- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 26 October 2018 22:23
- Hits: 6371
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
Market summary
เมื่อวานที่ผ่านมาในช่วงเช้า SET ปรับตัวลงตามภูมิภาคภายหลังเสีย Sentiment จากตลาดหุ้นสหรัฐที่ปรับหลุดเส้น 200 วัน ครั้งแรกในรอบ 2 ปี อย่างไรก็ตามในช่วงบ่ายเกิด Technical rebound โดยมีแรงซื้อเด่นใน PTTEP, PTT, SCC และกลุ่มธนาคารอย่าง SCB, KBANK และหุ้นใหม่อย่าง OSP, BGC ณ สิ้นวัน SET ปิดที่ 1,644.3 จุด (+21.0 จุด) ด้วยมูลค่าการซื้อขายราว 7.6 หมื่นลบ. เพิ่มขึ้นจากวันก่อนหน้าที่ 6.5 หมื่นลบ.
นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทยเป็นวันที่ 16 ติดต่อกันที่ 4,113 ล้านบาท (และขายรวมกัน 16 วันทำการมากกว่า 5.8 หมื่นล้านบาท) แต่กลับมาเปิดสถานะ Long SET50 index future สุทธิ 6,021 สัญญา
Investment theme
ประเมิน SET ลงมาเล่นในกรอบค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 8 ปี : ช่วงเวลา 2 ปีที่ผ่านมา SET ขึ้นไปซื้อขายบนกรอบบน ที่บริเวณค่าเฉลี่ย PER 8 ปีย้อนหลังที่บริเวณ 1 S.D.-2 S.D. หรือคิดเป็น PER บริเวณ 15.9-17.6 เท่า ซึ่งถือเป็นช่วงที่เศรษฐกิจโลกเติบโตเด่น ส่งผลบวกต่อการส่งออกของประเทศไทยที่สามารถเติบโตในระดับที่สูงกว่า 7-17% เป็นผลให้ GDP เติบโตสูงที่ 4-4.9% สร้าง Sentiment บวกต่อภาพการลงทุน อย่างไรก็ตามภายหลังการเกิดสงครามการค้า ส่งผลให้การค้าโลกชะลอตัว ส่งผลต่อภาคการผลิตที่สะท้อนผ่าน PMI ของหลายประเทศชั้นนำของโลกอย่าง สหรัฐ, จีน, ยุโรป และญี่ปุ่น ที่เริ่มเห็นสัญญาณการชะลอตัวพร้อมๆ กัน ในขณะที่นโยบายที่ Hawkish ขึ้นเรื่อยๆ ของสหรัฐเป็นเหตุสนับสนุนให้ Bond yield ของสหรัฐปรับตัวในอัตราเร่งส่งผลให้เกิดการเคลื้อนย้ายของเม็ดเงิน ในขณะที่ล่าสุด เริ่มเห็นการชะลอตัวของ 2 เครื่องยนต์สำคัญของไทยอย่าง การส่งออก, การท่องเที่ยว ซึ่งเป็นตัวสำคัญที่จะทำให้จุดเด่นของเราอย่างดุลบัญชีเดินสะพัดลดลง ทำให้อาจสภาพคล่องในประเทศที่ตึงตัวมากขึ้น เป็นผลให้เราปรับกรอบ SET ลงมา 1 ระดับที่ค่าเฉลี่ย -1S.D. หรือบริเวณ PER 14.2 – 15.9 เท่า
Investment Theme: เราประเมินแนวรับสำคัญบริเวณ 1,585 / 1,620 อย่างไรก็ตามภายหลัง SET ปรับตัวลงมากกว่า 100 จุด อาจเห็นภาพของการ Rebound บริเวณ 1,655 / 1,685 จุด และยังคงแนะถือเงินสดไม่ต่ำกว่า 40% ซึ่งหุ้นบางตัวปรับลงมาถึงในโซนที่เราประเมินว่าสามารถเริ่มกลับมาทยอยสะสมได้อีกครั้ง นำโดย CPN, MACO, GPSC และหุ้นที่คาดผลประกอบการ Q3 เด่น นำโดย BEM, STEC, SCCC และ TPIPP
Big issue
เมื่อคืนที่ผ่านมา – Putin แถลงรัสเซียพร้อมรับมือหากสหรัฐติดตั้งขีปนาวุธในยุโรป / สหรัฐขาดดุลการค้าเดือนก.ย. 7.6 หมื่นล้านเหรียญ โดยนำเข้าสูงถึง 2.17 แสนล้านเหรียญสหรัฐ / ECB คงดอกเบี้ย
Stock pick : -
Trading idea – แนะทยอยสะสม SCCC (ราคาเป้าหมาย 280.0 บาท) คาดผลประกอบการ Q3 เติบโตเด่น 80% YoY สนับสนุนจากความต้องการปูนในประเทศที่ฟื้นเด่น 5-7% และคาดดีต่อใน Q4 ในขณะที่ปัจจุบันปันผลสูงกว่า 4.8% / ทยอยสะสม GPSC ภายหลังราคาปรับตัวลงมากกว่า 25% ภายหลังกกพ.ไม่เห็นชอบซื้อ GLOW อย่างไรก็ตามเราไม่ได้มองเป็นลบ และเปิดโอกาสการเติบโตไปกับกลุ่ม PTT ต่อเนื่อง มองเป้า 66.0 บาท/หุ้น
Technical View
Rebound อย่างมีนัยยะจาก 1600 ลุ้นปิด Gap 1655 : ดัชนีเปิดโดดลงและสร้างฐานที่แนวรับ 1600 จากนั้นเกิดแรงซื้อหลักจากหุ้นกลุ่ม Big Cap. ทุกกลุ่ม ทำให้ในช่วงบ่ายดัชนีปรับตัวขึ้นแรง และสิ้นวันเกิดเป็นสัญญาณแท่งเทียนกลับตัวขึ้นในระยะสั้น วันนี้คาดดัชนีมีโอกาสปรับตัวขึ้นปิด Gap ที่ 1655 สำหรับการที่ดัชนีจะรักษาการ Rebound ต่อเนื่อง ระหว่างวันดัชนีไม่ควรอ่อนตัวหลุดแนวรับ 1630 และเนื่องจากดัชนีเริ่มมีแรง Rebound จึงมองกรอบการเทรด 1635-1655
กลยุทธ์การลงทุน 1) มีหุ้น : Trading ในกรอบ 1635-1655 เน้นขายทำกำไรแนวต้านเพื่อเล่นรอบ หากหลุด 1635 แนะนำ Lock Profit หรือ Stop Loss2) ไม่มีหุ้น : จังหวะอ่อนตัวหากไม่หลุด 1635 มองเป็นโอกาสซื้อเพื่อเล่นรอบในกรอบ 1635-1655
แนวรับ : 1630, 1635 แนวต้าน : 1655, 1665
Keep an eye on...
ปัจจัยต่างประเทศ: 26 ต.ค. สหรัฐรายงาน GDP ไตรมาส 3 / จีนเตรียมออกมาตรการพยุงดัชนีหลักทรัพย์
ปัจจัยในประเทศ: -
หุ้นเทคนิค:
GLOBAL (B 18.40-18.70, Tp 19.50//20.00, Cut 18.00)
COM7 (B 20.50-20.80, Tp 21.50//22.00, Cut 20.30)
นักวิเคราะห์ : สรพล วีระเมธีกุล / วิจิตร อารยะพิศิษฐ / จรูญพันธ์ วัฒนวงศ์
Research Department Tel. 02-658-5000
OO15472