- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 24 October 2018 17:03
- Hits: 6591
บล.ฟินันเซียไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ >> Stay in Domestic and Defensive Play
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ปรับตัวลงและปิดหลุดระดับ 1,660-1,665 จุดจากบรรยากาศการลงทุนที่เป็นลบโดยเฉพาะอย่างยิ่งจากฝั่งต่างประเทศ ขณะที่ตัวเลขส่งออกเดือน ก.ย. ของไทยที่หดตัวผิดคาด อย่างไรก็ตามเริ่มเห็นแรงขายของนักลงทุนต่างชาติชะลอตัวลงเหลือเพียง 62 ลบ. (และ Short ใน Index Futures ลดลงเหลือ 2,880 สัญญา) ขณะที่สถาบันในประเทศซื้อสุทธิ 597 ลบ.
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index มีโอกาสเปิดลบลงทดสอบบริเวณ 1,650 จุดหลังตลาดหุ้นทั่วโลกที่ร่วงแรงวานนี้ที่เราปิดทำการ โดยยังถูกกดดันจากความกังวลเรื่องเศรษฐกิจจีนที่ชะลอจากสงครามการค้า สถานการณ์ตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ-ซาอุฯ รวมถึงล่าสุด EC ได้ปฏิเสธร่างงบประมาณขาดดุล 2.4% ของอิตาลี อย่างไรก็ตามตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนสามารถรีบาวด์ลดช่วงลบได้บ้าง กอปรกับ SET ที่ปรับตัวลงแรงและเร็วใน 4 วันที่ผ่านมาทำให้มีโอกาสที่ฟื้นตัวในระยะสั้น แต่ตลาดที่ดูยังอยู่ในสถานะ Risk-off เราจึงยังมองว่าหุ้นในกลุ่ม Domestic และ Defensive Play จะยังปลอดภัยและแข็งแรงกว่าตลาด
กลยุทธ์ : ยังเน้นพักเงินในหุ้น Domestic และ Defensive
หุ้นเด่นเดือนต.ค. : BDMS, CPALL, CPN, MINT, PTTGC
Fund Flow เมื่อวันจันทร์-เมื่อวานนี้ กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาครวม US$1,202ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลออกจากเกาหลีใต้ US$724ล้าน ส่วนไทยมีเม็ดเงินไหลออก US$2ล้าน (เฉพาะวันจันทร์) แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลออกจากภูมิภาคหลังตลาดเพิ่มความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจจีนและการร่วงลงของราคาน้ำมันเนื่องจากซาอุฯส่งสัญญาณเพิ่มการผลิต
ชวนเม้าท์หุ้นเด่น >> CHG <<
แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 3.00 บาท
คาดกำไรปกติ 3Q18 ของ CHG ที่ 195 ลบ. +10.2% Q-Q, +15.8% Y-Y จากรายได้ที่โตโดดเด่นในกลุ่มผู้ป่วยเงินสด และไม่มีการกลับรายการรายได้เหมือนที่เกิดขึ้นใน 2Q18 ขณะที่ ค่าใช้จ่ายยังควบคุมได้ดีแม้จะมีเปิดจุฬารัตน์ 304
แนวโน้ม 4Q18 ยังโต Y-Y ต่อเนื่องจากฐานต่ำ คาดกำไรทั้งปีที่ 722 ลบ. +28% Y-Y และปีหน้า 788 ลบ. +9% Y-Y
ราคาหุ้นที่พักตัวถือเป็นโอกาสซื้อลงทุน และเหมาะที่จะใช้เป็นที่พักเงินช่วง SET ผันผวนในระยะสั้น
ประเด็นสำคัญวันนี้
(-) กระแสเงินยังไม่พร้อมลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง วานนี้ตลาดหุ้นภูมิภาคซึ่งอิงจาก MSCI Asia ex Japan Index ร่วงเฉลี่ย 1.3% แรงกดดันยังเป็นเรื่องเดิมคือ ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯกับประเทศต่างๆ เช่น จีน และผู้ค้าน้ำมันทั้งอิหร่านและซาอุดิอาระเบีย รวมถึงปัญหาฐานะการคลังของอิตาลี และการเจรจากรณี Brexit ขณะที่ ผลประประกอบการ 3Q18 ของหลายบริษัทใหญ่ในเอเชียส่งสัญญาณอ่อนแอจากผลกระทบของสงครามการค้า ทองคำและพันธบัตรดูน่าสนใจกว่าหุ้นในระยะนี้
(0) จีนอัดฉีดสภาพคล่องเพิ่มเติม เพื่อพยุงตลาดทุนในประเทศ โดยเข้าซื้อพันธบัตรผ่าน Reverse Repo อีก 1.73 หมื่นล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ ที่ดอกเบี้ย 2.55% ซึ่งเป็นการเพิ่มสภาพคล่องในตลาดทุนต่อเนื่อง จากก่อนหน้านี้ที่ลด RRR เพื่อลดภาระของสถาบันการเงิน และมีแนวคิดจะลดภาษีซึ่งคาดว่าจะมีมูลค่ารวมราว 1% ของ GDP การดำเนินการดังกล่าวของ PBOC แม้จะช่วยเพิ่มปริมาณเงินในระบบ แต่สะท้อนให้เห็นถึงการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อเศรษฐกิจในเอเชีย
(+) CENTEL คาดกำไรปกติ 3Q18 +7.4% Q-Q, +8.3% Y-Y อยู่ที่ 399 ลบ. นำโดยธุรกิจอาหารที่โตเด่น ขณะที่ธุรกิงโรงแรมยังประคองตัวได้แม้นักท่องเที่ยวจีนจะหดแรง โดยได้การลงทุนใหม่ๆตั้งแต่ปลายปีก่อนเข้ามาชดเชย ส่วนภาพการเติบโตในปี 2019 แม้จะยังมองโตได้จำกัด (+4.3% Y-Y) จากการปิดปรุงโรงแรมหลักหลายแห่ง แต่เรามองว่าราคาหุ้นสะท้อนปัจจัยดังกล่าวไปมาก ขณะที่ระยะสั้นมี Catalyst คือกำไร 3Q18 มีโอกาสโตดีสุดในกลุ่ม เราจึงปรับคำแนะนำขึ้นเป็นซื้อเก็งกำไร ปรับใช้ราคาเหมาะสมปี 2019 ที่ 46 บาท
(0) MAJOR คาดกำไรสุทธิ 3Q18 ไม่ตื่นเต้นที่ 260 ลบ. -51.4% Q-Q, -14.1% Y-Y และคาดกำไรปกติ -63.7% Q-Q, -4.8% Y-Y ตามปัจจัยฤดูกาลที่เป็น Low Season ก่อนจะดีขึ้นใน 4Q18 ซึ่งคาดว่าจะโตแรง Y-Y จากฐานต่ำ และมีหนังฮอลลีวู๊ดเด่น เช่น Venom, Fantastic Beast 2 รวมถึงหนังไทยที่กำลังทำเงิน คือ นาคี 2 เราคงคาดกำไรปกติทั้งปี 982 ลบ. +20% Y-Y และปีหน้า 1,084 ลบ. +10% Y-Y และปรับใช้ราคาเป้าหมายปี 2019 ที่ 29.50 บาท แนะนำซื้อ โดย MAJOR ถือเป็นหุ้นที่จ่ายปันผลสม่ำเสมอในระดับ 4.5-5% ต่อปี
(0) TIGER ทำรับเหมาก่อสร้างและออกแบบงานวิศวกรรม ออกแบบสถาปัตยกรรมและตกแต่งภายใน เชี่ยวชาญด้านการก่อสร้างโรงแรมและรีสอร์ทบนพื้นที่ที่มีภูมิประเทศและภูมิอากาศที่เป็นอุปสรรคแก่การก่อสร้าง รวมถึงงานสาธารณูปโภคเช่น วางระบบท่อส่งน้ำ ติดตั้งระบบสูบน้ำ และระบบผลิตน้ำประปา กำไรสุทธิ 1H18 ทำได้ 38 ล้านบาท +50% Y-Y คิดเป็น 43% ของประมาณการทั้งปีที่เราคาดที่ 89 ล้านบาท +31% Y-Y และคาดกำไรปี 2019 ที่ 144 ล้านบาท +62% Y-Y ประมาณการดังกล่าวมาจาก Backlog ที่มีอยู่แล้วครึ่งหนึ่ง ที่เหลือจากโอกาสในการชนะการประมูลโครงการในอนาคต ประเมินราคาเป้าหมายปี 2019 ที่ 4.65 บาท อิง PE 15 เท่า (FSS เป็นผู้ร่วมจัดจำหน่ายหุ้น IPO ของ TIGER)
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
25 ต.ค.- ยูโรโซน: ประชุม ECB
- เกาหลีใต้: 3Q18 GDP
26 ต.ค.- สหรัฐฯ: 3Q18 GDP
31 ต.ค. -1 พ.ย.- จีน: PMI ภาคการผลิต
4 พ.ย.- สหรัฐฯ: เริ่มมาตรการคว่ำบาตรอิหร่านอย่างสมบูรณ์แบบ
6 พ.ย.- สหรัฐฯ: เลือกตั้งกลางเทอม
(-) ตลาดหุ้นดาวโจนส์สหรัฐปรับตัวลง หลังผิดหวังในผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนรวมไปถึงหุ้นในกลุ่มพลังงานที่ฉุดตลาด จากราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ปรับตัวลงแรง
(-) ตลาดหุ้นยุโรปยังคงปรับตัวลง หลังสหภาพยุโรปปฏิเสธแผนงบประมาณขาดดุลของอิตาลี
(-) ตลาดเอเชียเช้านี้ปรับตัวลง หลังความหวังในการเจรจาระหว่างสหรัฐและจีนที่ดูเลือนลางลงไปเรื่อยๆ
(0) ค่าเงินบาททรงตัวเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ล่าสุดอยู่ที่บริเวณ 32.81 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน พ.ย. ร่วงลง 4.2% มาอยู่ที่ 66.43ดอลลาร์/บาร์เรล หลังซาอุฯออกมาให้คำมั่นว่าจะผลิตน้ำมันดิบให้เพียงพอกับส่วนของอิหร่านที่หายไปจากการคว่ำบาตร
(-) ค่าการกลั่นสิงคโปร์ร่วงลงมาอยู่ที่ 4.41 ดอลลาร์/บาร์เรล
() ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. เพิ่มขึ้น 12.20 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 1236.8 ดอลลาร์/ออนซ์
Contact person : Jitra Amornthum Register : 014530
Tel: 02-646-9966
www.fnsyrus.com
FB : FINNANSIA SYRUS SECURITIES LINE : @fnsyrus
OO15349