจ ดังนี้
1. กลุ่มOut of Home Media ซึ่งมีฐานต่ำในปีก่อน จากได้รับผลกระทบจากการขึ้นป้ายไว้อาลัยบวกกับคาดเม็ดเงินโฆษณามีทิศทางสดใสขึ้นรับผลบวกในช่วงก่อนเลือกตั้ง แนะนำPLANB (แผนขยายMedia Capacity 15-20%YoY และสร้างจุดเด่นด้วยEngagement Marketing), VGI (รับรู้รายได้ป้ายโฆษณาบนสถานีBTS ที่เพิ่มขึ้นตามการเปิดให้บริการรถไฟฟ้าสายใหม่บวกกับแรงหนุนจากSynergy ในกลุ่มธุรกิจที่ชัดเจนขึ้น พร้อมแผน M&A อีก 2-3 บริษัทในปีหน้าเพื่อก้าวสู่การเป็น Marketing Solution ) และ MACO (แผนปรับปรุงจอโฆษณาจากStatic เป็นDigital ในเชิงรุกมากขึ้นหลังควบรวมTrans Ad. และ Roctecรวมทั้งมีรายได้จาก VGM เพิ่มเข้ามาหลังรวมงบ และล่าสุดประกาศร่วมทุนกับ Sinarmas Group เพื่อลงทุนให้บริการสื่อใน 13 สถานีรถไฟฟ้าใต้ดินในอินโดนีเซีย)
2. กลุ่มค้าปลีก มองช่วง 4Q61 กำลังซื้อจะดีกว่าช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อนหน้าที่อยู่ในช่วงไว้อาลัยนอกจากนี้ปีหน้ายังมีอานิสงส์บวกจากมาตรการคืน VAT 5% ให้ประชาชนทุกคนที่ใช้จ่ายผ่านบัตรเดบิตผูกบัญชีพร้อมเพย์ ตั้งแต่ 1-15 ก.พ. 62 เพื่อกระตุ้นนโยบาย E-Payment เลือก ROBINS (คาดโตจากยอดขายที่เพิ่มขึ้นเพราะเปิดสาขาใหม่ และกลยุทธ์ปรับ Product Mixed มาเน้นขายสินค้าในกลุ่ม Private Brand มากขึ้น) CPN (คาดโตจากการเปิดศูนย์การค้าใหม่ และการปรับปรุงศูนย์การค้าที่เปิดดำเนินการอยู่แล้ว ควบคู่กับการบริหารต้นทุนการดำเนินงาน โดยปัจจุบัน CPN บริหารจัดการศูนย์การค้า 33 แห่ง มีพื้นที่ให้เช่าสุทธิรวม 1.7 ล้าน ตร.ม. เพิ่มจาก 1.6 ล้าน ตร.ม. ณ สิ้นช่วง 3Q60) และ COL (มีแผนขายสิทธิแฟรนไชส์เพื่อเปิดสาขาได้ราว 3-4 สาขาสำหรับปีนี้ และปีหน้าตั้งเป้าขยายอีก 15-20 สาขาและแผนเพิ่มกลุ่มสินค้าใหม่ เจาะลูกค้ากลุ่มโรงแรม ร้านกาแฟ และร้านอาหาร ซึ่งแผนงานนี้จะทำให้บริษัทมีรายการสินค้าเพิ่มเข้ามาอีก 4,000 SKU)
3. กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง คาดได้รับประโยชน์สูงสุดจากการเลือกตั้งรัฐบาลใหม่ในเดือน ก.พ.ปีหน้าซึ่งจะสะท้อนไปที่หลายโครงการภาครัฐที่จะเริ่มดำเนินการต่อบวกกับในช่วงเดือนธ.ค.61 -ก.พ.62 มีโครงการภาครัฐที่อยู่ระหว่างการพิจารณาคุณสมบัติและยื่นซองประมูล ได้แก่ โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม3สนามบิน (ทราบผลประมูลภายใน 14 ธ.ค.) โครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบังเฟส 3 (ยื่นซองประมูล 14 ม.ค.62 และทราบผลเดือนก.พ.62) เป็นต้น แนะนำ UNIQ มี Backlog 3.4หมื่นลบ. ซึ่งเป็นงานภาครัฐโดยเฉพาะงานรถไฟฟ้าและ SEAFCO มีโอกาสได้รับงาน Subcontract จากผู้รับเหมาขนาดใหญ่ในโครงการต่างๆ และมีBacklog ในมือราว2.8 พันลบ.คาดเพียงพอต่อการรับรู้รายได้ 1-2 ปีข้างหน้า
4. กลุ่มนิคมมองได้อานิสงส์บวกจากการเลือกตั้งที่มีความคืบหน้าชัดเจนขึ้นคาดหนุนทั้งราคาขายและยอดขายพื้นที่ในเขตEEC โตเด่นแนะนำ AMATA (ปัจจุบันมีพื้นที่รอการขาย 2,777 ไร่ และพื้นที่รอการพัฒนาอีกราว8,172 ไร่) ,WHA (ปี62 ตั้งเป้าขายที่ดินในนิคมไม่ต่ำกว่า1,000 ไร่พร้อมคาดได้รับลูกค้าคลังสินค้าเพิ่มขึ้นอีกกว่า1 แสนตารางเมตร)
12-Dec-18 Change (pts.) 11-Dec-18
SET Index 1,634.88 1.26 1,633.62
SET50 Index 1,089.20 2.37 1,086.83
SET100 Index 2,402.04 2.91 2,399.13
High 1,644.90 Gainers 418
Low 1,632.34 Unchanged 578
Value (Bt m) 36,430.47 Losers 758
Volume (*000) 9,590,322
Market Valuation
SET Data 2018F 2019F Long Term
Fwd PER (x) 15.2 14.0 14.0
EPS Growth (%) 13.9 9.3 5.8
EV/EBITDA (x) 10.5 9.8 9.3
FWD PBV (x) 1.9 1.8 1.6
Dividend Yield (%) 3.2 3.4 3.7
ROE 13.1 12.3 12.3
Net Buy/Sell by Investor Types
Unit : M Bt 12-Dec-18 WTD MTD YTD
Institution (344.07) (747.22) 8,954.32 187,547.20
Proprietary 262.34 (208.51) (20.24) (7,379.95)
Foreign (1,771.49) (3,206.87) 2,883.36 (284,282.64)
Individual 1,853.22 4,162.60 (11,817.43) 104,115.38
AECS ( Fundamental and Strategic Team )
อิศรา เลิศสุดคนึง (ID.033432) [email protected]
ตฤณ สิทธิสวัสดิ์ (ID. 091364) [email protected]
จิรภัทร โบสุวรรณ (ID. 040051) [email protected]
ภัทรพล จันทร์อินทร์ (ID. 089932) [email protected]
ธีรยุทธ ฤทธิเผ่าพันธุ์ ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
สุวรรณา อัศวเหล่าวรพงศ์ Data Support / Secretary