WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

Mayบล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
 
Market summary
          เมื่อวานที่ผ่านมา SET ปรับตัวขึ้นตามภูมิภาค โดยระหว่างชั่วโมงการซื้อขายมีแรงซื้อเด่นในกลุ่มพลังงานและปิโตร นำโดย PTT, PTTEP, PTTGC, IVL และกลุ่มธนาคารนำโดย KBANK, SCB, KTB กลุ่มขนส่ง BTS, BEM, AOT กลุ่มก่อสร้าง STEC, CK ณ.สิ้นวัน SET ปิดที่ 1,681.7 จุด (+6.4 จุด) ด้วยมูลค่าการซื้อขายราว 4.8 หมื่นลบ. ลดลงเมื่อเทียบกับวันก่อนหน้าที่ 5.0 หมื่นลบ. 
          นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นไทยเป็นวันที่ 4 ที่ 1,459 ล้านบาท พร้อมเปิดสถานะ Long SET50 index future สุทธิ 2,248 สัญญา 
 
Investment theme
          กลุ่มโรงไฟฟ้า มีประเด็นบวกใหม่ : จับตากระทรวงพลังงานเตรียมผลักแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศ (PDP) ปี 2561-2580 ให้กับกพช.ในเดือนหน้า คาดทราบรายละเอียดและ Public hearing ในช่วง 1Q62 โดยคาดการณ์ความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุด (peak) ในปลายแผนปี 2580 จะอยู่ที่ 61,965 เมกะวัตต์ (MW) เพิ่มขึ้นจากแผน PDP ฉบับปัจจุบัน (ปี 2558 - 2579) ที่คาดว่า Peak ในปลายแผนปี 2579 จะอยู่ที่ 49,655 MW โดยเรายังไม่ทราบรายละเอียดที่ชัดเจนว่ากำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นเป็นโรงไฟฟ้าประเภทใด แต่หากเป็น IPP คาดเป็นบวกต่อ GULF, EGCO, RATCH, GLOW, GPSC แต่หากแผนมีการสนับสนุนกลุ่มโรงไฟฟ้า SPP กลุ่มผู้ประกอบการที่อยู่ในกลุ่มนี้ ได้แก่ BGRIM, GPSC, GLOW, GULF โดยสรุปเราแนะเก็งกำไร EGCO จาก Valuation ที่ไม่แพง เปิดโอกาสต่อการเติบโตทั้งจากใน/ต่างประเทศ พร้อมปันผล 3% 
          Investment Theme:  ภายหลังปัจจัยการเมืองสหรัฐเริ่มผ่อนคลาย และเป็นไปตามคาดกล่าวคือ Democrat สามารถพลิกกลับมาชนะส.ส. ทำให้ Sentiment การลงทุนในภูมิภาคเอเชียรวมทั้งประเทศไทยดีขึ้นเล็กน้อย อย่างไรก็ตามประเด็นสงครามการค้าและนโยบาย Hawkish ของ FED ยังเป็นภาพใหญ่กดดันการลงทุนอยู่ ส่งผลให้เรายังคงแนะนักลงทุนเก็งกำไรในกรอบ SET บริเวณ 1,685 -1,700 โดยเน้นที่หุ้น Domestic ที่คาดไม่ได้รับหรือได้รับผลกระทบจำกัดจากปัจจัยต่างประเทศ ได้แก่ BEM, VGI 
 
Big issue
          เมื่อคืนที่ผ่านมา จีนรายงานยอดส่งออกเดือนต.ค.สูงกว่าคาดที่ 15.6% (คาด 11.0%) และนำเข้าสูงกว่าคาดเช่นกันที่ 21.4% (คาด 14.0%) และดุลการค้าต่ำกว่าคาดเล็กน้อยที่ 3.4 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ / ดร.วิษณุ ระบุเลือกตั้งก.พ. 62 ,ประกาศผล 24 เม.ย., เปิดสภา 8 พ.ค. , ครม.ใหม่แถลงแผน มิ.ย. / ค่าการกลั่นปรับลดลง 16% ที่ 4.2 เหรียญ/บาร์เรล
 
Stock pick : IVL
 
IVL : ทยอยสะสม 72.0  บาท/หุ้น
          เรามีมุมมองเป็นกลาง-บวกเล็กน้อยจากการประชุมนักวิเคราะห์วานนี้ ผู้บริหารเชื่อว่าสงครามการค้าส่งผลบวกต่อ IVL ที่มีฐานการผลิตกระจายอยู่ทั่วโลก และยังคงเชื่อมั่นว่าการปรับราคาขาย West PET จะช่วยชดเชยส่วนต่าง PET Spot ที่ลดลงเข้าสู่ปกติ ทำให้ Margin ในปี 2562 ไม่ต่ำกว่าปีนี้ ขณะที่ปริมาณขายยังเป็นปัจจัยหนุนการเติบโต
          กำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นทั้ง YoY เป็นไปตาม Core EBITDA/ton ที่เพิ่มขึ้น 40.2% YoY เป็น  153 เหรียญต่อตัน ผลประกอบการเพิ่ม QoQ แม้ Core EBITDA/ton จะลดลง 2.0% QoQ เนื่องจากปริมาณชขายเพิ่มขึ้น 7.2% QoQ เป็น 2.73 ล้านตัน  โดยคาด Q4 ชะลอตัวตาม seasonal อย่างไรก็ตาม Core 9เดือน คิดเป็น 82% ของประมาณการทั้งปี ส่งผลให้เราคงประมาณการกำไรปีนี้
 
          Trading idea -  CKP งบออกมาเด่น อย่างไรก็ตามราคาหุ้นปรับขึ้นมาสะท้อนไปบางส่วนแล้ว แนะทยอยขายทำกำไร และ Switch เข้าโรงไฟฟ้า IPP อย่าง EGCO, GULF / ทยอยขายทำกำไร LPN โดยผู้บริหารมีมุมมองเชิงลบต่ออุตสาหกรรม
 
Technical View
          ปิด Gap ไม่หลุด 1675 ยังคาดหวังการแกว่งในกรอบ 1675-1705 :  ดัชนีเปิดโดดทำ Gap จากแรงซื้อหลักจากหุ้นกลุ่มพลังงาน  จากนั้นปรับตัวขึ้นติดแนวต้าน 1690 แต่ยังไม่สามารถผ่านได้ จากนั้นแกว่งตัวออกข้าง ในระยะสั้นมองว่ามีโอกาสปรับตัวลงปิด Gap ที่ 1675 และหากเริ่มมีแรง Rebound จะยังคงมุมมองการแกว่ง Sidewayในกรอบ 1675-1690/1705 และยังแนะนำให้พิจารณาแรงขายตามแนวต้านเป็นขั้นๆ เพื่อทยอยขายทำกำไรตามแนวต้านต่างๆ โดยดัชนีจะเปลี่ยนจาก Sideway เป็นขาขึ้นเมื่อสามารถกลับไปยืนเหนือ 1705 กลยุทธ์การลงทุน 1) มีหุ้น : ในกรอบ 1675-1690/1705 และแนะนำขายทำกำไรที่แนวต้านเป็นขั้นๆ เนื่องจากแนวโน้มหลักยังเป็นการแกว่ง Sideway 2)  ไม่มีหุ้น : มองกรอบการเทรด 1675-1690/1705 แนะนำรอซื้อจังหวะอ่อนตัวสู่แนวรับ และขายกำไรในจังหวะ Rebound
          แนวรับ : 1665, 1675 แนวต้าน : 1690, 1705
 
Keep an eye on…
          ปัจจัยต่างประเทศ:  Trump พบ Abe สัปดาห์หน้า
          ปัจจัยในประเทศ:   PTT เตรียมหารือจะแบกรับค่าใช้จ่ายที่ภาครัฐเสนอลดราคาน้ำมันปลีก 3  บาท/ลิตร
 
หุ้นเทคนิค:
          PLANB  (B 6.50-6.65, Tp 7.00//7.20, Cut 6.40)
          MBK (B 24.50-24.80, Tp 26.00//27.00, Cut 24.00)
 
ข่าวเด่นเช้านี้
 
SAT โชว์ออเดอร์สหรัฐ 300 ล. ผลงานปี 62 ขยายตัวต่อเนื่อง (ทันหุ้น)
          SAT คาดรายได้ปีนี้ลดลงเล็กน้อย เหตุขาดรายได้จากธุรกิจสปริง ไร้กังวลเพราะมีออเดอร์ใหม่เข้ามาหนุน ขณะที่กำไรยังสวย ทั้งปีมีลุ้นทำนิวไฮจับตาวันนี้แจ้งงบ Q3 โบรกส่องกำไรโต 6.2% พร้อมแนวโน้มที่สดใสต่อเนื่องในปีหน้า ประเมินราคาเหมาะสม 27.50 บาท
          ความเห็น : คาด 3Q61 จะมีกำไรเท่ากับ 240 ล้านบาท (+31%QoQ, +7%YoY)  ซึ่งยังเติบโตได้แม้ว่าการเติบโตจะไม่สูงนัก จากฐานในปีก่อนที่สูง  คาดกำไรปกติ 4Q61 และ ปี 2562 จะเติบโตต่อเนื่อง  แรงหนุนจากการได้รับคำสั่งซื้อใหม่ และ การเติบโตของอุตสาหกรรมรถยนต์  ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขาย P/E ปี 2561 ที่ต่ำ 9.8 เท่า และ มีเงินปันผลตอบแทนที่ดี 4.9% เราคงคำแนะนำ ซื้อ ประเมินราคาเป้าหมาย 25.5 บาท เทคนิคระยะสั้นคาดแกว่งในกรอบ 20-21.5 บาท
 
GOLD เผย 9 เดือนแรกยอดโอนเกิน1หมื่นล้าน ทุ่ม 1.2 หมื่นล้านซื้อที่ดิน (ข่าวหุ้น)
          GOLD เผย 9 เดือนโกยยอดโอนแล้ว 10,737 ล้านบาท โต 28% พร้อมกวาดยอดขายกว่า 24,868 ล้านบาท ส่วนปี 2562 ตั้งเป้ารายได้ขายอสังหาริมทรัพย์ 19,000 ล้านบาท วางเป้ายอดขาย 34,000 ล้านบาท และทุ่มงบซื้อที่ดินใหม่ 12,160 ล้านบาท
          ความเห็น : เรายังคงชอบและคงแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมายปีหน้า 13.50 บาท/หุ้น เรายังคงมั่นใจว่า GOLD จะสามารถทำรายได้ กำไรสุทธิ และ Presales ในปี 2562  ที่ New Record High สะท้อนการเติบโตของ EPS ที่ 92% YoY โดดเด่นที่สุดในกลุ่ม รวมทั้ง GOLD มีความโดดเด่นที่มี Asset Value ที่เด่นและหนุนส่วน Recurring Income ให้แข็งแรง โดยเฉพาะการเปิดโครงการ สามย่าน มิตรทาวน์ ในปลายปี 2562  
 
PTTEP-เชฟรอนแบเบอร์ เข้าชิงชัยบงกช-เอราวัณ (ข่าวหุ้น)
          "PTTEP-เชฟรอน" ผ่านคุณสมบัติประมูลแหล่งบงกช-เอราวัณ" ซอง 1-3 เรียบร้อยแล้ว พร้อมลุ้นผลเปิดซองที่ 4 โดยจะใช้เวลาพิจารณา 2 สัปดาห์ก่อนชงครม. คาดประกาศรายชื่อผู้ชนะการประมูลภายในเดือน ธ.ค.61
          ความเห็น : : ความคืบหน้านี้ยังเป็นไปตามกำหนดการณ์ที่จะประกาศไว้ก่อนหน้า และเชื่อว่า PTTEP เป็นผู้หนึ่งในผู้มีโอกาสชนะการประมูล โดยเราประเมินมูลค่าเพิ่มหากชนะประมูลโครงการบงกช 100% ที่ 18 บาทต่อหุ้น แนะนำ ทยอยสะสม ราคาเป้าหมาย 160 บาท เทคนิคสร้างฐาน แนวรับ 138 บาท ต้าน 145 บาท
 
CKP โชว์กำไรออลไทม์ไฮ ลุ้นไซยะฯCOD ก่อนกำหนด จับตา GULF-BGRIM ปี 62 โต อานิสงส์ขึ้นค่า Ft (ข่าวหุ้น)
          CKP ฟอร์มเจ๋ง แจ้งไตรมาส 3 ฟันกำไรสุทธิ 398 ล้านบาท โตสนั่น 142% ได้ดีรายได้โรงไฟฟ้าพีก ดัน 9 เดือนอวดกำไรสุทธิ 477 ล้านบาท พุ่งกระฉูด 262% เผยโรงไฟฟ้าไซยะบุรีก่อสร้างคืบหน้า 96% แถมข่าวดีกกพ.หารือกฟผ.เปิดช่องเจรจาผู้ผลิตให้เปิด COD เร็วกว่ากำหนดเป็นต้นปี 62 หวังพยุงต้นทุนค่าเชื้อเพลิงไฟฟ้าไทย จับตา GULF-BGRIM รายได้ไฟฟ้าปี 62 โต รับผลบวกขึ้นค่า Ft งวด ม.ค.-เม.ย.62
          ความเห็น :  เชิงกลยุทธ์เราแนะนำเพิ่มความระมัดระวังหลังราคาหุ้นปรับขึ้นสะท้อนผลประกอบการ 3Q61 ที่แข็งแกร่งไปแล้ว แนวโน้มผลประกอบการ 4Q61 เริ่มชะลอตัว QoQ ส่วนการทยอยเริ่มเดินเครื่องทดสอบการผลิตโรงไฟฟ้า XPCL ยังไม่มีการบันทึกรายได้เข้ามา จนเริ่มเปิดดำเนินงานเชิงพาณิชย์ในเดือน ต.ค. 2562 เราอยู่ระหว่างทบทวนประมาณการและคำแนะนำเชิงปัจจัยพื้นฐานสำหรับ CKP ส่วนประเด็นการปรับขึ้น Ft คาดจะช่วยบรรเทาผลกระทบจากต้นทุนก๊าซที่เพิ่มขึ้นสำหรับกลุ่ม SPP ได้แก่ BGRIM, GLOW, GPSC และ GULF
 
SAWAD ซื้อหนี้ 1.1 พันล. โบรกฯคาดดันกำไรพุ่ง (ข่าวหุ้น)
          SAWAD ทุ่ม 1.1 พันล้านบาท ลุยซื้อหนี้มีหลักประกันจาก 2 แบงก์พาณิชย์เผยช่วงโค้งสุดท้ายยังมีหนี้จ่อประมูลอีกเพียบ มั่นใจมีความสามารถเรียกเก็บหนี้ พร้อมตั้งงบลงทุนเพื่อซื้อหนี้ปีหน้าไว้ที่ 3 พันล้านบาทด้านนักวิเคราะห์มองจะช่วยดันกำไรของ SAWAD ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ พร้อมยังแนะ "ซื้อ" เป้า 55 บาท
          ความเห็น : คาดแนวโน้มผลประกอบการ 3Q61 เติบโตได้ทั้ง QoQ และ YoY และจะสามารถเร่งตัวขึ้นได้ต่อเนื่องในปีหน้า สอดคล้องกับการเข้าซื้อหนี้เพิ่มเติมเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยผลการดำเนินงานเติบโตอีกทางหนึ่ง ดังนั้นจากภาพธุรกิจที่เติบโตคาดจะเป็น sentiment บวกต่อการเก็งกำไรเพิ่มเติม เทคนิคเด่น ต้าน ถัดไป 50 รับ 46.5 บาท
 
Go with the Flow : กระแสเงินทุนต่างชาติ / ธุรกรรม Short-Selling / NVDR
          กระแสเงินทุนต่างชาติ - กระแสเงินทุนมีทิศทางไหลเข้า ยกเว้นประเทศฟิลิปินส์ที่ไหลออก ทางด้าน TFEX ยัง Long สุทธิใน SET50 Futures 2,248 สัญญา และ Long สุทธิใน Single Stock Futures ที่ 4,689 สัญญา ด้านตลาดตราสารหนี้ ขายต่อ 119 ล้านบาท
          ธุรกรรม Short Selling - ปริมาณ Short Selling ลดลงมาอยู่ที่ 817.81 ล้านบาท นำโดย BEAUTY, PTTEP, CPALL, IVL และ MTC 
          การซื้อขาย NVDR - ปริมาณการซื้อ NVDR หนาแน่นกว่าฝั่งขายและซื้อต่อเนื่องมาหลายวันทำการ  นำโดยกลุ่ม Big cap ได้แก่ PTT, BBL, CPALL, AOT และ SCB สำหรับฝั่งขาย นำโดย ADVANC พลิกกลับมาขาย ตามด้วย TISCO, DTAC, IVL และ STA
          นักวิเคราะห์ : สรพล วีระเมธีกุล / วิจิตร อารยะพิศิษฐ / จรูญพันธ์ วัฒนวงศ์ 
          Research Department Tel. 02-658-5000

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!