กลยุทธ์ : ตลาดหุ้นที่มีการปรับลงมาแรงกว่า 137 จุด จากระดับ 1760 จุดในต้นเดือนตุลาคมหรือ -7.8% ถือเป็นการปรับลดลงรายเดือนที่แรงที่สุดในปีนี้ จากก่อนหน้าในเดือนมิถุนายนที่ตลาดมีการปรับลดลง 125 จุด หรือ -7.3% จากระดับ 1720 จุด มาปิดปลายเดือนที่ 1595 จุดจากแรงขายของนักลงทุนต่างประเทศกว่า 48,651 ล้านบาท (จากการที่เฟดประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายครั้งที่ 2 ของปีและคาดการณ์ว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 2ครั้งในปีนี้ ทำให้นักลงทุนกังวลต้นทุนการเงินที่จะเพิ่มสูงขึ้น) แต่หากเรามองตลาดในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่าแรงขายของนักลงทุนต่างประเทศชะลอตัวลงเหลือประมาณ 1หมื่นล้านบาทและตลาดมีการฟื้นตัวได้ 106 จุดหรือ +6.65% ดังนั้นวิกฤตเลือดท่วมเงินจางในตลาดหุ้นไทยในเดือนนี้ หากมองให้ดีก็อาจเห็นเป็นโอกาสในการเข้าซื้อเพื่อรอขายทำกำไรเมื่อตลาดมีการฟื้นตัวในเดือนพ.ย. หรือ ธ.ค. ก็เป็นได้ วันนี้เรามองว่าตลาดมีความเสี่ยงที่จะปรับตัวลงไปทดสอบระดับแนวรับสำคัญที่ 1600 +/- โดยมองกรณีแย่สุด downside risk จะอยู่ที่ระดับ 1585 จุด ซึ่งเป็นจุดต่ำสุดในปีนี้ (เมื่อวันที่ 29/6/18) หากนักลงทุนติดหุ้นอยู่แนะนำให้ทำใจร่มๆ รอการฟื้นตัวในเดือนหน้า แต่หากถือเงินสดอยู่ก็เป็นโอกาสในการเข้าซื้อในวันนี้หากดัชนีปรับลงมาในระดับดังกล่าว กลยุทธ์การลงทุนในช่วงนี้ยังเน้น trading buy (ลงซื้อ ขึ้นขาย) สั้นๆ ไปก่อน จนกว่าจะมีปัจจัยบวกเข้ามา วันนี้มองแนวรับที่ 1600-1610 จุดและแนวต้านที่ 1630-1635 จุด แนะนำ ซื้อเก็งกำไร AOT CPALL LH PTTEP

 

  BBL KBANK : เราแนะนำ ซื้อ BBL KBANK โดยมีราคาเป้าหมาย 239 บาทและ 244 บาทโดยมองหุ้นกลุ่มธนาคารเป็นหุ้นปลอดภัย (defensive) ที่เป็นทางเลือกในการพักเงินในช่วงนี้เราเชื่อว่าธนาคารขนาดใหญ่น่าจะมีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเติบโตแข็งแกร่งในปี FY19 นำโดยNIM ที่เพิ่มขึ้น ส่วนรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยหรือรายได้จาก bancassurance จะยังกดดันผลกำไรขณะที่เรายังเลือก BBL และ KBANK เป็นหุ้น top pick เนื่องจากธนาคารทั้งสองแห่งจะได้ประโยชน์จากความต้องการสินเชื่อธุรกิจและรายย่อยที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ เราคาดว่า NIM จะเพิ่มสูงขึ้นจากแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย เราคาดว่าปีหน้า KBANK จะมี NIMเพิ่มขึ้นมากที่สุดในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ไทย โดยเราประมาณการว่า NIM ของ KBANK จะเพิ่มขึ้น 10bp ภายใต้สมมติฐานที่ธปท. ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 50bp ในปี FY19 ทั้งนี้แม้เราเริ่มเห็นอัตราผลตอบแทนจากสินเชื่อรายย่อยเพิ่มขึ้นบางส่วนใน 2Q18 แต่เชื่อว่าอุปสงค์การลงทุนของบริษัทไทยจะกระตุ้นให้อัตราผลตอบแทนจากสินเชื่อธุรกิจเพิ่มขึ้นในปี 2019เราจึงมองว่า KBANK น่าจะมีแรงกดดันด้านต้นทุนเงินทุนจำกัดในปี FY19 ด้วย CASA 70%และ LDR 97% ณ สิ้น 1H18

 

  25 ต.ค. : คาด PTTEP ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 3/61 โดย Bloomberg consensusคาดมีกำไรสุทธิ 12,912 ล้านบาท (จากขาดทุน 8,681 ล้านบาทในไตรมาส 3/60, +259% qoq)

  26 ต.ค. : คาด DELTA ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 3/61 โดย Bloomberg consensusคาดมีกำไรสุทธิ 1,472 ล้านบาท (+4.5% yoy, +5.9% qoq)

  26 ต.ค. : คาด GLOW ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 3/61 โดย Bloomberg consensusคาดมีกำไรสุทธิ 1,996 ล้านบาท (-17.2% yoy, +11% qoq)

  26 ต.ค. : คาด PSL ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 3/61 โดย Bloomberg consensusคาดมีกำไรสุทธิ 150 ล้านบาท (จากขาดทุน 174 ล้านบาทในไตรมาส 3/60, +63% qoq)

  1 พ.ย. : คาด HMPRO ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 3/61 โดย Bloomberg consensusคาดมีกำไรสุทธิ 1,354 ล้านบาท (+14.5% yoy, +3.2% qoq)

 

  ERW : Company note คำแนะนำ : ซื้อ ราคาเป้าหมาย : 8.70 บาท

  SCC : Company note คำแนะนำ : ถือ ราคาเป้าหมาย : 425 บาท

 

  กลยุทธ์ : SET Index ปรับตัวลดลงเกิดสัญญาณขายทางเทคนิคหลุดแนวรับที่ 1630 จุดลงไป แต่เราแนะนำให้ใช้เป็นจังหวะในการเข้าซื้อหุ้น เพื่อคาดหวังการฟื้นตัวในระยะสั้น โดยมีแนวรับถัดไปที่ 1614 จุดและมีแนวต้านสำหรับการดีดกลับที่ 1670 จุด

  Do Day Dream (DDD TB; THB 28.00) – ซื้อ

  Banpu Power (BPP TB; THB 23.50) – ซื้อ