เมื่อวานเกิดภาวะ Panic sell ในหุ้น High growth High PE อีกครั้ง นำลงโดย DDD JKN RS WORK BEAUTY ECF CBG เป็นต้น บวกกับแรงขายในหุ้นกลุ่มเชื่อมโยง กระแสข่าวนักท่องเที่ยวจีนหดตัว เช่น ท่องเที่ยว โรงแรม การท่า สินค้าขายชาวจีน เป็นต้น แต่หุ้นบูลชิพใหญ่ ส่วนมาก ราคาแทบไม่ลง     

          วันนี้คาด แรงขาย Panic sell ในหุ้น High growth High PE จะเริ่มเบาลง ส่วนภาพตลาดในระยะสัปดาห์ดัชนีฯอาจจะยังไม่ขึ้น อย่างที่คาด แต่ถ้าไล่ดูราคาหุ้นแต่ละตัว จะพบว่า ตลาดเลือกขายแค่เฉพาะ หุ้น High PE / growth ส่วนหุ้นบูลชิพใหญ่หลายตัว ราคาเริ่มสร้างฐาน-ยกฐานสูงขึ้น เช่น BBL CPN PTT KTB ADVANC GULF TOP เป็นต้น ตลอดจนหุ้นตัวกลาง-เล็กที่ เราแนะนำสะสมรับงบ 3Q18 ส่วนใหญ่ราคาหุ้นก็ไม่ค่อยลง เช่นกัน อาทิ TFG CPF GLOBAL BGRIM SVI  

          ดังนั้นกลยุทธ์ ยังคงแนะนำ "เลือก" ซื้อหุ้น ตอนที่ราคาลง หรือพักฐานในช่วงนี้ เพื่อรอรับแนวโน้มตลาดขาขึ้นรอบใหม่             

 

          (-) รายงานเฟด เมื่อคืนวานพุธ สร้างความประหลาดใจเชิงลบต่อตลาด ส่งสัญญาณดอกเบี้ยขาขึ้นอาจนานกว่าที่ตลาดคิด      

          (+) สิ้นสุดการรับฟังความเห็นสาธารณะ 22 ต.ค. สำหรับมาตรการคุมสินเชื่อที่อยู่อาศัย และคาดจะประกาศมาตรการได้ภายในเดือน พ.ย.นี้ (เราคาดว่า ธปท.จะประกาศใช้มาตรการที่ผ่อนคลายกว่าที่ตลาดคิด) 

          (-) งบแบงก์ ที่รายงานเช้านี้ : BBL ดีตามคาด KBANK ดีกว่าคาด ส่วน SCB BAY ต่ำกว่าคาดเล็กน้อย โดย NPL ส่วนใหญ่ทรงตัว และ ตั้งสำรองมีแนวโน้มที่แบงก์จะตั้งน้อยลง ในไตรมาสที่ 4 นับเป็นสัญญาณที่ดี สำหรับสินเชื่อแบงก์ ที่มีการขยายตัว พบว่าตรงกันคือกลุ่ม สินเชื่อบุคคล (MTC SAWAD อาจต้องระวังงบ เพราะแบงก์พาณิชย์เริ่ม กินส่วนแบ่งตรงนี้กลับเข้ามาในงบ) สินเชื่ออสังหาฯ (กลุ่มบ้านมีสัญญาณที่ดี เราชอบ LPN SPALI) ส่วนสินเชื่อที่ลดลง คือ รับเหมาก่อสร้าง (- CK STEC) ธุรกิจค้าปลีก (เป็นไปตามที่เราคาดการณ์ยอดขายใน 3Q18 ว่าจะลดลง แต่มองเป็นโอกาสในการซื้อเพราะยอดขายจะเร่งตัวแรงในไตรมาส ที่ 4)   

 

          PTTEP  เราปรับคำแนะนำ ขึ้น จาก SELL เป็น BUY ตามสมมุติฐานที่ MS ปรับราคาน้ำมันดิบขึ้น  

          Weekly tactical ถอด GPSC THCOM ออก

 

          เราปรับคำแนะนำขึ้นเป็น ซื้อ (จากเดิม ขาย) ด้วยราคาเป้าหมาย 170 บาท (YE19) โดยเรามองปัจจัยหนุนมาจาก กำไรที่จะแข็งแกร่งตั้งแต่ตอนนี้ไปจนถึงปี 2020 เพราะปริมาณขายที่เพิ่มขึ้น และราคาขายที่ปรับขึ้นตามราคาน้ำมัน ระยะสั้นเราคาดกำไรหลัก 3Q18 ที่ 1.17 หมื่นล้านบาท (เพิ่ม 56% YoY และ 9% QoQ) และ 4Q18 จะเพิ่มเป็น 1.67 หมื่นล้านบาท สำหรับปี 2019 มองว่าจะแข็งแกร่งยิ่งขึ้นการเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นในแหล่งบงกต อีกทั้งการที่ PTT จะรับแก๊สมากขึ้น

 

          เราจัด non-deal roadshow สัปดาห์ที่ผ่านมา เรามองว่านักลงทุนมีความมั่นใจต่อเปาหมายยอดขายของบริษัท แต่ยังคงมองว่าอัพไซด์ต่อทั้งยอดขายและอัตรากำไรขั้นต้น โดยยอดขายปีหน้าคาดเติบโตจาก $480m เป็น $600-640m จากลูกค้ารายใหม่ US$100m ในปีหน้าจะมีลูกค้าโรงงานใหม่ในกัมพูชาเริ่ม mass production และยอดขายยังมีอัพไซด์จากการทำ M&A ซึ่งเปาหมายหลักคือตลาดใน North America ในด้านของอัตรากำไรขั้นต้นการ pass through ราคาวัตถุดิบที่ปรับตัวขึ้นไปให้ลูกค้ายังทำได้ต่อเนื่อง และคำสั่งซื้อใหม่ที่เข้ามาจะมาพรอ้มกับอัตรากำไรที่สูง รวมถึงปริมาณขายที่เพิ่มขึ้นจะส่งผลให้เกิดการประหยัดต่อขนาด เรายังคงคำแนะนำ ซื้อเก็งกำไร ราคาเป้าหมาย 6.50 บาท  

 

          เราเข้าร่วมประชุมนักวิเคราะห์ ประเด็นในการประชุมไปตามการคาดการณ์ของเรา ในแง่ของการเติบโตของสินเชื่อที่ดีและแนวโน้มการตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สูญที่ลดลงใน 4Q18 เป็นต้นไป ธนาคารยังคงเป้าหมายอัตราการเติบโตของสินเชื่อที่ 8-10% แม้การเติบโตของสินเชื่อจะอยู่เพียง 3.3% YTD ใน 9M18 นอกจากนี้เราคาดว่าธนาคารอาจจะมีโอกาสขายหุ้น TMBAM ที่เหลืออีก 35% ให้แก่ Eastspring Investment (Singapore) ในปีหน้าซึ่งเป็นโอกาสในการอัพไซด์การประมาณการของเรา แนวโน้มที่เติบโตต่อเนื่องกอปรกับการลดความกังวลเกี่ยวกับคุณภาพสินทรัพย์และการประเมินมูลค่าที่ต่ำ (PBV ปี 2019ต่ำกว่า 1.0 เท่า) เราคงคำแนะนำ "ซื้อ" 

 

          (*) GPSC  เตรียมยื่นอุทธรณ์ ต่อ กกพ. ยืนยันทำตามระเบียบถูกต้อง (ที่มา ASPEN) 

          (0) สหรัฐไม่ตีตราจีนเป็นประเทศปั่นค่าเงิน แค่คงให้อยู่ในบัญชีที่ต้องจับตา ร่วมกับ เยอรมนี ญี่ปุน สวิสฯ เกาหลี อินเดีย (ที่มา ข่าวหุ้น) 

          (+) ก.ท่องเที่ยว ชงฟรีวีซ่า ณ ด่านตรวจฯ กับนักท่องเที่ยว 21ชาติ รวมจีน เป็นเวลา 2เดือน คาดรัฐสูญเสียรายได้ 3พันล้านบาท หวังชดเชยรายได้ท่องเที่ยวช่วงปลายปี (ที่มา กรุงเทพธุรกิจ) 

          (+) RML  ร่วมทุน ญี่ปุน ทาเทโมโนะ ผุด 2 โปรเจกต์กว่า 9 พันล้านบาท บุกตลาดไตรมาส 4 (ที่มา โพสต์ทูเดย์)