- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 22 October 2018 20:35
- Hits: 15315
บล.ทรีนีตี้ : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
Today Selections >> JMT, KTB, VGI
Stock S R Comment
JMT 10.00 12.00 ราคาหุ้นอ่อนตัวมามาก แต่แนวโน้มผลการดำเนินงานยังแกร่ง
KTB 19.60 20.50 รอการชำระคืนหนี้ของ AQ ซึ่งจะเป็นบวกอย่างมากต่อสำรองส่วนเกิน
VGI 7.25 8.00 Kerry โตตามธุรกิจออนไลน์ หนุนกำไรระยะยาว
Stay relaxed
SET : คาด SET Index ปรับตัว Sideways ในสัปดาห์นี้ และกำลังอยู่ในช่วงสร้างฐานที่กรอบ 1680 จุดบวกลบต่อไป โดยปัจจัยกดดันที่สำคัญยังคงได้แก่แรงขายสุทธิของ นักลงทุนต่างชาติ ภายหลัง Bond yield สหรัฐฯยังคงทรงตัวอยู่ในระดับสูง อย่างไรก็ดี คาดว่านักลงทุนในประเทศจะเป็นผู้ประคับประคองตลาดที่สำคัญต่อไป
EPS : เรายังไม่พบสัญญาณผิดปกติใดๆในประมาณการ EPS ของตลาด โดยล่าสุด อ้างอิงจาก Bloomberg consensus พบว่าประมาณการ EPS ของตลาดมีการปรับตัวขึ้นเล็กน้อยเสียด้วยซ้ำ (ดูรูป) จึงทำให้เรามองว่าการปรับฐานรอบนี้เป็นเพียงเพราะปัจจัยสภาพคล่องและการปรับพอร์ตของนักลงทุนต่างชาติ ซึ่งเป็นเพียงปัจจัยชั่วคราว และถือเป็น Healthy correction เพราะจะทำให้ Valuation ของตลาดมีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น (PE ลดลง)
Magic number : ที่สำคัญ ณ ระดับ SET Index ปัจจุบันที่ 1668 จุดนี้ ถือเป็นระดับใกล้เคียงดัชนีที่ 1666 จุด ซึ่งเป็นระดับที่ซื้อขายด้วย Forward PE 14 เท่าแล้ว (อิงประมาณการ EPS ปี 2019 ที่ 119 บาท) โดยระดับ Forward PE ที่ 14 เท่านี้ถือเป็นระดับที่เราย้ำมาตลอดว่าเป็นบริเวณที่มีเสถียรภาพมากที่สุดของตลาดหุ้นไทยในระยะหลัง และสามารถคาดหวังผลตอบแทนเชิงบวกจากการลงทุนได้ในช่วง 1,2,3,6 เดือนข้างหน้า (ดูรูป) แนะนำให้นักลงทุนที่สะสมหุ้นไปที่บริเวณดัชนี 1700 จุดและ 1680 จุดก่อนหน้านี้สามารถถือหุ้นต่อไปได้ และแนะนำให้นักลงทุนที่ยังคงมีการถือเงินสดในระดับมากกว่าปกติสามารถเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหุ้นได้ รวมถึงผู้ที่ต้องการเข้าซื้อกองทุนลดหย่อนภาษีต่างๆ (LTF/RMF) ด้วยเช่นกัน
Catalyst? : ซึ่งหากมาผนวกกับเหตุการณ์ที่รออยู่ในช่วงที่เหลือของปีนี้ เรายิ่งมั่นใจว่าเดือนตุลาคมนี้ถือเป็น Timing ที่น่าสนใจอย่างยิ่งสำหรับการเข้าสะสมหุ้น เนื่องจากคาดว่าตลาดหุ้นในช่วง 2 เดือนสุดท้ายของปีมีโอกาสที่จะปรับตัวสูงขึ้นจาก 2 ปัจจัยที่อาจเป็น Game-changing ที่สำคัญนั่นก็คือ
1) ผลการเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐฯที่น่าจะนำมาสู่บทสรุปที่ดี โดยหากพรรคเดโมแครตสามารถกลับมาครองเสียงข้างมากในสถาล่างได้ตามที่ผลโพลประเมินไว้ (70% chance) จะเป็นการถ่วงดุลอำนาจปธน.ทรัมป์จนทำให้จุดยืนที่แข็งกร้าวต่อประเด็นอย่างเช่นสงครามการค้า มีโอกาสที่จะอ่อนโยนลงได้
2) การประชุม FOMC วันที่ 18-19 ธันวาคม ซึ่งเราประเมินว่ามีโอกาสที่ Dot plots ของ Fed ประจำปี 2019 จะมีการปรับลง จากการขึ้นดอกเบี้ยทั้งหมด 3 ครั้งเหลือ 2 ครั้ง หลังแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯปีหน้าเริ่มมีความเสี่ยงมากขึ้นจากประเด็นสงครามการค้า
ซึ่งเราประเมินว่าทั้ง 2 เหตุการณ์นี้ หากเกิดขึ้นจริง มีโอกาสที่จะทำให้เงินดอลลาร์และ Bond yield สหรัฐฯปรับตัวลดลงได้ และส่งผลให้ Fund flow มีการไหลกลับเข้ามา จนส่งผลบวกต่อตลาดทุนและสกุลเงินของประเทศเกิดใหม่อีกครั้ง
Bouncing stocks : มองกลุ่มหุ้นที่น่าสนใจสำหรับการเข้าซื้อในช่วงนี้เพื่อคาดหวังการรีบาวด์กลับที่ดีกว่าดัชนีในระยะถัดไป จะต้องมีคุณสมบัติดังนี้
1) เป็นหุ้นขนาดใหญ่ใน SET50
2) เป็นหุ้นที่มีการปรับตัวลงมามากกว่าดัชนีนับตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา
3) เป็นหุ้นที่มีค่า Beta มากกว่า 1
4) เป็นหุ้นที่เราแนะนำ "ซื้อ" ในเชิงพื้นฐาน
ซึ่งจากการคัดกรองของเราล่าสุดพบว่า ได้แก่ PTTEP, ROBINS, BANPU, MINT, PTT, TOP, PTTGC, IVL (เรียงตามลำดับความ Laggard)
Trade data: ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามในวันนี้ได้แก่การรายงานตัวเลขนำเข้า-ส่งออกประจำเดือนกันยายนของไทย ซึ่งล่าสุดตลาดคาดการณ์การขยายตัวที่ระดับ 14.9% และ 5.6% ตามลำดับ
แนวรับ 1,653 แนวต้าน 1,689
บทวิเคราะห์วันนี้ :
KBANK (ซื้อเมื่ออ่อนตัว ราคาเป้าหมาย 234 บาท) กำไร 3Q61 อ่อนตัว QoQ หลังจากปัจจัยหนุนจาก Non-NII
Today's Event :
CM XD 0.10 บาท
HANA XD 1.00 บาท
VIBHA ลูกหุ้นเข้า 2,434,400 หุ้น
นักวิเคราะห์ : ณัฐชาต เมฆมาสิน, CFA, FRM (ID: 31379)
E-mail: [email protected]
OO15288