- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 19 September 2014 18:52
- Hits: 1786
บล.กรุงศรี : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
แนวโน้มและปัจจัยการลงทุนวันนี้
เหนือ 1580 จุดเลือกซื้อเก็งสั้น – ต่ำกว่าขาย
ตลาดหุ้นส่วนใหญ่ทั่วโลกปรับตัวขึ้นตอบสนองต่อการคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐฯในครั้งนี้ และ SETปรับตัวในอัตราที่สูงกว่าเมื่อเทียบกับภูมิภาค โดยปิดตลาดที่ 1584.23 จุด (+13.59 จุด, +0.87%) สวนทางกับราคาน้ำมันและทองคำกลับตัวลง และเงินบาทยังทรงตัวที่ 32.25 บาท โดยเป็นการปรับตัวขึ้นแทบทุกกลุ่มยกเว้น ปิโตรเคมี และยานยนต์ลดลงสวนตลาด ปรับตัวขึ้นมากสุดได้แก่อสังหาฯ (+2.14%), อาชีพ (2.0%), และท่องเที่ยว (+1.63%) มูลค่าการซื้อขายทรงตัวขึ้นเป็น 48,974 ล้านบาทข้อสังเกตุคือเป็นแรงซื้อสุทธิจากบัญชีหลักทรัพย์ 1,017 ล้านบาท ขณะที่นักลงทุนต่างชาติและกองทุนในประเทศสลับขายสุทธิ 94 ล้านบาทและ 46 ล้านบาทตามลำดับ
ปัจจัยการลงทุนวันนี้
ธปท. เตรียมทบทวนประมาณการอัตราขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ใหม่ทั้งปี 57 และ 58 โดยจะปรับใหม่ทุกด้านทั้งตัวเลขส่งออก การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ รวมถึงการกระตุ้น การบริโภคผ่านมาตรการด้านการคลัง โดยจะแถลงในสัปดาห์หน้า
ธปท. กล่าวถึงการที่เฟดสหรัฐประกาศปรับลดการซื้อสินทรัพย์ US$1 หมื่นล้าน และคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายนั้นเป็นไปตามคาดการณ์ รวมทั้งปรับการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย ณ สิ้นปี 58 ไปอยู่ที่ 1.375% และปี 2559 ที่ 2.875% เพิ่มจากคาดการณ์เดิมซึ่งสอดคล้องกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ และการทยอยปรับนโยบายการเงินเข้าสู่ภาวะปกติจากที่ได้ดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนปรนอย่างมากมาเป็นเวลานาน แม้ว่าเฟดจะหยุดการซื้อสินทรัพย์ในเดือนหน้า แต่สถานการณ์สภาพคล่องและภาวะการเงินโดยรวมยังอยู่ในภาวะที่ผ่อนปรนและให้เวลาแก่ทุกฝ่ายและทุกภูมิภาคในการปรับตัว
ทิศทางอัตราดอกเบี้ยเฟดยังไม่เห็นภาพที่ชัดเจน (เฟดส่งสัญญานคงดอกเบี้ยอีกนาน) แต่ตลาดคาดการณ์ว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะอยู่ในช่วงปลายไตรมาส 2 ถึงต้นไตรมาส 3 ปี 58 และอาจหมายความได้ว่าแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยไทยหลัง กนง.คงอัตราดอกเบี้ยที่ 2.0% จะมีทิศทางขาขึ้นในช่วงเวลาใกล้ เคียงกันในปีหน้าเพื่อดำรงส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยให้เหมาะสมกับทั้งสภาะเศรษฐกิจที่จะกลับมาเติบโตสูงขึ้นและลดทุนไหลออกและค่าเงินบาทอ่อนค่าได้ในระดับหนึง ปัจจุบันส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยนโยบายไทยและสหรัฐที่ 1.975% ในเชิงประเมินกำลังผลักหรือรีบาวด์ วันนี้เราให้ความ สำคัญ SET ที่ 1,580 จุด หากตลาดอยู่เหนือระดับ 1,580 จุดเชื่อว่าจะรักษา Momentum ทางขึ้นไว้ได้ เราแนะนำเลือกซื้อเก็งกำไรแต่ควรกำหนดจุดตัดขาด ทุน ในทางกลับกันถ้า SET เกิดปรับตัวลงต่ำกว่า 1,580 จุดแนวโน้มจะเกิดแรงขายต่อเนื่อง แนะนำขายหุ้น-หุ้นขายเชิงเทคนิค: SPALI, QH, LPN, EA
แนวโน้มการลงทุนสำหรับระยะกลาง
ลดพอร์ตลงทุนเหลือ 30%
เราปรับลดการถือครองหุ้นเหลือ 30% และถือครองเงินสดเพิ่มเป็น 70% โดยขายหุ้นเพื่อรับรู้กำไรเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักทั้งหมด 4 หลักทรัพย์ซึ่งให้ผลตอบแทนเฉลี่ยน้ำหนักรวม +5.85% คือ DTAC (+0.3%), TUF (+0.6%) และ PS (+4.6%) และลดน้ำหนักลงทุน CPALL จาก 10% เหลือ 5% (+0.35%) สถานะหุ้นถือครองลดลงจาก 9 เหลือ 6 หลักทรัพย์คือ PTTEP, PTTGC, HMPRO, CPALL, ADVANC, KBANK
Accumulate : -- รอสะสมหุ้น
Trading : เลือกซื้อหุ้นเก็งกำไรเหนือ 1580 จุด ต่ำกว่า รอ
เปรียบเทียบการเคลื่อไหวดัชนี
สถานะพอร์ตจำลอง (เริ่ม 25 พ.ย. 56)
พอร์ตหุ้น 30% ถือเงินสด 70%
ผลตอบแทนพอร์ตจำลอง (30%) = +2.9%
ผลตอบแทนถือเงินสด (70%) = +1.4%
ผลตอบแทนรวม (100%) = +4.3%
ผลตอบแทนตลาด SET = +17.1%
ผลรวมพอร์ตจำลองสุทธิ < SET
พอร์ตลงทุน KSS ได้รับรู้กำไรจากการลดพอร์ต 3 ครั้งในวันที่ 2 ก.ย. ลดจาก 70% เหลือ 60% และวันที่ 5 ก.ย. จาก 60% เหลือ 50% (มีส่วนต่างกำไรเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักรวมคิดเป็น 3.3% จากการลดพอร์ต), และวันที่ 16 ก.ย. เราขายหุ้นลดพอร์ตจาก 50% เหลือ 30% (ส่วนต่างกำไรเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักอีก 5.9%) รวมการรับรู้ส่วนต่างกำไรเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักจากการลดพอร์ต 3 ครั้งคิดเป็น 9.2%
Analysts :
Kasamapon Hamnilrat Registration No. 17622
Apisak Limthumrongkul Registration No. 13130