หุ้นไทยเมื่อวานขึ้นกระจายตัว และส่วนใหญ่เป็นตัวเล็ก-กลาง เช่น RML OCEAN ROJNA SCN DTAC TOP CPN และ วันนี้คาด ดัชนีฯเคลื่อนไหวในกรอบแคบเหมือนเมื่อวาน ขณะที่หุ้นตัวเล็กๆ คาดจะสลับหน้ากันวิ่งสวนตลาด กลยุทธ์ แนะนำ สะสมหุ้น Earnings turnaround และ เลือกพักเงินไว้ในกลุ่ม Domestic play ที่คาดกำไรดี เด่นต่อเนื่อง เช่น แบงก์ใหญ่ ค้าปลีก โรงไฟฟ้า (ดู Stock idea ในรายงาน Weekly) 

          สำหรับหุ้น IPO น้องใหม่ วันนี้ และ ตลอดสัปดาห์นี้ ที่เข้าเทรดวันแรก แน่นอนว่า ปริมาณการซื้อขายจะกระจุกตัวในหุ้นใหม่ และ เชื่อว่าหลังจากสัปดาห์นี้ไป จะหนุนให้ เกิดสภาพคล่อง กลับเข้ามาวนในตลาดหุ้นเพิ่มขึ้น 

          ระยะสัปดาห์ ตลาดหุ้นไทยจะ ค่อยๆฟื้นตัวขึ้นอีกครั้ง รับผลการดำเนินงานที่ ดีเกินคาดของ บจ.ส่วนใหญ่ กรอบดัชนีฯสัปดาห์นี้คาด 1,690-1,715 จุด

 

          (-) รายงานเฟด เมื่อคืน สร้างความประหลาดใจเชิงลบ (เล็กน้อย) ต่อตลาด...ชัดเจนว่าจะขึ้นดอกเบี้ยในเดือน ธ.ค.นี้แน่นอน ซึ่งไม่ได้เหนือความคาดหมาย แต่สิ่งที่สร้างความประหลาดใจ คือ เฟดส่งสัญญาณว่า "ยังไม่อาจยืนยันได้ว่า เรื่องวัฏจักรดอกเบี้ยขาขึ้น กำลังจะสิ้นสุดลงแล้ว"

          (+) สิ้นสุดการรับฟังความเห็นสาธารณะ 22 ต.ค. สำหรับมาตรการคุมสินเชื่อที่อยู่อาศัย และคาดจะประกาศมาตรการได้ภายในเดือน พ.ย.นี้ (เราคาดว่า ธปท.จะประกาศใช้มาตรการที่ผ่อนคลายกว่าที่ตลาดคิด)           

          (+/-) TMB กำไรสุทธิดีกว่าคาด จากกำไรพิเศษจากการขายธุรกิจ บลจ. รับรูเข้ามามากกว่าคาด แต่ Core profit ยังคงโตติดลบ และ พบว่า NPL เพิ่มขึ้นมากเกินคาด   

          (-) TCAP กำไรสุทธิดีกว่าคาด เป็นผลจากการตั้งสำรองที่ลดลง และการปิดสาขาทำให้ค่าใช้จ่ายลงแรง แต่เราคงสมมุติฐานการขยับขึ้นดอกเบี้ยในปีหน้า และ ยอดขายรถยนต์ที่ Peak out จะกดดันให้แนวโน้มกำไรปีหน้าทรงตัว รวมทั้งมีความเสี่ยง จาก NPL ที่เพิ่มขึ้น เราจึงคงคำแนะนำ ถือ 

          (+) คาดงบออก 16-17 ต.ค. KKP, 18 ต.ค. BBL, 19 ต.ค. KBANK SCB KTB BAY 24 ต.ค. SCC (จะรู้แนวโน้มงบ UTP HMPRO GLOBAL จากงบ SCC)

 

          KTB  ปลดล็อคคดีที่ดิน AQ / ประมูลขายให้กับกลุ่ม "เสี่ยเจริญ" TICON+ROJNA มูลค่า 8.9 พันล้านบาท ซึ่ง KTB ได้ตั้งสำรองไปครบก่อนหน้านี้แล้ว / คาดจะทำให้ KTB ประหยัดค่าใช้จ่ายในการตั้งสำรองสำหรับปีหน้าไปได้ราว 1 หมื่นล้านบาท เพราะ KTB ตั้งสำรองเพื่อเคสนี้ไปราว 1 หมื่นลบ.    

          ตลาดมีความกังวลด้านความตึงเครียดทางการค้าจะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมกระดาษคราฟ เพราะจีนเป็นตลาดของกระดาษคราฟรายใหญ่ของโลก อย่างไรก็ดีเรามองว่าอุตสาหกรรมกระดาษคราฟในไทยยังไปได้สวย เพราะ 1) อุปสงค์ในประเทศแข็งแกร่ง และปีหน้าเลือกตั้งคาดหนุนการบริโภคจะดียิ่งขึ้นไปอีก 2) จีนห้ามนำเข้าเศษกระดาษ ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตที่ไทยต่ำ 3) ต้นทุนเศษกระดาษที่จีนแพงมาก ดังนั้นจะจำกัดโอกาสที่จีนจะออกมาดั้มพ์ตลาด ปัจจุบันหุ้นเทรดเพียง PE 9.5 เท่า ปี 2019 แนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 16.50 บาท

 

          เราคาดกำไรหลัก 3Q18 ที่ 662 ล้านบาท ทรงตัว YoY และ QoQ เนื่องจากฐานที่สูงใน 3Q17 และ 2Q18 เรามองว่า SSSG ของ MK ทรงตัว YoY ในขณะที่คาดของ Yayoi ลดลง 4%  เรายังคงมองว่าอัตรากำไรขั้นต้นที่ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องจะยังคงยืนในระดับสูงได้ใน 2H18 จากการพัฒนา supply chain และเรายังมองว่า M เป็น best Food sector play ตามการฟื้นตัวของกำลังซื้อในต่างจังหวัด ที่จะหนุนโดยการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในปีหน้า เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 96 บาท

 

          ยอดเปิดตัวเดือน ก.ย. ทำสถิติสูงสุดทั้งในด้านของปริมาณและมูลค่าตามที่เราคาด ซึ่งจะหนุน Presales ทำสถิติสูงสุดเช่นเดียวกันในอนาคต เรามองว่ายอดเปิดตัวจะชะลอตัวลงในเดือน ต.ค. และ 4Q18 และคาด Presales จะทรงตัว YoY และปรับตัวลดลง QoQ บรัทในกลุ่มจะเน้นที่รายได้และกำไรใน 4Q18 ซึ่งจะเป็นไตรมาสที่ดีที่สุดสำหรับปี เรายังคงแนะนำน้ำหนัก มากกว่าตลาด