ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index วานนี้ดีดตัวขึ้นต่อเนื่องเป็นวันที่สอง +8.67 จุด (+0.53%) ปิดที่ 1,630 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.3 หมื่นล้านบาท โดยแม้ว่าราคาน้ำมันจะทรุดตัวลงแรง แต่ดัชนีสามารถดีดตัวขึ้นจากความคาดหวังผลการเจรจานอกรอบการประชุม G20 ระหว่างสหรัฐ-จีนเพื่อหารือข้อพิพาททางการค้าในสัปดาห์นี้ ส่งผลให้มีแรงซื้อกลุ่ม FIN, CONS และ BANK หนุนดัชนีปรับตัวขึ้น สำหรับนักลงทุนต่างชาติเป็นฝั่งขายสุทธิ 849 ล้านบาท และ Net Short TFEX 6,786 สัญญา อีกทั้งขายสุทธิในตลาดพันธบัตร 2,413 ล้านบาท 

          แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้: มุมมองเป็นกลาง คาดดัชนีปรับตัวขึ้นในกรอบจำกัด 1,635 - 1,640 จุดก่อนจะสลับอ่อนตัว โดยแม้ว่าภาวะตลาดจะยังได้แรงหนุนจากความคาดหวังผลการเจรจานอกรอบการประชุม G20 ระหว่างสหรัฐ-จีนเพื่อหาข้อสรุป Trade war ในวันที่ 30 พ.ย. - 1 ธ.ค. ประกอบกับราคาน้ำมันดิบที่ฟื้นตัวขึ้นจากคาดการณ์การประชุมโอเปกในวันที่ 6 ธ.ค. จะปรับลดการผลิตลง รวมถึงการเลือกตั้งในประเทศที่ชัดเจนมากขึ้นหลังครม.-คสช.หารือเตรียมปลดล็อคกิจกรรมการเมืองในการประชุมร่วมวันที่ 7 ธ.ค.นี้ ซึ่งหนุนต่อภาวะตลาดในช่วงนี้ อย่างไรก็ตามกระแส Fund Flow ต่างชาติที่ยังคงไหลออกต่อเนื่องโดยเป็น Net sell 1 หมื่นลบ. และ Net Short TFEX 4 หมื่นสัญญา (MTD.) จะกดดันต่อทิศทางดัชนีให้มีสลับอ่อนตัวได้ ดังนั้นจึงแนะนำเข้าลงทุนแบบซื้อเก็งกำไร  

 

          - กลุ่มค้าปลีก (HMPRO, ROBINS, CPALL) รัฐบาลเตรียมออกมาตรการช็อปช่วยชาติในช่วงปลายปี  

          - กลุ่มสายการบิน (AAV, THAI, BA)  ได้อานิสงส์ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงแรงและครม.ออกมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวและผ่อนปรนวีซ่าเข้าประเทศ 

          - กลุ่มรับเหมา (STEC, SEAFCO) นิคมฯ (AMATA) รับผลบวกจากการเลือกตั้ง และโครงการขนาดใหญ่ภาครัฐ 

          - หุ้นเข้าคำนวณ MSCI Global Standard (GULF, MTC)  Small Cap (CBG, MBK, PRINC) มีผล 30 พ.ย. 

 

          หุ้นแนะนำวันนี้: MTC (ปิด 49 ซื้อ/เป้า 58) เก็งกำไรก่อนที่ดัชนี MSCI จะเริ่มมีผลบังคับใช้ในวันที่ 30 พ.ย. นี้ โดย MTC ได้รับคัดเลือกให้เข้าคำนวณในดัชนี MSCI Global standard รอบใหม่, KTB (20.2 ซื้อ/เป้า 23) เราเลือก KTB เป็นหนึ่งใน top pick กลุ่มธนาคารเนื่องจากคาดว่าจะมีผลกำไรเติบโตโดดเด่นที่สุดในปีนี้และปีหน้าประมาณ 30%yoy และ 11%yoy ตามลำดับ เป็นผลจากสินเชื่อภาครัฐที่คาดว่าจะเร่งตัวขึ้นและได้ผลบวกจากแนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้น, CENTEL (40.75 ซื้อ/เป้า 45) ได้ผลบวกจากภาครัฐออกมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวในช่วงปลายปี และเตรียมออกมาตรการช็อปช่วยชาติในช่วงสัปดาห์หน้า

          Top picks ปีนี้ : ANAN, BBL, CPALL, MTC, ROBINS และ SPALI  

          KSS report วันนี้ : COL (ปิด 22.9 ปรับลดเป็นถือ/เป้าใหม่ 25 จาก 35), IHL (ปิด 8.1 ซื้อ/เป้า 11.8)

 

          (+) ดาวโจนส์บวก 354 จุด ปิดบวกเป็นวันแรกในรอบ 5 วันทำการ จากแรงซื้อเก็งกำไรหุ้นค้าปลีกและเทคโนโลยี คาดหวังยอดขายออนไลน์พุ่งแรง : ดาวโจนน์บวกแรงกว่า 354 จุด (+1.46%) ปิดที่ 24,640 จุด จากแรงซื้อเก็งกำไรหุ้นในกลุ่มค้าปลีกและเทคโนโลยี ซึ่งคาดว่าจะได้ผลบวกอย่างมากจากยอดขายออนไลน์ที่ขยายตัว โดย อะโดบี อนาลิติค เป็นองค์กรที่ติดตามและวิเคราะห์ยอดขายออนไลน์ของสหรัฐคาดการณ์ว่ายอดขายออนไลน์ในช่วงวันไซเบอร์มันเดย์ปีนี้จะเพิ่มขึ้นแรงกว่า 18%yoy สู่ระดับ 7.8 พันล้านดอลลาร์ นับเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 

          (+) น้ำมันดิบฟื้นตัว (WTI+1.2$/bbl) คาดหวังกลุ่มโอเปกปรับลดกำลังการผลิตในการประชุมที่จะมีขึ้นในวันที่ 6 ธ.ค. : ราคาน้ำมันดิบเกิด Technical rebound หลังจากที่ร่วงแรงกว่า 23% ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา โดยราคาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 1.21 ดอลลาร์ (+2.4%) ปิดที่ระดับ 51.63 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล นักลงทุนยังคาดหวังเชิงบวกว่ากลุ่มโอเปกและกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันดิบอื่นๆจะปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบอีก 1.4 ล้านบาร์เรลต่อวันในการประชุมของกลุ่ม OPEC ในวันที่ 6 ธ.ค.นี้ 

          (+) โกลด์แมน แซคส์ มองบวก การประชุม G20 จะช่วยปลดล็อกปัญหาสงครามการค้า ขณะเดียวกันเชื่อว่าซาอุฯและรัสเซียจะตกลงกันเพื่อปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบได้ : โดย โกลด์แมน แซคส์คาดการณ์ว่า ราคาสินค้าโภคภัณฑ์จะกลับมาเพิ่มขึ้นประมาณ 17% ในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้า จาก 2 ปัจจัยหนุนคือ 1) คาดการประชุม G20 ในวันที่ 30 พ.ย.-1 ธ.ค.จะช่วยแก้ปัญหาสงครามการค้า และ 2) คาดประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน จะสามารถหารือนโยบายการผลิตน้ำมันกับมงกุฏราชกุมารโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน แห่งซาอุดิอาระเบียในการลดกำลังการผลิตได้