- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 05 November 2018 21:58
- Hits: 4139
บล.บัวหลวง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
ภาพตลาดและแนวโน้ม
คาดหุ้นไทยบวกสวนตลาดหุ้นเพื่อนบ้าน
วันนี้คาดหุ้นไทย จะไม่ลงตาม ตลาดหุ้นโลกที่มีการพักฐาน หลังจากรีบาวด์แรงเป็นส่วนใหญ่ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา (ตรงข้าม คาดมีลุ้นเขียวอ่อนๆ)
สำหรับการปรับขึ้นต่อในระยะสัปดาห์ คาดปัจจัยหนุนจะ มาจาก 1) แนวโน้มผลการดำเนินงาน บจ.ไทย 3Q18 ที่ไม่ได้แย่ไปกว่าคาด ซึ่งถ้าไม่มี "Earnings cut แบบรุนแรง" นั่นหมายความว่า Equity yield gap และ Forward PE ของไทย ณ.ระดับดัชนีฯ 1,600 จุด คือจุดซื้อ "Bargain hunting" 2) คาดผลเลือกตั้งกลางเทอมสหรัฐฯ จะหนุนหุ้นเกิดใหม่รีบาวด์ 3) แรงขายฝรั่งคาดว่าจะเริ่มลดลง
What to watch:
(+) การรายงานกำไร บจ.3Q18 ถ้าออกมาดีกว่าคาด หรือ ตามคาด ส่วนใหญ่ เราเชื่อว่า ตลาดหุ้นไทยพร้อมทะยานขึ้น เพราะ Equity yield gap จะสะท้อน Valuation ที่ถูกมาก และแน่นอน หุ้นรายตัวที่กำไร ดีกว่าคาด ตลอดจน หุ้นรายตัวที่ถูกปัจจัยลบ บดบังกำไร และกดดันราคาหุ้นมานาน ถ้ากำไร 3Q ดีกว่าคาด จะส่งผลให้เกิดแรงซื้อคืน เช่นหุ้น เชื่อมโยงท่องเที่ยว ค้าปลีก อสังหาฯ เกษตรอาหาร
(+) เลือกตั้งกลางเทอมสหรัฐฯ 6 พย. ไม่ว่าจะเกิด Landslide คือ "เดโมแครต หรือ รีพลับริกัน ชนะขาดลอย กวาดที่นั่งเรียบทั้ง 2 สภา" หรือ แบ่งที่นั่งในสภาตามผลโพล เราคาดว่า จะส่งผลบวกต่อตลาดหุ้นเกิดใหม่ ไม่ว่าผลออกมาแบบไหนก็ตาม
(+) เรามองว่ามีความเป็นไปได้ ที่เม็ดเงินลงทุนต่างชาติจะไหลออกจากตลาดหุ้นพัฒนา เข้าตลาดหุ้นเกิดใหม่ และเราเริ่มเห็นสัญญาณว่าได้เกิดขึ้นแล้วด้วย จากรายงาน MS
(+) ช่วงนี้จะมีกระแสข่าวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เกี่ยวกับการหารือนอกรอบของ ปธน.จีน และ สหรัฐฯ เพื่อลดความตึงเครียดทางการค้า ในการประชุม G20 ปลายเดือนนี้
(+) คาดเฟดส่งสัญญาณ ผ่อนคลายหลังการประชุม อิงตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯที่เริ่มแผ่วลง
หุ้นแนะนำ
BJC BGC ดักงบกลุ่มผู้ผลิตขวดแก้ว กำไรดีกว่าตลาดคาด
รายงานวันนี้
BH: Time to lock in profits
เราแนะให้นักลงทุนล๊อคกำไรก่อนที่บริษัทจะรายงานกำไร 3Q18 ซึ่งจะเป็นไตรมาสที่ดีที่สุด และเรากำลังเข้าสู่ช่วงที่กำไรไม่น่าตื่นเต้นในช่วง low season 4Q-1Q นอกจากนี้เรามีการปรับกำไรปี 2018-19 ลง 3% และ 7% ตามลำดับ เพราะรายได้มีโอกาสโตน้อยกว่าคาด จากหุ้นที่วิ่งขึ้นมา ส่งผลให้ valuation ไม่ถูกแล้ว ปัจจุบันหุ้นเทรด PE 32 เท่า บนกำไรปี 2019 และจากข้อมูล 2 ปี ที่ผ่านมา BH จะเทรดใน PE กรอบ 30-33 เท่า ปัจจุบันจึงนับว่าไม่ได้เปรียบในการเข้าซื้อ ในเชิงพื้นฐาน เราปรับคำแนะนำเป็น ถือ
HMPRO: Sustained momentum
แม้ว่ายอดขายใน 3Q18 จะพลาดเปาจากสภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวยและการฟนตัวของภาคการบริโภคที่ช้า อย่างไรก็ตามอัตรากำไรขั้นต้นขยายตัวได้ดีกว่าคาดจากสัดส่นสินค้าตัวเองที่มากขึ้น หนุนให้กำไรเป็นไปตามคาด SSSG ในเดือน ต.ค. ยังคงถูกดดันจากฝนตก แต่คาดจะกลับมาฟนตัวใน พ.ย. หลังจากภาคการก่อสร้างกลับมาเริ่มอีกครั้ง เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 15.50 บาท
KTB: Recovery play
เรามองว่าอัตราการเติบโตของสินเชื่อจะพลาดเปาที่ 6-7% หลังจาก 9 เดือนทำไปได้เพียง 2.2% อย่างไรก็ตามเราคาด NIM จะขยายตัวขึ้นใน 4Q18-2019 จากสัดส่วน high-yield retail loan ที่มากขึ้น โดยรวมเราคาดกำไร 4Q18-2019 จะเติบโตได้ดี หนุนโดยการเติบโตของสินเชื่อจากภาครัฐและกลุ่มลูกค้ารายย่อย และการตั้งสำรองที่ลดลง หลังจากมีการเลื่อนการใช้ IFRS9 เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ
Quick Take
IVL: Acquisition of fibers business in Brazil
IVL ลงนามเข้าซื้อกิจการในสัดส่วน 100% ของบริษัท M&G Fibras Brasil Ltda. เมื่อวันที่ 1 พ.ย. 2018 ซึ่งเป็นโรงงานที่ผลิต polyester staple fiber (PSF) ซึ่งมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 75 KTA และตั้งอยู่ใกล้กับโรงงาน PET -อง IVL เราคาดว่าต้นทุนการเข้าซื้ออยู่ที่ EV/EBITDA 4-6 เท่า เป็นไปตามดีลที่เกิดขึ้นในอดีต โดยการเข้าซื้อกิจการดังกล่าวคาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน 4Q18 ซึ่งบริษัทจะจัดหาเงินทุนจากทั้งเงินสดและการกู้เงินซึ่งเรามองว่าไม่ใช่ปัญหาจากสถานะทางการเงินแข็งแกร่งด้วยอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของเจ้าของเพียง 0.6 เท่า ณ สิ้นเดือนมิ.ย. เรามีมุมมองเชิงบวกกับการเข้าซื้อกิจการในครั้งนี้จะเป็นการเปิดโอกาสทางธุรกิจไฟเบอร์ในบราซิล ซึ่งเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในทวีปอเมริกาใต้ นอกจากนี้ยังได้รับอานิสงค์จากกลยุทธ์และการขนส่งจากข้อตกลงเขตการค้าเสรีกับประเทศแถบลาตินอเมริกา เราคาดการณ์เบื้องต้นว่าการเข้าซื้อกิจการนี้จะสร้างกำไรส่วนเพิ่ม 0.5% สำหรับปี 2019 และต่อราคาหุ้นประเมินมูลค่าด้วยวิธี DCF เพิ่มขึ้นประมาณ 0.30 บาทต่อหุ้น เรายังคงคำแนะนำ "ซื้อ" ด้วยราคาเป้าหมายปี 2019 ที่ 86 บาท
หุ้นมีข่าว
(+) "สมคิด" แย้ม คลังพร้อมชงมาตรการกระตุ้นท่องเที่ยวปลายปีเข้า ครม. 6 พ.ย.นี้ ด้าน ททท.ใจชื้นผลคาดการณ์ภาพรวมสถานการณ์ท่องเที่ยวปี 61 รายได้มีสิทธิ์เติบโต 9.6% จากเปาที่ตั้งไว้ 8% แต่ยังผวาหากสถานการณ์ตลาดนักท่องเที่ยวจีนไม่ฟนตัวอย่างรวดเร็ว ในปี 2562 จะทำให้รายได้ต่ำกว่าเปา (ที่มา ไทยรัฐ)
(*) NYT ปูทาง 'นามยง เทอร์มินัล' ทำท่าเทียบเรือ A5 ต่อหลังสัญญาสิ้นสุด (ที่มา แนวหน้า)
(+) อธิบดีกรมการค้าภายใน ได้เปิดเผยสถานการณ์ราคาข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2561/62 ว่า ผลผลิตเริ่มออกสู่ตลาดมากตั้งแต่ปลายเดือนตุลาคม 2561 โดยคาดการณ์แนวโน้มราคาข้าวเปลือกที่เกษตรกรขายได้ยังคงมีราคาสูงกว่าปีที่ผ่านมาทุกชนิดข้าว แม้ข้าวฤดูกาลใหม่จะออกสู่ตลาด เนื่องจากมีคำสั่งซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่องจากต่างประเทศ อาทิ จีน อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ ญี่ปุน และประเทศในแถบแอฟริกา โดยในปี 2561 คาดการณ์ว่าประเทศไทยจะสามารถ ส่งออกข้าวได้ตามเปาหมายที่ตั้งไว้ที่ปริมาณ 11 ล้านตันอย่างแน่นอน (ที่มา แนวหน้า)
(+) S เครดิต สวิส สิงคโปร์ ดอดเก็บหุ้น สิงห์ เอสเตท ต่อเนื่องช่วงเดือน ก.ย.-ต.ค. ส่งผลถือ 5.68% (ที่มา โพสต์ทูเดย์)
(+) COM7 มีมติ ให้บริษัท บานาน่า กรุ๊ป จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อย เข้าลงทุนทั้ง 100% ในบริษัท ดีเอ็นเอ รีเทล ลิ้งค์ จำกัด (DRL) ซึ่งประกอบธุรกิจจำหน่ายอุปกรณ์สื่อสาร ภายใต้ชื่อ KingKong Phone มูลค่ารวม 210 ล้านบาท โดยเป็นการซื้อหุ้นทั้งหมดจากกลุ่มบมจ.ดีเอ็นเอ 2002 (DNA) ที่ถือหุ้นอยู่ 79.99% ,ซื้อจากนายประสิทธิ์ ศรีรุ่งธรรม จำนวน 20% และซื้อจากนายสามารถ ฉั่วศิริพัฒนา จำนวน 0.0001% (ที่มา ตลท.)
วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ Tel. (662) 618-1336
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน/ปัจจัยทางเทคนิค
ธนัท พจน์เกษมสิน,นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
นภนต์ ใจแสน, นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน
Trend Forecasting
SET Index ปิด 1681.84(+0.86%) มูลค่าการซื้อขาย 6 หมื่นล้านบาท
SET Index break out when US Dollar bear.
ตลาดหุ้นไทยบวกแรงทะลุแนวต้านสำคัญ สวนทางค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง แนวโน้มตลาดจะขึ้นได้อีกหรือไม่...
มุมมองตลาด: ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับเพิ่มขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ในรอบ 2 สัปดาห์เนื่องจากจากมูลค่าหุ้นถูกและฟนตัวจากภาวะขายมากเกินไป Oversold ปัจจุบันดัชนีปิดทะลุแนวต้านสำคัญ 1670 จุด สอดคล้องกับเครื่องมือทางเทคนิค อาทิเช่น MACD และ RSI แสดงระดับต่ำสุดที่สูงขึ้นและมีสัญญาณตัดเส้น Signal line ซึ่งเป็นสัญญาณเชิงบวก นอกจากนี้เราแสดงตัวชี้วัดบางส่วนที่ใช้วัดเมื่อตลาดถึงจุดเปลี่ยนรอบเป็นขึ้น เช่น การทะลุเส้นค่าเฉลี่ยระยะสั้น-กลางพร้อมกับการปรับตัวขึ้นของหุ้นในแต่ละกลุ่มอุตสาหกรรมขึ้นตามภาวะตลาดได้อย่างแข็งแกร่ง จับตาสัญญาณอ่อนค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ อาจส่งผลให้กระแสเงินลงทุนไหลกลับ คำถาม:ดัชนีจะขึ้นไปได้อีกไกลแค่ไหน? ตัวเลข Fibonacci ratio จะแสดงจุดต้านไว้ที่ 1700 (Fibonacci 61.8%) กรณีทะลุขึ้นไปได้จะมีแนวต้านถัดไปที่ 1730 จุด (Fibonacci 78.6%)
กลยุทธ์การเลือกหุ้น: ในภาวะตลาดมีแนวโน้มปรับขึ้นเราแนะนำการเลือกหุ้นที่มีสัญญาณโดดเด่น โดยใช้ parameter หลักได้แก่ 1.วอลุ่มสูงเพิ่มขึ้นมากกว่าค่าเฉลี่ยในรอบ 1 สัปดาห์ 2.ราคาปิดฟนตัวจากแนวรับ 3.หุ้นที่เริ่มแสดงความแข็งแกร่งจากค่า RSI ฟนตัว 4.สัญญาณซื้อจากเครื่องมือ Stochastic MACD และ เส้นค่าเฉลี่ย 5. ใช้จุด Stop loss หากไม่เป็นไปตามคาด
Technical screen: PTTEP,BEAUTY,ORI (laggard plays)
Port หุ้นคงเหลือ: KKP,PTTEP, IVL ,AOT, AMATA, QH, CPALL, CENTEL, WHA
แนวโน้มระยะสั้นมอง SET Index แนวรับ 1,675 แนวต้าน 1,695 / SET100 รับ 2450 ต้าน 2475 BSET100 รับ 10.80 ต้าน 10.90 / BMSCITH รับ 12.50 ต้าน 12.60
ธนรัตน์ อิศรกุล นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์และปัจจัยทางเทคนิค
[email protected] +662-618-1334
Track with Technical
PTTEP
แนะนำ:ซื้อ
เป้าหมาย: 148.00-150.00
Stop loss < 139.00
เหตุผล: หุ้นส่งสัญญาณฟนตัวขึ้นจากแนวรับได้อย่างแข็งแกร่ง หนุนด้วยสัญญาณกลับตัวจากค่า Stochastic
BEAUTY
แนะนำ:ซื้อ
เป้าหมาย:12.00-12.5
Stop loss <10.00
เหตุผล: หุ้นกลับขึ้นมายืนปิดเหนือเส้นค่าเฉลี่ยระยะกลางได้อย่างแข็งแกร่ง หนุนด้วยเครื่องมือวัดโมเมนตัม DI+ บ่งชี้การเปลี่ยนโครงสร้างขาขึ้น
ORI
แนะนำ:ซื้อ
เป้าหมาย:10.50-11.00
Stop loss <9.20
เหตุผล:ราคาฟนตัวเมื่อปรับลงที่จุดรับ Trend support ขณะที่ RSI ฟนตัวกรอบล่าง Oversold