เมื่อวานที่ผ่านมาเป็นอีกวันที่ SET เผชิญกับแรงขาย นำโดยกลุ่ม Global play และ Commodity อย่างพลังงานภายหลังราคาน้ำมันดิบปรับลดมากกว่า 4% นำโดย PTTEP, PTT และกลุ่มปิโตรอย่าง PTTGC, IVL กลุ่มโรงกลั่นอย่าง IRPC, TOP, SPRC , ESSO ณ สิ้นวัน SET ปิดที่ 1,623.3 จุด (-35.1 จุด) ด้วยมูลค่าการซื้อขายราว 6.5 หมื่นลบ. เพิ่มขึ้นจากวันก่อนหน้าที่ 4.0 หมื่นลบ.

นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทยเป็นวันที่ 15 ติดต่อกันที่ 3,975 ล้านบาท (และขายรวมกัน 15 วันทำการมากกว่า 5.4 หมื่นล้านบาท) และเปิดสถานะ Short SET50 index future สุทธิ 11,235 สัญญา

 

  SET ขาดปัจจัยสนับสนุน แนะรอประเมินสถานการณ์  : หากนับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา พบว่าตลาดหุ้นเอเชียเผชิญกับแรงขายทำกำไรอย่างมาก โดย MSCI Asia Pacific Ex.Japan เฉลี่ยปรับลดมากกกว่า 16% (ตลาดหุ้นจีน -22% เกาหลีใต้ -15% ฟิลิปปินส์ -16% และไทย -5%) สาเหตุหลักเกิดจากผลกระทบของสงครามการค้า ส่งผลให้เกิดความกังวลต่อการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก (IMF&World bank ปรับประมาณการอัตราการเติบโตเศรษฐกิจโลกลง ) โดยเฉพาะประเทศที่พึ่งพิงการส่งออกสูง ในขณะที่ฝั่งยุโรปยังมี 2 ปัจจัยเสี่ยงการเมืองอย่าง Brexit และ การผ่านร่างงบขาดดุลของอิตาลีกดดันการลงทุน เป็นผลให้ภาพรวมการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกยังคงถูกหลายปัจจัยกดดัน อีกทั้งใกล้เข้าสู่ช่วงการเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐในวันที่ 6 พ.ย. นักวิเคราะห์และโพลหลายสำนักเสียงแตกในเรื่อง Democrat มีโอกาสที่จะพลิกกลับมาครองเสียงส่วนมากในสภาล่าง เป็นผลให้เราประเมินว่าตลาดหุ้น พันธบัตร และ Dollar จะมีความผันผวนสูงมากเมื่อเข้าใกล้วันเลือกตั้ง เราแนะนักลงทุนชะลอการลงทุนเพื่อรอประเมินสถานการณ์อีกครั้ง

  Investment Theme:  แนะนักลงทุนให้เพิ่มความระมัดระวัง ถือเงินสดไม่ต่ำกว่า 40% และจากปัจจัยลบจากการชะลอตัวของภาคการท่องเที่ยวและการส่งออก เป็นอีกหนึ่งปัจจัยกดดันการลงทุนในระยะสั้น  แนะรอปัจจัยสนับสนุนใหม่จากทั้งต่างประเทศและในประเทศ แนะทยอยสะสมกลุ่มค้าปลีกที่มีหลายปัจจัยสนับสนุน และคาดรัฐออกมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อ (CPALL, BJC) กลุ่มก่อสร้างและวัสดุก่อสร้าง (TEAMG, STEC, SCCC)

 

  เมื่อคืนที่ผ่านมา –  กสทช.กำหนดวันให้ DTAC ประมูลคลื่น 900 Mhz ในวันที่ 28 ต.ค.นี้  / SCC รายงานกำไรจากการดำเนินงาน 3Q ใกล้เคียงคาดการณ์ / ยุโรปรายงาน PMI ภาคการผลิตต่ำกว่าคาดที่ 52.1 / Dollar กลับมาแข็งค่าที่บริเวณ 96.3

 

  Trading idea – ทยอยสะสม BJC คาดผลประกอบการเติบโต 23%QoQ, 17%YoY ที่ 1,615 ล้านบาท จากการขยายกำลังการผลิตขวดแก้ว และ Margin(%) ที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่คาด SSSG จาก BIGC พลิกมาบวกที่ 2.5% (จาก -0.5% ในไตรมาสก่อน)  / สะสม CPALL บริเวณ 65.0 บาท  / เก็งกำไร STEC คาดกำไร 3Q18 เติบโตเด่น YoY, QoQ พร้อมให้เป็น stock pick กลุ่มก่อสร้าง ราคาเป้าหมาย 29.0 บาท / ทยอยสะสม BEM คาดผลประกอบการ Q3 ทำระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์/ /หลีกเลี่ยงการลงทุนกลุ่มท่องเที่ยว AOT, CENTEL

 

 

  เปิด Gap ลงต่อ มองแนวรับถัดไปที่ 1600:  แรงขายต่อเนื่องจากหุ้นกลุ่ม Big Cap . ทำให้ดัชนีปรับตัวลงติดต่อกัน 5 วัน โดยวันนี้เปิด Gap โดดลง และระหว่างวันแกว่ง Sideway Down โดยไม่มีแรง Rebound ที่มีนัยยะ ยังคงมองแนวโน้มระยะกลางถึงยาวว่าดัชนีจะมีแนวโน้มปรับตัวลงต่อ มองแนวรับถัดไปที่ 1600 และ 1585 โดยระหว่างวันหากปรับตัวหลุด Low 1620 Downside จะเปิดมากขึ้น แนะนำ Stop Loss

  กลยุทธ์การลงทุน 1) มีหุ้น : หากหลุด 1620 แนะนำ Stop Loss หรือหาก Rebound ระหว่างวันแนะนำขายทำกำไรทันที  2)  ไม่มีหุ้น : แนะนำ เลิกเก็งกำไร และรอดูแนวโน้มตามแนวรับจนกว่าดัชนีจะเริ่มหยุดลงหรือมีสัญญาณ Rebound ที่ชัดเจนกว่านี้

แนวรับ : 1585, 1600 แนวต้าน : 1630, 1640

 

  ปัจจัยต่างประเทศ:  26 ต.ค. สหรัฐรายงาน GDP ไตรมาส 3 / จีนเตรียมออกมาตรการพยุงดัชนีหลักทรัพย์

  ปัจจัยในประเทศ:  สัปดาห์นี้  PTTEP รายงานงบ

 

  BEM (B 8.00-8.10, Tp 8.40//8.60, Cut 7.90)

  BCH (B 18.50-19.00, Tp 19.70//20.80, Cut 18.30)