ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index วานนี้แกว่งตัวแคบ +3.50 จุด (+0.21%) ปิดที่ 1,634 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.6 หมื่นล้านบาท โดยเป็นการพักฐานหลังจากดีดตัวขึ้นมาก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตามดัชนีสามารถปิดบวกได้จากความคาดหวังผลการเจรจานอกรอบการประชุม G20 ระหว่างสหรัฐ-จีนในสัปดาห์นี้ ประกอบกับราคาน้ำมันดิบที่ฟื้นตัวขึ้น ส่งผลให้มีแรงซื้อกลุ่ม PETRO, HELTH และ TOURISM ส่วนนักลงทุนต่างชาติยังคงขายสุทธิ 2,221 ล้านบาท แต่ Net Long TFEX 6,841 สัญญา และซื้อสุทธิในตลาดพันธบัตร 736 ล้านบาท

แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้ : มุมมองเป็นกลาง คาดดัชนีแกว่งตัว 1,630 – 1,645 จุด โดยแม้ว่าภาวะตลาดจะยังคงให้น้ำหนักเชิงบวกต่อการเจรจานอกรอบการประชุม G20 ระหว่างสหรัฐ-จีนเพื่อหาข้อสรุปข้อพิพาททางการค้าในวันที่ 30 พ.ย. – 1 ธ.ค. รวมถึงความชัดเจนกรอบการเลือกตั้งของไทยวันที่ 24 ก.พ. 2562 และการเตรียมปลดล็อคกิจกรรมทางการเมืองในช่วงกลางเดือนธ.ค. อย่างไรก็ตามคาดว่านักลงทุนจะชะลอการลงทุนเพื่อติดตามสุนทรพจน์ประธานเฟดในวันนี้ว่าจะแสดงความกังวลข้อพิพาทการค้าระหว่างสหรัฐและจีนหรือไม่ รวมถึงแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเฟด 18 – 19 ธ.ค.เนื่องจากมีผลต่อภาวะการลงทุนทั่วโลก นอกจากนี้ความกังวล Fund Flow ต่างชาติที่ไหลออกต่อเนื่องจะกดดันต่อ sentiment การลงทุนในช่วงนี้

•    กลุ่มสายการบิน (AAV, THAI, BA)  ได้อานิสงส์ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงแรงและครม.ออกมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวและผ่อนปรนวีซ่าเข้าประเทศ

•    กลุ่มไฟแนนท์ (MTC, SAWAD) คาดงบ 4Q18 เติบโตต่อเนื่องจากการขยายสินเชื่อและสาขาเพิ่มขึ้น

•    กลุ่มรับเหมา (STEC, SEAFCO) นิคมฯ (AMATA) กลุ่มค้าปลีก (HMPRO, ROBINS, CPALL) รับผลบวกการเลือกตั้งที่ชัดเจน

•    หุ้นเข้าคำนวณ MSCI Global Standard (GULF, MTC)  Small Cap (CBG, MBK, PRINC) มีผล 30 พ.ย.

หุ้นแนะนำวันนี้ : SAWAD (ปิด 49.25 ซื้อ/เป้า 55) ผลประกอบการ 3Q18 ออกมาโดดเด่นมาก และคาด 4Q18 จะยังดีต่อเนื่องจากแรงหนุนของยอดสินเชื่อที่ยังขยายตัว และ NPLs ลดลง ส่วนแนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้นมอง SAWAD ได้รับผลกระทบน้อยสุดเพราะมีเงินทุนส่วนหนึ่งมาจากบัญชีเงินฝากของ BFIT ทำให้ต้นทุนทางการเงินเพิ่มขึ้นน้อยกว่าผู้ประกอบการรายอื่น, ROBINS (ปิด 67.25 ซื้อ/เป้า 76) หากวันนี้ราคาปรับลงเพราะผิดหวังต่อมาตรการช็อปช่วยชาติที่ไม่แรงอย่างที่คาดหวัง มองเป็นโอกาสเข้าซื้อเพราะเชื่อว่า ROBINS จะได้ประโยชน์จากเงินหมุนเวียนก่อนการเลือกตั้งที่จะเริ่มสะพัดมากขึ้นตั้งแต่เดือน ธ.ค.เนื่องจากคาดว่ารัฐบาลจะประกาศปลดล็อคพรรคการเมืองให้ทำกิจกรรมได้ตั้งแต่วันที่ 7 ธ.ค.เป็นต้นไป

Top picks ปีนี้ : ANAN, BBL, CPALL, MTC, ROBINS และ SPALI

KSS report วันนี้ : BGRIM (ปิด 26.25 ซื้อ/เป้าใหม่ 33 จาก 34), HANA (ปิด 34 ถือ/เป้าใหม่ 37.5 จาก 42), Thailand Strategy 

ประเด็นสำคัญวันนี้ :          

•    (+) ดาวโจนส์บวกต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 นักลงทุนยังคาดหวังจีนและสหรัฐจะบรรลุข้อตกลงเพื่อคลี่คลายปัญหาสงครามการค้า: แม้วานนี้ โดนัล ทรัมป์ จะออกมาขู่ว่าสหรัฐจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเพิ่มอีก 67 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ หากการเจรจาล้มเหลว แต่ดัชนีดาวโจนส์ยังปรับขึ้นต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 อี 108 จุด (+0.44%) ปิดที่ 24,749 จุด เนื่องจากนักลงทุนยังคาดหวังว่าการเจรจาระหว่าง โดนัล ทรัมป์ กับ สีจิ้นผิง จะบรรลุข้อตกลงเพื่อคลี่คลายปัญหาสงครามการค้า โดยเรามองแนวทางที่สหรัฐจะชะลอการขึ้นภาษีและกำหนดช่วงเวลาให้จีนปฏิบัติตามเงื่อนไขเป็นแนวทางที่มีโอกาสเกิดขึ้นมากที่สุด ซึ่งจะเป็นบวกต่อ Sentiment การลงทุนของตลาด

•    (+/-) คืนนี้ติดตาม เจอโรม พาวเวล กล่าวสุนทรพจน์ จับสัญญาณเฟดขึ้นดอกเบี้ย และสหรัฐประกาศ GDP 3Q18 ครั้งที่ 2 : ในช่วงเย็นวันนี้ตามเวลาประเทศไทย นาย เจอโรม พาวเวล ประธานเฟดจะขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ ซึ่งสิ่งที่นักลงทุนเฝ้าติดตามคือการแสดงความเห็นต่อสงครามการค้าว่าจะมีผลต่อการขึ้นดอกเบี้ยหรือไม่ รวมถึงการส่งสัญญาณการขึ้นดอกเบี้ยในครั้งถัดไป นอกจากนี้สหรัฐยังประกาศตัวเลข GDP 3Q18 ครั้งที่ 2 บ่งชี้ความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐ โดยตลาดคาด GDP จะขยายตัว 5% ชะลอตัวจาก 2Q18 ที่ขยายตัว 4.1%

•    (+/-) ช็อปช่วยชาติไม่แรงอย่างที่คิด ตีกรอบให้ช็อปแค่ 3 สินค้า ได้แก่ ยางรถยนต์, หนังสือ และสินค้าโอท็อป คาดเข้า ครม. 4 ธ.ค.นี้ : กระทรวงการคลังเตรียมเสนอมาตรการช็อปช่วยชาติเสนอที่ประชุม ครม.เพื่ออนุมัติในช่วงวันที่ 4 เดือนหน้า เบื้องต้นกำหนดให้สินค้าที่เข้าร่วมโครงการและนำไปลดหย่อนภาษีไว้เพียง 3 กลุ่ม คือ 1) ยางรถยนต์ เพื่อกระตุ้นการใช้ยางหนุนราคายางปรับขึ้นช่วยเหลือเกษตรกร, 2) หนังสือ และ 3) สินค้าโอท็อป โดยลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 15,000 บาท