ตลาดหุ้นวานนี้:SET Index วันก่อนดีดตัวขึ้น +5.31 จุด (+0.32%) ปิดที่ 1,641 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.7 หมื่นล้านบาท จากแรงซื้อดักผลการเจรจาข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐและจีนในช่วงสุดสัปดาห์ที่คาดว่าจะออกมาในเชิงบวก ประกอบกับแรงซื้อในกลุ่มหุ้นที่ได้เข้าคำนวณและปรับน้ำหนักสำหรับ MSCI index รอบใหม่ ซึ่งหนุนดัชนีให้สามารถปิดแดนบวก โดยนักลงทุนต่างชาติพลิกเป็นฝั่งซื้อสุทธิ 628 ล้านบาท แต่ Net Short TFEX 497 สัญญา และขายสุทธิในตลาดพันธบัตร 429 ล้านบาท 

          แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้: มุมมองเป็นบวก คาดดัชนีปรับตัวขึ้นทดสอบ 1,650 - 1,655 จุด เนื่องจากได้ปัจจัยบวกจากผลการเจรจาระหว่างสหรัฐ-จีนบรรลุข้อตกลงยุติข้อพิพาทการค้าชั่วคราวโดยสหรัฐเลื่อนเวลาเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนวงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์ออกไป 90 วัน (จากเดิม 1 ม.ค. 2562) เพื่อเปิดทางให้ทั้งสองฝ่ายได้เจรจากันต่อไป ส่งผลบวกต่อราคาน้ำมันเช้านี้ดีดตัวขึ้นแรงยืนเหนือ 52 US/Barrel ผสมด้วยการคาดการณ์การประชุมโอเปก 6 ธ.ค.จะมีมติลดกำลังการผลิตลงด้วยซึ่งเป็นบวกต่อกลุ่มพลังงานและทิศทางดัชนี 

 

          - กลุ่มพลังงาน (PTT, PTTEP, TOP, PTTGC) ราคาน้ำมันดิบดีดตัวขึ้นตอบรับผลเจรจาสหรัฐ- จีน และคาดการประชุมโอเปกในวันที่ 6 ธ.ค.จะปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันในปี 2562 ลง 

          - กลุ่มค้าปลีก (HMPRO, ROBINS, CPALL) คลังเคาะมาตรการช็อปตรุษจีน 1-15 ก.พ.62 ไม่เกิน 2 หมื่นบาท 

          - กลุ่มไฟแนนท์ (MTC, SAWAD) คาดงบ 4Q18 เติบโตต่อเนื่องจากการขยายสินเชื่อและสาขาเพิ่มขึ้น 

          - กลุ่มรับเหมา (STEC, SEAFCO) นิคมฯ (AMATA) กลุ่มค้าปลีก (HMPRO, ROBINS, CPALL) รับผลบวกกรอบการเลือกตั้งที่ชัดเจน  

          หุ้นแนะนำวันนี้: PTTEP (ปิด 132 ซื้อ/เป้า 145) ได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันที่รีบาวด์ขึ้นแรง รวมถึงคาดการประชุมโอเปกในวันที่ 6 ธ.ค.จะปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันในปี 2562 ลง , AMATA (ปิด 23.4 ซื้อ/เป้า Consensus 28) ได้ประโยชน์จากกรอบการเลือกตั้งที่ชัดเจนรวมถึงความคืบหน้าโครงการ EEC เนื่องจากมีที่ดินนิคมฯในพื้นที่ดังกล่าวมากที่สุดในกลุ่มBCH (ปิด 18.3 ซื้อ/เป้า 21) 3Q18 มีกำไรสุทธิ 356 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 43%qoq และ 18%yoy แนวโน้ม 4Q18 ยังดีต่อ จากรายได้ที่เร่งตัวขึ้นจากลูกป่วยต่างประเทศของศูนย์ WMC แจ้งวัฒนะ 

          Top picks ปีนี้ : ANAN, BBL, CPALL, MTC, ROBINS และ SPALI  

          KSS report วันนี้ : EA (ปิด 48 ซื้อ/เป้า 63), Thailand Strategy 

 

ประเด็นสำคัญวันนี้ :  

          (+/-) ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 199.62 จุด รวมถึงดาวโจนส์ฟิวเจอร์พุ่งขึ้นแรงในวันนี้ ขานรับ"ทรัมป์-สี จิ้นผิง"เห็นพ้องยุติข้อพิพาทการค้าชั่วคราว : โดยการเจรจารนอกรอบ G20 ปธน.ทรัมป์และปธน.สี จิ้นผิง เห็นพ้องกันให้เลื่อนกำหนดเวลาที่สหรัฐจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนมูลค่า 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ออกไป 90 วัน (จากเดิมวันที่ 1 ม.ค.2562) เพื่อเปิดทางให้ทั้งสองฝ่ายได้เดินหน้าเจรจายุติข้อพิพาทการค้าระหว่างกันต่อไป พร้อมทั้งจีนจะสั่งซื้อสินค้าจากสหรัฐ ทั้งผลิตภัณฑ์จากภาคการเกษตร, พลังงาน, สินค้าอุตสาหกรรม และอื่นๆ อย่างไรก็ตามหากสิ้นสุดเวลาแล้วยังหาข้อตกลงกันไม่ได้จะมีการขึ้นภาษีจาก 10% เป็น 25%  

          (+) คลังเคาะมาตรการช็อปตรุษจีน 1-15 ก.พ.62 ไม่เกิน 2 หมื่นบ.คืน VAT 5% เข้าบัญชีพร้อมเพย์ : กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างพิจารณามาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายช่วงเทศกาลตรุษจีน 1-15 ก.พ.62 ซึ่งมีแนวคิดคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ในอัตรา 5% ให้กับประชาชนทั่วไปที่มีการใช้จ่ายผ่านบัตรเดบิตชำระค่าสินค้าผ่านเครื่องชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ (EDC) ที่เชื่อมต่อกับอุปกรณ์เครื่องบันทึกการเก็บเงิน (Point of Sale : POS) วงเงินไม่เกิน 20,000 บาท หรือคิดเป็นเม็ดเงินภาษีมูลค่าเพิ่มที่คืนให้คนละไม่เกิน 1,000 บาท โดยจะคืนให้กับผู้ที่ผูกบัญชีพรอมเพย์กับเลขบัตรประชาชน ซึ่งเป็นบวกต่อกลุ่มค้าปลีก (ROBINS CPALL)

          (+/-) ธปท.เผยเศรษฐกิจไทยต.ค.61 ปรับดีขึ้นจากเดือนก่อนตามอุปสงค์ทั้งใน-ตปท.แต่ท่องเที่ยวยังหดตัว : เศรษฐกิจไทยเดือนตุลาคม 61 ปรับตัวดีขึ้นจากเดือนก่อนจากอุปสงค์ทั้งในและต่างประเทศ โดยการบริโภคภาคเอกชน +4.4%YoY การลงทุนภาคเอกชน +2.5%YoY และการส่งออกสินค้ากลับมาขยายตัว 8.4%สอดคล้องกับการผลิตภาคอุตสาหกรรม อย่างไรก็ดีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศหดตัวเล็กน้อย 0.5%YoY โดยจำนวนนักท่องเที่ยวจีนหดตัวลงถึง 19.8% ขณะที่การใช้จ่ายภาครัฐหดตัวเล็กน้อย