- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 12 December 2018 15:59
- Hits: 1346
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
“เจรจาการค้าบวก น้ำมันปรับขึ้น ลุ้นรีบาวด์”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : --
ภาวะตลาดและปัจจัย : SET วันอังคารปิด -16.37 จุด ปิดที่ 1633.62 จุด มูลค่าการซื้อขายเบาบางที่ 42.9 พันล้านบาท แม้ช่วงบ่ายมีการประกาศปลดล็อคบทบาทพรรคการเมือง แต่ก็ยังมีแรงขายทำกำไร อีกทั้งปัจจัยต่างประเทศที่ผันผวนสูงยังกดดดัน โดยเฉพาะเรื่องสงครามการค้าสหรัฐ-จีน เศรษฐกิจโลกชะลอ และ Brexit ไม่ราบรื่น นักลงทุนทั่วไปซื้อสุทธิรายเดียว 2.3 พันล้านบาท ด้านนักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 1.4 พันล้านบาท พอร์ตหลักทรัพย์ และสถาบันขายสุทธิ 0.5 และ 0.4 พันล้านบาทตามลำดับ สำหรับแนวโน้มตลาดและกลยุทธ์คือ
# ระยะสั้นมากคาดว่า SET มีโอกาสรีบาวด์จากการเจรจาการค้าจีน-สหรัฐเป็นบวกมากขึ้น ราคาน้ำมันเพิ่มได้ ตลาดหุ้นเพื่อนบ้านเช้านี้รีบาวด์อยู่ในแดนเขียว ดาวโจนส์ล่วงหน้าเป็น +53 จุด (8:03 น.) เงินบาทแข็งค่าขึ้นเล็กน้อย แม้ว่ามีเรื่องทรัมป์อาจให้มีการชัตดาวน์ บางหน่วยงาน แลกกับของบทำกำแพงกั้นชายแดนเม็กซิโก แต่คาดว่าจะไม่มีผลลบอย่างมีนัยสำคัญ
# ส่วนการประชุมเฟด 18-19 ธ.ค.61 คาดกันว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้ง แม้ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรออกมาอ่อน แต่ปีหน้ามีโอกาสที่จะชะลอการปรับขึ้นดอกเบี้ย หลังมีแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐชะลอ ส่วนประเด็นการปลดล็อคพรรคการเมืองในการทำกิจกรรมหาเสียงเลือกตั้งได้เป็นสิ่งที่ดี แม้ได้ Price In ไปบางส่วนแล้วคาดว่าหลักทรัพย์ที่ได้ประโยชน์คือ กลุ่มสื่อ โดยเฉพาะสื่อนอกบ้าน (Out of Home Media: OOH) หลักทรัพย์ที่ได้ประโยชน์คือ MACO, PLANB และ VGI
# หุ้นเด่นเดือนธ.ค.61 เน้นไปยังหุ้นขนาดใหญ่ (Big Cap) ที่กองทุนในและต่างประเทศให้ความสนใจ รอจังหวะลงทุนได้แก่ ADVANC, AEONTS, BBL, KKP, TISCO,BEM, CPALL, PTTEP, TOP และหุ้นที่ราคาอ่อนลงมากแต่กำไรยังเติบโตดีในปี 62 คือ GOLD, SVI SET เป้าหมาย SET ปี 62 เป็น 1,780 จุด ใช้ประมาณการ EPSเติบโตปี 61 เป็น 8% และปี 62 ที่ 6% ประเมินด้วย P/E Median+0.5 SD
# หุ้นเด่น: TCAP – ป 61เป็นไปตามเป้าหมาย สินเชื่อโต 4.3%YTD เทียบกับเปา้ หมาย 5% ปีนี้ โดยสินเชื่อรายย่อย หลักๆ เป็นเชา่ ซื้อและที่อยูอ่ าศัย และ SME เติบโตดีรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยเติบโตได้ดี รายได้จากธุรกิจประกันขยายตัวได้ ซึ่งตา่ งจากธนาคารอื่นที่ชะลอลง สำรองค่าเผื่อฯคาดวา่ จะอยู่ที่ 70bps ในปี ใกล้เคียงกับปีนี้ ส่วน 62Coverage ratio เท่ากับ 125% ในสิ้น 3Q61 แนะนำซื้อ ให้ราคาพื้นฐาน บาท เทียบเท่ากับ 66P/BV ปีหน้าที่ เท่า 1.1ราคาปิดมีส่วนเพิ่มได้อีก 22% และคาดวา่ Yieldปันผลปี 62 ดีที่ 4.7%
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ระยะสั้นภาพตลาดเป็นลบ ซื้อใหม่เน้นค่าบวกทั้งราคาหุ้นและดัชนี แนวต้านระยะสั้น 1640-1650, 1660 จุด, แนวรับคือ 1630, 1600 หาก SETหลุด 1630 จุดดูไม่ค่อยดี ให้ Stop loss เพื่อรอซื้อช่วงปรับฐาน
สำหรับหุ้นที่คาดว่าจะทำ New High ที่เข้ามาใหม่คือ TCAP,CK,CKP,BCP,PR9,BCH,BH หุ้นที่ยังอยู่ใน List คือ KTB หุ้นที่หลุด List HANA,EPG,WHA,GULF หุ้นที่อยู่ในพื้นที่หาจังหวะ Take Profit ไม่มี
นักกลยุทธ์&นักวิเคราะห์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : [email protected]
Inside Story
Key Drivers TODAY : ปัจจัยต่างประเทศ / ปัจจัยในประเทศ
Industry Focus : กลุ่มธนาคารพาณิชย์ : เจอความเสี่ยงใหม่...ภัยไซเบอร์
กลุ่มยานยนต์ : ยอดจองซื้อรถยนต์งานมหกรรมยานยนต์ปีนี้เพิ่มขึ้น 10.9%YoY
กลุ่มค้าปลีก : ปีใหม่เงินสะพัดในกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค
Company Guide : ANAN (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 4.90)
In The News : ข่าวเด่นวันนี้
Key Drivers TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
+/• สงครามการค้าจีน-สหรัฐ : เป็นไปในทางบวกมากขึ้น
# ความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากนายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีน ได้โทรศัพท์หารือกับนายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ และนายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) เมื่อวานนี้ เพื่อคลี่คลายข้อพิพาททางการค้าระหว่างทั้ง 2 ประเทศ ซึ่งปธน.ทรัมป์มองว่าเป็นความเคลื่อนไหวในด้านบวก
# แต่เจ้าหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติ 2 คนของสหรัฐได้เสนอร่างกฎหมายระงับการขายสินค้าของสหรัฐให้กับบริษัทจีนที่ละเมิดกฎหมายการส่งออกหรือการคว่ำบาตรของสหรัฐ
-สหรัฐ: ทรัมป์อาจให้มีการชัตดาวน์บางหน่วยงาน
# ปธน.ทรัมป์ขู่ว่าจะปล่อยให้หน่วยงานบางส่วนของรัฐบาลถูกชัตดาวน์ หากสภาคองเกรสไม่อนุมัติงบประมาณสร้างกำแพงกั้นชายแดนสหรัฐและเม็กซิโก
-/• ความไม่แน่นอน Brexit ของอังกฤษ
# มีความไม่แน่นอนของสถานการณ์ที่อังกฤษแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) นางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ได้เดินทางเข้าพบผู้นำของสหภาพยุโรป (EU) เมื่อวานนี้ เพื่อหาทางออกให้กับร่างข้อตกลง Brexit ก่อนที่จะมีการประชุมสุดยอดผู้นำ EU ในวันที่ 13-14 ธ.ค. อย่างไรก็ดี ผู้นำของ EU ส่งสัญญาณชัดเจนว่า พวกเขายินดีที่จะให้คำชี้แจงในประเด็นต่างๆต่อนางเมย์ แต่จะไม่มีการเจรจาต่อรองครั้งใหม่ต่อข้อตกลง Brexit
-/• ติดตามการประชุมเฟดครั้งต่อไป คาดกันว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก
# นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 18-19 ธ.ค. โดยมีการคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ ซึ่งจะเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ 4 สำหรับปีนี้
- ภาวะตลาดหุ้นสหรัฐ : ดาวโจนส์ปรับลง กังวลการชัตดาวน์บางหน่วยงาน
# ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,370.24 จุด ลดลง 53.02 จุด หรือ -0.22% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่2,636.78 จุด ลดลง 0.94 จุด หรือ -0.04% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,031.83 จุด เพิ่มขึ้น 11.31 จุด หรือ +0.16%
# ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (11 ธ.ค.) หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขู่ว่าจะปล่อยให้หน่วยงานบางส่วนของรัฐบาลต้องถูกปิดลง หรือชัตดาวน์ หากสภาคองเกรสไม่อนุมัติงบประมาณสร้างกำแพงกั้นชายแดนสหรัฐและเม็กซิโก นอกจากนี้ ความไม่แน่นอนทางการเมืองในอังกฤษยังสร้างแรงกดดันต่อตลาดหุ้นนิวยอร์กด้วยเช่นกัน
+ ภาวะตลาดน้ำมัน : ราคาน้ำมันปรับเพิ่ม รัสเซียลดกำลังการผลิต และลิเบียถูกยึกบ่อน้ำมัน
# สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (11 ธ.ค.) โดยได้แรงหนุนจากรายงานข่าวที่ว่าลิเบียเผชิญปัญหาการผลิตน้ำมันครั้งใหญ่ หลังจากกลุ่มติดอาวุธได้เข้ายึดบ่อน้ำมันเอล ชารารา ซึ่งเป็นบ่อน้ำมันที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศ รวมทั้งข่าวรัสเซียวางแผนปรับลดการผลิตน้ำมันในเดือนหน้า
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 65 เซนต์ หรือ 1.3% ปิดที่ 51.65 ดอลลาร์/บาร์เรล
# สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 23 เซนต์ หรือ 0.4% ปิดที่ 60.20 ดอลลาร์/บาร์เรล
• ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก : ปรับลด เพราะดอลลาร์แข็ง
# สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (11 ธ.ค.) เนื่องจากสกุลเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าได้สร้างแรงกดดันต่อตลาดอย่างไรก็ตาม สัญญาทองคำปรับตัวลงเพียงเล็กน้อย เนื่องจากกระแสคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า เป็นปัจจัยที่ช่วยหนุนตลาดในระหว่างวัน
# สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. ลดลง 2.20 ดอลลาร์ หรือ 0.18% ปิดที่1,247.20 ดอลลาร์/ออนซ์
• ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจที่จะประกาศสัปดาห์นี้
# นักลงทุนยังรอดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้เช่นกัน ซึ่งได้แก่ อัตราเงินเฟ้อเดือนพ.ย., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดค้าปลีกเดือนพ.ย., การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ย., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ(PMI) ภาคบริการขั้นต้นเดือนธ.ค.จากมาร์กิต, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นต้นเดือนธ.ค.จากมาร์กิตและสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนต.ค.
ปัจจัยในประเทศ
+ การเมืองไทย: ปลดล็อคกิจกรรมพรรคการเมืองแล้ว
# เว็บไซ์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 22/2561 เรื่อง การให้ประชาชนและพรรคการเมืองดำเนินกิจกรรมทางการเมือง โดยยกเลิกคำสั่งและประกาศ 9 ฉบับ
# ผลกระทบ: คาดว่ากลุ่มหลักทรัพย์ที่ได้ประโยชน์คือ สื่อ (Media) เพราะจะมีการหาเสียงเลือกตั้งมากขึ้น แต่จะเป็นเฉพาะบางกลุ่ม เช่น สื่อนอกบ้าน (Out of Home Media: OOH) หลักทรัพย์ที่ได้ประโยชน์คือ MACO, PLANB และ VGIขณะที่สื่อทีวีดิจิตัลจะได้รับประโยชน์น้อย เพราะค่าใช้จ่ายในการโฆษณาแพงกว่า OOH นอกจากนี้ยังสามารถใช้สื่อSocial Media เช่น การไลฟท์สด ผ่าน Facebook ที่ไม่เสียค่าใช้จ่าย และตรงถึงกลุ่มเป้าหมายได้เป็นอย่างดี
+ รฟท. เปิดซองข้อเสนอด้านราคารถไฟเชื่อม 3 สนามบิน คาดประกาศผล 14 ธ.ค.
# นายวรวุฒิ มาลา รองผู้ว่าการกลุ่มธุรกิจการบริหารทรัพย์สิน รักษาการในตำแหน่งผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.)เปิดเผยว่า ในวันนี้ (11 ธ.ค.) การรถไฟฯ ได้มีการดำเนินการประเมินซองข้อเสนอเอกชนร่วมลงทุนโครงการรถไฟความเร็วสูง เชื่อม 3 สนามบินซองที่ 3(ด้านการเงิน) เรียบร้อยแล้ว
# อย่างไรก็ตาม การรถไฟฯ ยังไม่สามารถเปิดเผยราคาได้ จนกว่าที่ปรึกษาจะทำการตรวจสอบเอกสารราคาจนครบถ้วนเรียบร้อย โดยคาดว่าจะสามารถประกาศผลราคาที่แน่นอนได้ภายในวันที่ 14 ธันวาคม 2561 หลังจากนั้นขั้นตอนสุดท้ายก่อนประกาศผู้ชนะจะต้องผ่านการเจรจาต่อรองกันก่อน และนำร่างสัญญา ส่งให้สำนักงานอัยการสูงสุดตรวจสอบรายละเอียดอีกครั้ง คาดว่าสามารถประกาศผลการประมูลเสร็จได้ภายในเดือนมกราคม 2562 สำหรับข้อเสนอของทั้ง 2กลุ่มในส่วนของการเสนอขอรับการอุดหนุนจากรัฐ ไม่เกินกรอบที่ ครม.อนุมัติวงเงินที่รัฐร่วมลงทุนกับเอกชนวงเงินไม่เกิน119,425.75 ล้านบาท ซึ่งสุดท้ายจะตัดสินที่กลุ่มใดที่ขอรัฐอุดหนุนน้อยที่สุด จะเป็นผู้ชนะ
+ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ก. พาณิชย์ คาดส่งออกไทยปี 62 จะยังโตได้ในระดับ 8%
# อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ประเมินว่า สถานการณ์การส่งออกของไทยในปี 62 จะยังเติบโตได้ในระดับ 8% ซึ่งเป็นเป้าหมายที่ได้จากการประชุมร่วมกันระหว่างทูตพาณิชย์เมื่อเดือน ต.ค.61 ที่ผ่านมา ขณะที่ภาคเอกชนประเมินว่าการส่งออกจะขยายตัวได้ 5% ในเบื้องต้น
นักวิเคราะห์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : [email protected]