CNS Daily Strategy: คาดตลาด “ย่อ” ต้าน 1632/1641จุด รับ 1600/1585จุด ตลาดโลกผันผวน หลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯโดนกดดันจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น ผสาน PMI Manufacturing ของยูโรโซน ปรับตัวลงทำจุดต่ำสุดรอบ 25 เดือน กดดันจิตวิทยาการลงทุน แต่อย่างไรก็ดี ราคาน้ำมันดิบ Brent เริ่มทรงตัว แม้สต๊อกน้ำมันดิบสหรัฐฯจะเพิ่มขึ้น แต่สต๊อกน้ำมันเบนซินกลับลดลง น่าจะลดแรงกดดันกลุ่มพลังงานได้ ผสานแรงหนุนในประเทศ ททท.เตรียมหารือยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่า (VOA) 21ประเทศ ช่วง2เดือนสุดท้ายของปี เพิ่มแรงเก็งกลุ่มท่องเที่ยวได้ วันนี้แนะนำ Theme “MSCI Play” : GULF, MTC

 

 

(-) US: ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯเริ่มโดนกดดันจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น

(-) EU: ดัชนี PMI Manufacturing ปรับตัวลงสู่ 52.1 ต่ำสุดในรอบ 25 เดือน

(*) OIL: ราคาน้ำมันดิบวานนี้ WTI +0.59 สู่ $66.82 /bbl / BRT -0.35% สู่ $76.17 /bbl

(*) Fund Flow:ล่าสุดขายหุ้น-3,975ลบ.,Short Future-11,235สัญญา,ซื้อBond+7,278ลบ.

(+) TH: ททท.เตรียมหารือยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่า (VOA) 21ประเทศ 2เดือนสุดท้ายของปี

 

Equity Daily Outlook : คาดดัชนีวันนี้ “ย่อ” ต้าน 1632/1641จุด รับ 1600/1585จุด ตลาดสินทรัพย์เสี่ยงโลกยังคงผันผวนรุนแรง กดดันจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ นำโดย ยอดขายบ้านใหม่ เดือนก.ย. ที่ระดับ 553,000แสนยูนิต ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2016 และเป็นการปรับตัวลงติดต่อกัน 4 เดือน เป็นผลมาจากอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯที่สูงขึ้น ผสานรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ (Beige Book) ที่ระบุถึงความกังวลต่อผลกระทบของมาตรการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าที่อาจจะกระทบต่อภาคธุรกิจของสหรัฐฯ ส่งผลให้ตลาดหุ้นดาวโจนส์ปรับฐาน ประกอบกับปัจจัยกดดันจากทางฝั่งยุโรป หลังดัชนี PMI Manufacturing ปรับตัวลงสู่ 52.1 ต่ำสุดในรอบ 25 เดือน ทำให้ตลาดยุโรปที่ฟื้นตัว พลิกกลับมาปิดในแดนลบ บ่งชี้ถึง Sentiment การลงทุนโลกที่ค่อนข้าง Volatile นอกจากนี้ ทิศทางค่าเงินดอลล่าร์ปรับตัวขึ้นยืนเหนือ 96.28 จุด กดดันค่าเงินเอเชียอ่อนค่าแรง ส่งผลให้ตลาดเอเชียเช้านี้ปรับตัวลง 2-3% และดัชนี ETF MSCI EM ปรับตัวลงกว่า -3.23% คาดกดดันตลาดหุ้นไทยปรับฐาน แต่อย่างไรก็ดี แรงกดดันจากทางฝั่งราคาน้ำมันดิบเริ่มลดลง หลังราคาน้ำมันดิบ Brent เริ่มทรงตัว โดยแม้สต๊อกน้ำมันดิบสหรัฐฯจะเพิ่มขึ้นมากกว่าคาด แต่สต๊อกน้ำมันเบนซินกลับลดลง -4.8ล้านบาร์เรล มากกว่าคาดที่ -1.4ล้านบาร์เรล น่าจะเป็นตัวลดแรงกดดันของกลุ่มพลังงานได้ ประกอบกับปัจจัยในประเทศ ททท.เตรียมหารือกับรองนายกฯสมคิด เกี่ยวกับมาตรการยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่า ณ ด่านตรวจคนเข้าเมือง หรือ Visa on Arrival (VOA) แก่นักท่องเที่ยวต่างชาติ 21 ประเทศรวมถึงประเทศจีนด้วย ช่วง 2 เดือนสุดท้ายของปีนี้ จะเป็นแรงหนุนกลุ่มท่องเที่ยว และหุ้น Domestic นอกจากนี้ Nomura มีการคาดการณ์ MSCI Rebalance รอบเดือน พย 2018 คาดประกาศเย็น 13 พย นี้ พบว่าหุ้นไทย  MTC, GULF มีโอกาสเข้าคำนวณรอบนี้ ขณะที่ไม่มีหุ้นที่ถูกคัดออก น่าจะเป็นตัวช่วยพยุงตลาด ผสาน SET ปรับฐาน ทำให้ Current PER18 ลงมาที่ 15.23X แล้ว ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาว 15.7X  ซึ่งกรณีลงไปซื้อขายต่ำกว่าค่า Current PER เฉลี่ยราว -1X หรือที่ PER 14.7X จะพบว่า SET จะมีฐานรับเชิงพื้นฐาน 1565จุด หรือคิดเป็น Forward PER18F เพียง 14.4X   ดังนั้นดัชนี 1620-1565จุด เป็น Zone ซื้อที่มีนัยฯ เชิงพื้นฐาน

 

 

Daily Strategy : ถือหุ้น 75% Sector Rotation เน้นสะสม Domestic Play BBL, KBANK, TMB, CPALL, ROBINS, ADVANC, CK, STEC, PYLON, AMATA, GOLD, SC, ERW, BH, และ Global Play (PTT, PTTEP) วันนี้เน้น “Theme “MSCI Play”

 

Nomura คาดหุ้นเข้า MSCI รอบเดือน พย 2018 MTC(คาดเม็ดเงิน 46ล้านเหรียญฯ), GULF(คาดเม็ดเงิน 45ล้านเหรียญฯ)

พรุ่งนี้ สมคิด หารือ มาตรการท่องเที่ยว 1) ลดค่าธรรมเนียมวีซ่า 21 ประเทศ 2 เดือน (2 พันต่อคน) 15 พ.ย.18 – 15 ม.ค.19 2) Double entry visa นักท่องเที่ยวจีน 180 วัน คาดเสนอครม.สัปดาห์หน้า หนุน AOT, ERW, SPA, MINT

BANK : พื้นฐานเด่น BBL, TMB, KBANK เด่น

น้ำมันใกล้รีบาวด์หลังลงสู่แนวรับ 75/73เหรียญฯ : หนุน PTT, PTTEP ทยอยสะสม

Investment Related Play : STEC, AMATA, WHA, CK,  PYLON

OCT 2018 Portfolio Top Picks : AMATA GUNKUL PTT TMB SC STEC

Election Play 2019 : PTT, PTTEP,  BBL, KBANK, TMB,  CPALL, ROBINS, ADVANC,  STEC, AMATA, SC, GOLD

Thailand Equity Outlook 4Q18F & Beyond : Election & MPC First Rate Hike Play

 

Election Play : PTT, PTTEP,  BBL, KBANK, TMB,  CPALL, ROBINS, ADVANC,  STEC, AMATA, SC, GOLD

MPC First Rate Hike Play  : BBL, KBANK, GFPT, TU, ADVANC and Investment Related : STEC, AMATA, GULF

Fundamental & Tactical Daily Top Picks :

 

GULF (TP19F 84*): Support 74.0/73.0 Resistant 76.5/77.0 

 

Earnings Outlook: คาดกำไร 3Q18F จะดีขึ้นทั้ง กำไรสุทธิและกำไรปกติ จาก 1) ผลกระทบ FX ลดลง โดยงวดนี้บาทแข็งค่าบวกต่อ GULF และกำไรปกติดีขึ้นจากการ COD โรงไฟฟ้า SPP เพิ่ม 2 โรงและ IPP ไม่มี Shutdown เหมือน 1H18 ขณะที่ ภาพระยะยาวยังดีมาก จากมีแผนเพิ่มโรงไฟฟ้าอีกเท่าตัวจากปัจจุบัน 2.2 พันMW เป็นกว่า 6.3 พันMW ใน 2024F และมี upside risk จากแผนลงทุนในต่างประเทศเพิ่ม

Valuation: TP19F ที่ 84 บาท รวมมูลค่าพื้นฐานเฉพาะที่มีสัญญาขายไฟแล้ว แต่มี Potential upside สูงจาก Structural change ของอุตสาหกรรมที่ PDP กำลังจะเปลี่ยนจากพลังงานทดแทนมาเน้นโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ ทำให้ GULF เป็นผู้ที่จะได้ประโยชน์สูงมาก รวมถึง การลงทุนโรงไฟฟ้าใหม่ในต่างประเทศ

Catalyst: NOMURA คาด GULF เข้า MSCI  (ประกาศคืน 13 พ.ย.) เม็ดเงินราว 45 ล้านเหรียญ 

MTC (TP19F 57*): Support 49.25/48.5 Resistant 52.25/53.0

 

Earnings Outlook: คาดกำไรสุทธิ 3Q18F 980 ลบ. โตเด่น +51% y-y, +7% q-q และทำ new high เพราะคาดรายได้ดอกเบี้้ยเพิ่มขึ้นตามการเติบโตของสินเชื่อจากการขยายสาขาเชิงรุก และสามารถรักษา NIM ได้ดี แม้ต้นทุนทางการเงินจะสูงขึ้น จากการออกหุ้นกู้ระยะยาวเพิ่มขึ้น แต่ได้รับชดเชยจากสินเชื่อ p-loan ซึ่งมี yield สูงเติบโตดี นอกจากนี้ระยะยาวยังโตเด่น คาดกำไรสุทธิปี 2018– 20F โตเฉลี่ย 35% ต่อปี จากสินเชื่อที่เติบโตเด่น และการควบคุมคุณภาพสินทรัพย์ที่ดี จึงเลือกเป็น Top Pick กลุ่มฯ

Valuation: ประเมินราคาเหมาะสมที่ 57 บาท คิดเป็น Implied PBV ที่ 7.2 เท่า discount จากค่าเฉลี่ยย้อนหลังที่ 8.4 เท่า เนื่องจากมีการเติบโตต่ำกว่าอดีต อย่างไรก็ตามราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายอยู่ที่เพียง 6.4 เท่า มองว่าเป็นจุดที่เหมาะสมในการเข้าลงทุน

Catalyst: NOMURA คาด MTC เข้า MSCI (ประกาศคืน 13 พ.ย.) เม็ดเงินราว 46 ล้านเหรียญ 

Note: TP (Bloomberg Consensus) , *TP(CNS), **TP(Nomura)