----------

•    เมื่อวานนี้ SET Index ปิดที่ 1,672.61 จุด +30.81 จุด (+1.88%) ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 6.06 หมื่น ลบ. โดยเมื่อวานนี้ทั้งนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิเกือบ 2.68 พัน ลบ. และนักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 9.49 พัน ลบ. หลังความกังวลในเรื่อง Trade Wars ระหว่างสหรัฐฯ-จีนลดความรุนแรงลงในช่วงสั้น

•    (-) แม้ช่วงสั้น Yield พันธบัตรสหรัฐฯ จะปรับตัวลง ตอบรับการเจรจาระหว่างสหรัฐฯ-จีนที่เป็นไปในเชิงบวกมากขึ้น แต่ในระยะกลางเราคาดทิศทางดอกเบี้ยในสหรัฐฯ ยังเป็นขาขึ้น โดยมีแรงกดดันหลักจาก Expected Inflation ที่กลับมาเพิ่มขึ้น หลังล่าสุดทางการเปิดเผยตัวเลขดัชนีภาคการผลิตเดือน พ.ย. ปรับขึ้นเป็น 59.3 จุด ขยับขึ้นจาก 57.7 จุดในเดือนก่อนหน้า สะท้อนกิจกรรมทาง ศก. ที่ขยายตัวได้ดี บวกกับราคาน้ำมันดิบที่ปรับขึ้นในช่วงที่ผ่านมาจากความคาดหวังที่ OPEC และ Non-OPEC จะมีมติลดกำลังการผลิตในวันที่ 6 ธ.ค. ส่งผลให้วานนี้ Implied Prob. ของ Fed Fund Futures ขยับขึ้น สะท้อนว่าตลาดประเมินโอกาสที่ Fed จะขึ้นดอกเบี้ยมากกว่า 3 ครั้งในปีหน้าที่ 33% เพิ่มจาก 30.6% สัปดาห์ก่อน

•    (Alert) รัฐมนตรีพลังงานของกาตาร์ประกาศถอนตัวจากการเป็นสมาชิก OPEC เพื่อหันไปพัฒนาด้านการผลิต LNG มากขึ้นทั้งนี้เรามองว่าการถอนตัวของกาตาร์จะไม่ส่งผลต่อกำลังการผลิตของกลุ่ม OPEC มากนักเนื่องจากกาตาร์มีกำลังการผลิตต่อวันเพียง 0.6 ล้านบาร์เรลต่อวันเทียบกับการผลิตของกลุ่ม OPEC ที่ 32.9 ล้านบาร์เรลต่อวัน (น้อยกว่า 1%)

•    (+) กระทรวงพาณิชย์เผยเดือน พ.ย. 61 ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป (CPI) อยู่ที่ 102.40 ขยายตัว 0.94%YoY ส่วนดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (Core CPI) เดือน พ.ย.61 อยู่ที่ 102.29 ขยายตัว 0.69%YoY

•    (-) ผู้ว่า รฟม. คาดเปิดประมูล PPP โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม 1.4 แสน ลบ. ราว ก.พ.-มี.ค.62 เลื่อนจากแผน ธ.ค.61 โดยจะเตรียมเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (บอร์ด PPP) ในวันที่ 11 ธ.ค.นี้ ซึ่งหลังจากเปิดประมูลแล้ว คาดว่าใช้ระยะเวลาประมาณ 5 เดือน (เปิดขายซองเอกสาร 3 เดือน และพิจารณาคัดเลือก 2 เดือน) ทั้งนี้งานก่อสร้างใช้เวลาประมาณ 6 ปี (ที่มา: สำนักข่าวอินโฟเควสท์)

•    แม้ข้อมูลจาก Bloomberg Consensus ในช่วงวันที่ 1-30 พ.ย. พบว่า นักวิเคราะห์มีการปรับลดประมาณการ EPS ในปี 61 และ 62 ลง โดยจากที่คาดกำไรในปี 62 จะโต 9.5%YoY เป็น 8.6%YoY เพื่อสะท้อนผลประกอบการช่วง 3Q61 ที่ชะลอตัว ดังนั้นเรามองว่า SET Index ที่ปรับตัวลงมาก่อนหน้านี้ได้สะท้อนประเด็นลบดังกล่าวหมดแล้ว ส่วนวันนี้คาด SET Index เคลื่อนไหวแดนบวกในกรอบ 1,665-1,690จุดด้วยผลบวกจาก Trade wars ของสหรัฐฯ-จีนที่ลดความรุนแรงลง และสัญญาณการฟื้นตัวของน้ำมันดิบ เราจึงแนะนำหุ้นที่น่าสนใจดังนี้ 1) หุ้นกลุ่มพลังงานทางเลือกและกลุ่มโรงแรมซึ่งโครงสร้างธุรกิจมีกระแสเงินสดแข็งแรง ได้แก่ SSP (S7.55,R8.0), BPP (S23.7,R24.5/25.0), CENTEL(S42,R45)      2) หุ้นกลุ่มหนี้สินต่อทุนต่ำคาดได้รับผลกระทบจากการขึ้นดอกเบี้ยน้อย ได้แก่ TPIPP(S6.0,R6.50), HANA(S36,R38/40)3) บริษัทที่ Fixed Coupon Rate และมีสัดส่วนเงินกู้ระยะยาวสูง ได้แก่ KTC(S34,R36/38), MTC(S49,R51), SAWAD(S47.75,R51.25) และ 4) หุ้นกลุ่มธนาคารที่มีพอร์ตสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ในสัดส่วน 35-40% ขึ้นไป และมีสินเชื่อที่อยู่อาศัยน้อยกว่า 10% ได้แก่ (KBANK(S195,R200), BBL(S205,R215) 

*** (S,R) = (Support, Resistance) ใน 1 สัปดาห์ ***

•    AOT (BUY: [email protected]): ช่วง 4Q60/61 กำไรปกติโต 3.5%YoYจากตัวเลขสถิติการบินที่ยังคงโตต่อส่วนปี 61/62 คาดจะโตต่อ 15.3%YoY จากมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวของรัฐบาล ทั้งโครงการ Amazing Thailand Grand Sale "Passport Privileges" และมาตรการยกเลิกค่าธรรมเนียมวีซ่านักท่องเที่ยว (Visa On Arrival : VOA) กับ 21 ประเทศ (รวมประเทศจีน)และล่าสุดประกาศจ่ายเงินปันผลหุ้นละ 1.05 บาท จากผลประกอบการ            ปี 2560/61 (XD 13 ธ.ค. นี้) + มี Upside 13.3% จึงคงแนะนำ “ซื้อ”

Market Talk

•    BGRIM (BUY: Consensus [email protected]): ช่วง 4Q61 Consensus คาดกำไรโต YoY ด้วยการรับรู้โรงไฟฟ้าต่อเนื่องบวกกับเริ่ม COD โรงไฟฟ้า SPP, Solar และพลังงานน้ำเพิ่มอีก179MW ส่วนปี 62 มีปัจจัยหนุนจากการรับรู้รายได้เต็มปีของโรงไฟฟ้าที่กำลังผลิตรวม2,091MW บวกกับการ COD โรงไฟฟ้าโซลาร์ในเวียดนาม3 โรงอีก 677MW ทำให้มีกำลังผลิตณสิ้นปี 62 รวม 2,773MW จึงช่วง 2 ปีนี้ (ปี 61-62)กำไรโตเฉลี่ยปีละ 22.8% + มีUpside 18.2% 

 

3-Dec-18    Change (pts.)    30-Nov-18

SET Index    1,672.61    30.81    1,641.80

SET50 Index    1,117.86    26.31    1,091.55

SET100 Index    2,465.17    55.96    2,409.21

 

High    1,675.43    Gainers          1,019 

Low    1,660.05    Unchanged    384

Value (Bt m)    60,552.58    Losers  463 

Volume (*000)    12,957,104          

 

Market Valuation

SET Data    2018F    2019F    Long Term

Fwd PER (x)    15.6    14.3    14.3

EPS Growth (%)    13.9    9.3    5.5

EV/EBITDA (x)    10.5    9.7    9.2

FWD PBV (x)    1.9    1.8    1.7

Dividend Yield (%)    3.1    3.3    3.6

ROE    13.1    12.3    12.3

 

Net Buy/Sell by Investor Types

Unit : M Bt    3-Dec-18    WTD    MTD    YTD

Institution    9,493.56    9,493.56    9,493.56    185,980.99

Proprietary    143.60    143.60    143.60    (6,987.66)

Foreign     2,676.95    2,676.95    2,676.95    (287,183.83)

Individual    (12,314.12)    (12,314.12)    (12,314.12)    108,190.50