- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 22 September 2014 16:20
- Hits: 1740
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
คาด SET จะเริ่มเดินหน้าขึ้นต่อ แต่มองเป็นจังหวะขายลดพอร์ตมากกว่า
กลยุทธ์ : SET เริ่มขยับบวกกลับขึ้นมาใกล้ระดับดัชนีเป้าหมายแถว 1600 จุด(+/-) ตามคาดเดิมได้อีกครั้ง ซึ่งคาดว่าต้องระวังการจบรอบขาขึ้นและกลับไปแกว่งตัวลงในระดับ 100-200 จุดในช่วงถัดไป ดังนั้นเราจึงยังแนะนำให้ชะลอการซื้อเทรดดิ้ง และเน้นทยอยขายลดพอร์ตในช่วงตลาดบวก เพื่อถือเงินสดไว้ก่อนดีกว่า
หุ้นเด่นทางเทคนิค : SIRI, M, BLA(buy back)
แนวโน้ม : ตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรปส่วนใหญ่ยังปิดบวกได้อีก หลังตลาดคลายกังวลเกี่ยวกับอนาคตของสกอตแลนด์ เนื่องจากผลการลงมติคัดค้านการแยกตัวจากสหราชอาณาจักรเป็นฝ่ายชนะ รวมทั้งหุ้นอาลีบาบา ซึ่งเป็นยักษ์ใหญ่ด้านอีคอมเมิร์ซของจีนพุ่งขึ้นในการเทรดวันแรกที่ตลาดหุ้นนิวยอร์ก อย่างไรก็ตามยังมีแรงขายกดดันในช่วงท้ายตลาด ส่งผลให้ตลาดหุ้นยุโรปบางแห่งมีย้อนลงปิดลบ ขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐก็ปิดเป็นบวกเพียงเล็กน้อยเท่านั้น กดดันให้ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่ยังเปิดมาค่อนข้างผันผวน และมีจังหวะย้อนลงลบให้เห็นอยู่ ซึ่ง FSS คาดว่าจะกดดันต่อเนื่องมาถึงตลาดหุ้นไทย ทำให้ SET จะยังมีแนวโน้มแกว่งตัวผันผวนต่อเนื่องจากปลายสัปดาห์ก่อนเช่นกัน รวมทั้งการที่ดัชนีขยับเข้าใกล้ระดับดัชนีเป้าหมายแถว 1600 จุด(+/-) ได้อีกครั้ง ซึ่ง FSS มองว่าทำให้ upside แคบลง และมีสิทธิกระตุ้นให้เกิดแรงขายทำกำไรเพื่อลดความเสี่ยง ดังนั้นถ้าดัชนีบวกขึ้นต่อก็จะยิ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อการกลับไปแกว่งตัวลงลึกตามที่คาดไว้ได้ เราจึงแนะนำให้เน้นขายทำกำไรเพื่อลดพอร์ตในช่วง SET บวก ดีกว่า เทรดดิ้งตามต่อ
แนวรับ 1582-1580 , 1577-1575 จุด แนวต้าน 1588-1592 , 1595-1600 จุด
Fund Flow สัปดาห์ที่ผ่านมาไหลออกจากตลาดหุ้นภูมิภาคจำนวน US$872 ล้าน เพิ่มขึ้นจาก US$488 ล้านเมื่อสัปดาห์ก่อนหน้า ซึ่งเป็นการไหลออก 2 สัปดาห์ติดต่อกัน ส่วนวันศุกร์ที่ผ่านมากระแสเงินทุนต่างชาติยังไหลออกจากตลาดหุ้นภูมิภาคต่อเนื่องเป็นวันที่ 8 ติดต่อกัน ในปริมาณที่เบาบาง โดยส่วนใหญ่นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นเกาหลีใต้ US$217.6 ล้าน และไต้หวัน US$80.1 ล้าน แต่ซื้อไทย US$55.6 ล้าน อินโดนีเชีย US$23.6 ล้าน และเวียดนาม US$1.8 ล้าน ขณะที่ฟิลิปปินส์ปิดทำการ ค่าเงินภูมิภาคเช้านี้ค่อนข้างนิ่ง Flow น่าจะเบาบางต่อ
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(+) กลุ่มธนาคารรายงานสินเชื่อเดือน ส.ค. +0.4%M-M และ +1.5%YTD แม้ว่าขยับขึ้นได้ไม่มากเนื่องจากสินเชื่อในธนาคารขนาดเล็กยังเป็นกลุ่มที่มีสินเชื่อที่ลดลงอยู่แต่สินเชื่อของธนาคารขนาดใหญ่ (BBL, KBANK, SCB) เริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้น โดยเฉพาะ BBL มีสินเชื่อเพิ่มแรงที่สุดในกลุ่มที่ 1.44%M-M และดีที่สุดตั้งแต่ต้นปี ขณะที่ TMB มีสินเชื่อ 8M14 เติบโตมากที่สุดที่ 6.2%YTD และเกินเป้าหมายของธนาคารและคาดการณ์ของเราทั้งปีแล้ว คงคำแนะนำ Overweight กลุ่มธนาคาร โดยเริ่มเห็นกลุ่มแบงก์ที่ Laggard อาทิ BBL (เป้า 243 บาท) และ SCB (เป้า 228 บาท) มีความน่าสนใจมากขึ้น
(+) ADVANC คาดกำไรปกติ 3Q14 จะกลับมาเติบโตแข็งแกร่งที่ 8,915 ลบ. +5.5% Q-Q, +6.4% Y-Y จากรายได้ที่กลับมาเติบโตในระดับที่ดีขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งฝั่ง Non Voice ขณะที่ต้นทุนการให้บริการที่สูงขึ้นถูกชดเชยด้วย Regulatory Cost ที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ แนวโน้มการเติบโตของผลการดำเนินงานในช่วง 4Q14 เป็นต้นไปยังคงดีต่อเนื่อง เรายังคงประมาณการกำไรปกติปี 2014 และ 2015 เติบโต 0.6% Y-Y และ 12.5% Y-Y คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสมปี 2015 ที่ 260 บาท
(+) PTT : ได้ประโยชน์จากการปรับขึ้น NGV แผนการปรับโครงสร้างราคาพลังงานของกระทรวงพลังงานที่คาดว่าจะมีการปรับขึ้นในเดือนต.ค นี้ โดยเฉพาะในส่วนของ NGV ซึ่งปตท. เป็นผู้ขายรายเดียวในประเทศไทย ปัจจุบันมีปริมาณการขายอยู่ที่ 8,790 ตัน/วัน ในราคาขาย 10.50 บาท/กก. แต่หากปรับขึ้นอีก 1 บาท/กก. เป็น 11.50 บาท/กก. จะทำให้ PTT ขาดทุนลดลงเนื่องจากปตท. มีต้นทุน NGV อยู่ที่ 15-16 บาท/กก. ทำให้ในช่วง 1H14 ปตท. มีผลขาดทุนจากการขาย NGV ประมาณ 10,970 บาท ดังนั้นหากปรับขึ้นอีก 1 บาท คาดว่าปตท. จะขาดทุนลดลงประมาณ 4,000 ล้านบาทต่อปี หรือคิดเป็น 4% ของประมาณการกำไรปี 2014 ซึ่งกรณีนี้ยังไม่ได้อยู่ในประมาณการของเรา สำหรับหุ้นปตท. ราคาหุ้นได้ปรับขึ้นรับการปรับราคา NGV แล้ว จนทำให้เหลือ Upside ค่อนข้างจำกัด จากราคาเป้าหมายปี 2015 ไว้ที่ 360 บาท (Sum of the Part) ประกอบกับราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายที่ PE 9.8 เท่า และ PBV 1.2 เท่า ใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยภูมิภาคที่ PE 9.5 – 10 เท่าและ PBV 1.2 - 1.3 เท่า ดังนั้นจึงยังคำแนะนำ ถือ
(+) QH: Presales 2 เดือนแรกของ 3Q14 อยู่ที่ 3.1 พันล้านบาท และ Presales 8M14 อยู่ที่ 1.22 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 57% ของเป้าหมายปี 14 ซึ่ง Presales หลักมาจากบ้านแนวราบที่ขายดีต่อเนื่อง Y-Y ส่วนคอนโดมียอดขายต่ำเพราะเปิดโครงการน้อย คาดว่า Presales ทั้งปีจะได้ตามเป้า เพราะ 4 เดือนหลังของปี 14 จะเปิดอีก 12 โครงการ มูลค่ารวม 1.27 หมื่นล้านบาท ส่วนกำไรปกติ 3Q14 คาดอ่อนลง Q-Q แต่จะกลับมาเพิ่ม Q-Q ใน 4Q14 เราคงแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายปี 2015 ที่ 4.90 บาท (SOTP) โดย QH เป็น Top pick ของเราเพราะได้รับผลดีจากการฟื้นตัวของตลาดที่อยู่อาศัยโดยเฉพาะบ้านแนวราบที่บริษัทมีสินค้าพร้อมขาย
ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมาขยัยขึ้นได้อีกเล็กน้อยและทำให้ปรับเพิ่มขึ้น 6 สัปดาห์จาก 7 สัปดาห์หลังสุด โดยได้รับแรงหนุนจากการเริ่มซื้อขายวันแรกของหุ้น Alibaba รวมถึงผลโหวตของสก็อตแลนด์ที่จะไม่แยกตัวออกจากสหราชอาณาจักร
ส่วนตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนวันศุกร์ปิดในแดนบวกได้เช่นกันโดยตลาดตอบรับเชิงบวกต่อผลโหวตของสก็อตแลนด์ที่จะไม่แยกตัวออกจากสหราชอาณาจักร
ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ปรับตัวในแดนลบโดยได้รับแรงกดดันเรื่องแผนการขึ้นภาษีบริโภคของญี่ปุ่นเป็นครั้งที่ 2
ค่าเงินบาทแกว่งตัวผันผวนหลังจากแข็งค่าขึ้นช่วงปลายสัปดาห์ก่อน ล่าสุดปรับตัวในกรอบ 32.14-32.30 บาท/ดอลลาร์
ราคาน้ำมันดิบในตลาด NYMEX ส่งมอบเดือน ต.ค. ลดลง 0.66 ดอลลาร์/บาร์เรล มาปิดที่ 92.41 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยตลาดกังวลต่ออุปทานที่ยังคงมากขณะที่เศรษฐกิจโลกชะลอตัวซึ่งส่งผลต่ออุปสงค์ของน้ำมัน
ราคาทองคำในตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. ร่วงลงอีก 10.30 ดอลลาร์/ออนซ์ มาปิดที่ 1,216.60 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานที่ออกมาดีกว่าที่คาดส่งผลให้ตลาดคาดว่า FED จะลดการใช้นโยบายผ่อนคลายการเงิน