- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 06 November 2018 22:56
- Hits: 3331
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ >> Earnings and Laggard Play
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index อ่อนตัวลงตามภูมิภาคตามคาดจากประเด็นเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีนที่ยังไม่แน่นอน รวมถึงยังรอดูผลการเลือกตั้งกลางเทอมสหรัฐฯคืนนี้ ส่วนด้านสถานะของนักลงทุนรายกลุ่มค่อนข้างไร้ทิศทางโดยนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิเป็นวันแรกในรอบ 23 วันแต่บางเพียง 142 ลบ. (และ Long ใน Index Futures ราว 3.2 พันสัญญา) ส่วนสถาบันในประเทศขายสุทธิ 186 ลบ.
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาดว่า SET จะมีจังหวะรีบาวด์ได้จากบรรยากาศการลงทุนที่ผ่อนคลายขึ้นหลังจากที่ปรับตัวลงวานนี้ แต่กรอบการบวกคาดว่ายังไม่กว้างเนื่องจากยังคงรอดูผลการเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐฯซึ่งจะทราบในช่วงเช้าวันพรุ่งนี้ ซึ่งหลักจากทราบผลที่ชัดเจน (ไม่ว่าจะออกมาทางใด) เราเชื่อว่าดัชนีมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นต่อได้ ส่วนระยะนี้หุ้นที่แนวโน้มกำไร 3Q18 แข็งแกร่งและมีลุ้นออกมาดีกว่าคาด รวมถึงยัง Laggard น่าจะ Outperform ตลาด
กลยุทธ์ : เก็งกำไรหุ้นที่คาดมีกำไร 3Q18 แข็งแกร่งและยัง Laggard
หุ้นเด่นเดือนพ.ย. : CHG, CK, PRM, PTTEP, TISCO
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาค US$108ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลออกจากเกาหลีใต้ US$129ล้าน ขณะที่ไหลเข้าไต้หวัน US$63ล้าน ส่วนไทยมีเม็ดเงินไหลเข้า US$4ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลออกจากภูมิภาคเพื่อติดตามการเลือกตั้งกลางเทอมสหรัฐและผลการประชุมเฟด
ชวนเม้าท์หุ้นเด่น >> PLANB <<
- แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมายปี 2019 เท่ากับ 8.20 บาท
- คาดกำไรสุทธิ 3Q18 ที่ 180 ลบ. +18% Q-Q, +20% Y-Y เพราะเป็น High Season และสื่อนอกบ้านยังได้รับความนิยมต่อเนื่อง อีกทั้ง ยังมีการขยายพื้นที่สื่อในหลายรูปแบบ และมีกลยุทธ์ทำ Engagement Marketing ทั้งด้านกีฬาและดนตรี ส่วนแนวโน้ม 4Q18 จะโตสูง Y-Y เพราะฐานต่ำในปีก่อน คาดกำไรทั้งปีนี้ที่ 623 ลบ. +35% Y-Y
- แนวโน้มการเติบโตใน 2-3 ปีข้างหน้ายังสดใส จากการถือหุ้น 19.48% ใน BMN และการลงทุนในต่างประเทศจากปัจจุบันที่มี 4 ประเทศ
- ประกาศงบ 12 พ.ย. 18
ประเด็นสำคัญวันนี้
(0) จับตาเลือกตั้งกลางเทอมสหรัฐฯ โดยครั้งนี้จะมีการเลือกส.ส. 435 คน และ ส.ว. 35 คน ซึ่งสัดส่วนที่นั่งระหว่างรีพับลิกัน:เดโมแครตในปัจจุบันของทั้ง 2 สภาอยู่ที่ 235:193 คน และ 51:47 คน ตามลำดับ ผลสำรวจส่วนใหญ่มองว่ารีพับลิกันจะยังครองเสี่ยงข้างมากในสภาล่าง แต่เดโมแครตจะกลับมาได้เสียงข้างมากในสภาสูง เรามองเป็นกลางต่อผลเลือกตั้งที่จะออกมา เพราะเชื่อว่าปธน.ทรัมป์จะใช้คำสั่งฝ่ายบริหารซึ่งไม่จำเป็นต้องผ่านคองเกรส ในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่สำคัญต่อไป ความผันผวนที่อาจเกิดขึ้น หากเดโมแครตสามารถกลับมาครองเสียงข้างมากได้อย่างน้อย 1 สภา จะเป็นเพียงภาวะชั่วคราว ในทางตรงข้ามอาจทำให้กระแสเงินไหลออกจากตลาด DM เข้าหา EM ซึ่งจะเป็นบวกกับ SET ตรงที่ต่างชาติได้ปรับพอร์ตไปมากแล้ว และพื้นฐานเศรษฐกิจรวมถึงกำไรของ บจ. แข็งแกร่ง
(+) กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ยอด Presales 3Q18 เร่งขึ้น 24% Q-Q และ 26% Y-Y ตามการเปิดโครงการใหม่ที่เพิ่มขึ้น ส่วนกำไรปกติ 3Q18 คาด +8% Y-Y แต่ -8% Q-Q เพราะคอนโดบางแห่งเริ่มโอนช่วงปลายไตรมาส แต่คาดจะทำจุดสูงสุดของปีใน 4Q18 จากการเร่งโอนเต็มที่ ราคาหุ้นกลุ่มอสังหาปรับลง 6-10% ภายใน 1 เดือน สะท้อนความกังวลกับมาตรการควบคุมสินเชื่อที่อยู่อาศัยไปมากแล้ว เรามองว่าข้อสรุปของธปท.ที่จะออกมาภายในเดือนนี้ มีความเป็นไปได้สูงที่จะเลื่อนไปบังคับใช้ในช่วง 2H19 (จากเดิม 1 ม.ค. 2019) และอาจมีการผ่อนปรนเกณฑ์ LTV เราเลือก QH ราคาเป้าหมาย 3.90 บาท เป็น Top Pick จากกำไร 3Q18 ที่โตดี ได้รับผลกระทบจากมาตรการธปท.จำกัด และมีปันผลเด่น 6-7% ต่อปีช่วยจำกัด Downside
(+) TU กำไรสุทธิ 3Q18 เท่ากับ 1,310 ลบ. เพิ่มขึ้นจากที่ทำได้เพียง 10 ลบ. ใน 2Q18 แต่ลดลง -24% Y-Y หากไม่รวมรายการพิเศษ จะมีกำไรปกติ 1,576 ลบ. (+57.3% Q-Q, +15.7% Y-Y) สูงสุดในรอบ 8 ไตรมาส และดีกว่าเราคาดที่ 1,323 ลบ. จากปัจจัยฤดูกาลที่เป็น High Season และกำไรสต็อกตามราคาปลาทูน่าที่ฟื้นตัวจากจุดต่ำสุดในเดือน ก.ค. กอปรกับการกลับมาซื้อของลูกค้า OEM รวมถึงสถานการณ์ค่าเงินบาทที่ค่อนข้างทรงตัวจากไตรมาสก่อน ส่วนแนวโน้มกำไรปกติ 4Q18 คาดชะลอ Q-Q เพราะเป็น Low Season และราคาปลาทูน่าเริ่มอ่อนตัวลง แต่ด้วยกำไร 9M18 ที่ทำได้ดีกว่าคาด เราจึงปรับกำไรปีนี้ขึ้น 17% เป็น 4,174 ล้านบาท (-8.5% Y-Y) ส่วนประมาณการปี 2019 เราคาดไว้ตามเดิมราว 5,488 ลบ. +31.5% Y-Y ยังคงราคาเป้าหมายปี 2019 เท่ากับ 20 บาท แนะนำซื้อ
(0) SISB เป็นผู้รับใบอนุญาตจัดตั้งโรงเรียนเอกชนนานาชาติและได้นำหลักสูตรของประเทศสิงคโปร์มาใช้เป็นพื้นฐานในการจัดการเรียนการสอน ปัจจุบันมีโรงเรียนในกลุ่ม 5 โรงเรียนและเปิดสอนตั้งแต่ระดับเตรียมอนุบาลถึงม.6 สามารถรองรับนักเรียนได้สูงสุด 4,175 คน เราคาดว่า SISB อยู่ใน Growth Stage เนื่องจากการลงทุนครั้งใหญ่เสร็จสิ้นแล้ว ระยะเวลาตั้งแต่ปี 2019 เป็นต้นไปจะเป็นช่วงเก็บเกี่ยวกำไร เนื่องจากลักษณะต้นทุนส่วนใหญ่เป็นคงที่/กึ่งคงที่ทำให้ธุรกิจมี Operating Leverage เราคาดว่า SISB จะมีการเติบโตของกำไรในปี 2019-2021 ที่ราว 51% ต่อปี โดยมีปัจจัยสำคัญจาก 1.การเติบโตของรายได้ 2. Efficiency ที่เพิ่มขึ้นจากต้นทุนการให้บริการทางการศึกษา และ 3.คาดค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยที่ลดลง ประเมินมูลค่าเหมาะสมปี 2019 ด้วยวิธี DCF ได้เท่ากับ 8.84 บาท (FSS เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้น IPO ของ SISB)
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
6 พ.ย. - สหรัฐฯ: เลือกตั้งกลางเทอม
8 พ.ย. - จีน: ดุลการค้า ต.ค. 18 คาดส่งออก +9% Y-Y
9 พ.ย. - สหรัฐฯ: ประชุม FOMC
13 พ.ย. - อิตาลี: เสนอแผนดุลงบประมาณรอบใหม่ต่อ EC
30 พ.ย. - 1 ธ.ค. - ประชุม G20
(+) ดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นจากการประกาศซื้อหุ้นคืนของ Berkshire Hathaway's Class B กว่า US$ 1 พันล้าน รวมถึง Credit Suisse ที่ปรับคำแนะนำหุ้น Chevron เป็น Outperform เป็นอีกปัจจัยที่ช่วยหนุนกลุ่มพลังงานและดัชนี
(-) ภาพรวมตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลง หลังนักลงทุนกลับมากังวลเรื่องปัญหาในอิตาลีอีกครั้ง
(+) ตลาดเอเชียเช้านี้ปรับตัวขึ้น ตาม Sentiment เชิงบวกจากฝั่งสหรัฐ
(-) ค่าเงินบาทพลิกกลับมาอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ล่าสุดอยู่ที่บริเวณ 32.92 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. ลดลง 0.04 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 63.10 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังสหรัฐผ่อนผันให้ประเทศพันธมิตร 8 ประเทศสามารถนำเข้าน้ำมันดิบจากอิหร่านต่อไปได้อีก 6 เดือน
(-) ค่าการกลั่นสิงคโปร์ปรับตัวลงจากวันก่อนหน้า ล่าสุดมาอยู่ที่ 4.90 ดอลลาร์/บาร์เรล
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. ลดลง 1.00 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 1232.3 ดอลลาร์/ออนซ์
Contact person : Jitra Amornthum
Register : 014530
Tel: 02-646-9966
www.fnsyrus.com
FB: Finansia Syrus Research