- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 17 October 2018 18:35
- Hits: 12311
บล.โกลเบล็ก : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
Market Summary 16/10/2018
Close 1,697.87 Volume Bt38489M
Change 1.71 P/E 16.73
%Change 0.10% P/BV 1.93
หุ้นแนะนำพิเศษ
SKE Company Road Show (ราคาปิด 1.25 )
รายงานกำไรสุทธิ 1H61 ที่ 31 ลบ. –20%YoY มาจากค่าใช้จ่ายในการบริการที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 41%YoY เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายในการประเมินการเข้าซื้อบริษัทย่อยและค่าประชาสัมพันธ์ การเพิ่มขึ้นของพนักงาน และค่าเช่าของอาคารสำนักงานใหม่ แต่รายได้โดยรวมเพิ่มขึ้นเล็กน้อยสู่ 172 ลบ. +6%YoY ส่งผลให้อัตรากำไรสุทธิลดลงจาก 25% ในช่วง 1H60 เป็น 19%
ผบห.ให้ข้อมูลถึงความคืบหน้าโครงการสถานีผลิตและจำหน่ายก๊าซไบโอมีเทนอัด (CBG) โดยผลิตจากน้ำเสียของโรงงานมันสำปะหลัง โดยคาดจะเปิดให้บริการในช่วงปลายเดือนต.ค.นี้ คาดจะมียอดขาย 7-9 ตัน/วัน มีอายุสัญญา 10 ปี ใช้เงินลงทุน 85 ลบ.โดยโครงการจะได้รับเงินอุดหนุนจากกรมพัฒนาพลังงานและอนุรักษ์พลังงาน(พพ.) 12 ลบ. และคาดว่าใน 3Q62 จะดำเนินงานเชิงพาณิชย์โครงการโรงไฟฟ้าชีวมวล แม่กระทิง พาวเวอร์ มูลค่าโครงการราว 850 ลบ. ใช้เชื้อเพลิงเป็นไม้สับ 40% เปลือกข้าวโพด และซังข้าวโพด 60% มีสัญญาขายไฟ 8 MW ให้กับ กฟภ. เป็นระยะเวลา 20 ปี ค่าไฟ 4.5 บาท/หน่วยคาดผลตอบแทน EIRR ที่ 17%
ความเห็น : ธุรกิจ NGV เติบโตได้ค่อนข้างลำบากเนื่องจากราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับต่ำทำให้ปริมาณการใช้ NGV ลดลงทางบริษัทจึงการขยายธุรกิจไปยังอุตสาหกรรมอื่นนอกเหนือจากการให้บริการอัดก๊าซ NGV จะช่วยกระจายความเสี่ยงในแง่ของการดำเนินธุรกิจที่จำเป็นต้องพึ่งพา PTT เป็นหลัก โดยมองว่าธุรกิจที่จะสร้างการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญก็คือ ธุรกิจโรงไฟฟ้าชีวมวล
หุ้นเริ่มซื้อขายวันนี้เป็นวันแรก
ตลาด SET/อาหารและเครื่องดื่ม
OSP (ราคาเสนอขาย 25 บาท) บมจ. โอสถสภา (OSP) มีกลุ่มธุรกิจหลัก 4 กลุ่มได้แก่ 1) กลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องดื่ม แบ่งออกเป็น เครื่องดื่มบำรุงกำลัง อาทิ M150, ลิโพ, Shark เป็นต้น และเครื่องดื่มประเภท Functional Drink เช่น เปปทีน เป็นต้น มีสัดส่วนรายได้ราว 77%
2) กลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคล แบ่งออกเป็น ผลิตภัณฑ์สำหรับเด็ก อาทิ ผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์“เบบี้มายด์” เป็นต้น และผลิตภัณฑ์สำหรับผู้หญิง เช่น ผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ “ทเวลฟ์ พลัส” เป็นต้น มีสัดส่วนรายได้ราว 9%
3) กลุ่มธุรกิจบริหารซัพพลายเชนโดยรับบริหารให้กับ กลุ่มเครื่องดื่ม Functional Drink อาทิ “คาลพิส แลคโตะ” และ “C-Vitt” เป็นต้น กลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ เช่น “ยาทัมใจ” และ “แบนเนอร์” เป็นต้น รวมถึงมีการรับจ้างผลิตสินค้า(EOM) มีสัดส่วนรายได้ราว 13%
4) กลุ่มธุรกิจอื่นๆ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ยาอม “โบตัน” และผลิตภัณฑ์ลูกอม “โอเล่” เป็นต้น มีสัดส่วนรายได้ราว 1%
ในช่วง 1H61 บริษัทมีรายได้รวม 12,543 ลบ. -5%YoY เนื่องจากบริษัทอยู่ระหว่างการปรับปรุงในกระบวนการผลิต โดยลดการผลิตสินค้าที่มีอัตรากำไรขั้นต้นน้อยลง และมีการปิดโรงงานผลิตขวดแก้วบางส่วนชั่วคราว ทำให้ไม่สามารถดำเนินงานได้เต็มประสิทธิภาพส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้น โดยลดลงจาก 1H60 ที่ 36% เหลือ 34% ส่งผลถึงอัตรากำไรสุทธิลดลงจาก 1H60 ที่ 13% เหลือ 11.5% ในช่วง 1H61 มีกำไรสุทธิ 1,444 ลบ. -17%YoY
จำนวนหุ้นที่เสนอขายให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก(IPO) จำนวน 603.75 ล้านหุ้น มูลค่า 15,094 ลบ. ใช้สำหรับการขยายธุรกิจทั้งในและตปท. การพัฒนาปรับปรุงการผลิต การจัดจำหน่ายสินค้า และปรับปรุงประสิทธิภาพสินค้า ใช้(44%) ชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน(46%) และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนสำหรับการดำเนินงานของบริษัท(10%)
ราคา IPO คิดเป็น Current PER ที่ 29.51 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของบริษัทอื่นในอุตสาหกรรมเดียวกันที่ 31.21 เท่า
Market View : ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐหนุน
หุ้นแนะนำพิเศษ : SKE
หุ้นมีข่าว : OSP DTAC DOD SSP TAKUNI
Technical Insight : PLE GFPT
SET Index วานนี้ปรับตัวขึ้นเล็กน้อย ด้วยปริมาณการซื้อขายที่เบาบาง เนื่องจากนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ยังคงวิตกกังวลกับทิศทางเศรษฐกิจโลก ทั้งประเด็นสงครามการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน และแนวโน้มการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐ อย่างไรก็ตาม เริ่มมีแรงเก็งกำไรเข้ามาในกลุ่ม BANK ก่อนที่บริษัทจะเริ่มทยอยประกาศงบ Q3 ส่งผลให้ SET Index ปิดที่ 1,697.87 จุด (+1.71 จุด) Volume 3.8 หมื่นลบ. จาก Foreign Net -2,827.20 ลบ. TFEX Net -1,578.00 สัญญาตราสารหนี้ -1,356 ลบ.
แนวโน้มตลาดหุ้นไทย
+ดาวโจนส์ปิดทะยานขึ้นกว่า 500 จุดขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ ซึ่งรวมถึงโกลด์แมน แซคส์ และมอร์แกน สแตนลีย์
+น้ำมันดิบปิดบวกโดยได้ปัจจัยหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า มาตรการคว่ำบาตรอิหร่าน
+เฟดเผยการผลิตภาคอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น 0.3% ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 ในก.ย.
+ตัวเลขการเปิดรับสมัครงานสหรัฐพุ่งขึ้น 7.14 ล้านตำแหน่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านสหรัฐขยับขึ้น 1 จุด อยู่ที่ระดับ 68 ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบรายเดือน
+ดัชนี CPI จีนเดือนก.ย.เพิ่มขึ้น 2.5% เทียบรายปี
+/- Fund Flow ต่างชาติมีสถานะขาย YTD ขาย 2.46 แสนล้านบาท ค่าเงินบาท 32.50 บาท/US
**ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดทำการ**
คาดตลาดหุ้นไทยวันนี้ได้รับผลบวกตามราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นรวมถึงตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ปรับตัวดีขึ้นทั้งการผลิตภาคอุตสาหกรรม การเปิดรับสมัครงานและความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้าน คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,689-1,719 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
-PSL ดัชนีค่าระวางเรือทรงตัวในระดับสูงที่ 1,578 จุด
- KBANK KKP KTB TMB สินเชื่อเติบโต QTD
-หุ้น Theme EEC play : AMATA, WHA, EASTW, ATP30, ORI
- หุ้นที่คาดว่า 2H61 จะเติบโตต่อเนื่อง ANAN ORI SC KCE CPF SVI
- หุ้น MAI ที่ผลประกอบการ 2H61 เติบโตต่อเนื่อง XO CHAYO TACC SSP JKN AUCT
- AMATA, BBL, CPALL, STEC, PTT หุ้นแนะนำจากผลสำรวจของ IAA
หุ้นมีข่าว
+ DOD (ราคาปิด 14.00 ซื้อ ราคาเหมาะสม 17.50 ) จ่อประชุมบอร์ดอนุมัติงบ Q3/2561 กลางเดือน พ.ย.นี้ แย้มผลงาน Q4/2561 โตต่อเนื่อง หลังลูกค้ารายใหม่ย้ายฐานผลิต หนุนรายได้ปี 2561 โตก้าวกระโดด พร้อมเตรียมก่อสร้างโรงงานสกัดวัตถุดิบ โรงที่ 2 ภายในเดือน พ.ย.-ธ.ค.นี้ (ที่มา : ข่าวหุ้น)
ความเห็น : มองว่า 3Q61 บริษัทยังสามารถเติบโต YoY ต่อเนื่องจากช่วง 1H61 หลังมีการย้ายที่ตั้งโรงงานผลิตทำให้สามารถผลิตได้รองรับตามความต้องการที่เพิ่มมากขึ้นได้ โดยยังคงคาดการณ์กำไรสุทธิปี 61 ไว้ที่ 359 ลบ. +85%YoY
+ SSP (ราคาปิด 8.30 ซื้อ ราคาเหมาะสม 11.20 ) จ่อรับทรัพย์ขายไฟมองโกเลียไตรมาส 4 พร้อมบุกโซลาร์เวียดนามต่อเนื่อง ขณะที่อัตรากำไรสุทธิจ่อพุ่งแตะ 47% จากเดิม 38% เหตุไร้ค่าใช้จ่ายพิเศษ โบรกเชียร์ซื้อ เคาะเป้า 11.20 บาท(ที่มา : ทันหุ้น)
ความเห็น : หากบริษัทสามารถเริ่ม COD โรงไฟฟ้าที่มองโกเลียได้ตามเป้า คาดจะทำให้กำไรสุทธิปี 61 อยู่ที่ 555 ลบ. +63%YoY และคาดอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 47% จากการปรับนโยบายทางการบัญชีทำให้ไม่มีการบันทึกค่าเช่าและ Unrealized FX Gain/Loss ในงบกำไรขาดทุน
- DTAC (ราคาปิด 42.50 ราคาเหมาะสม Bloomberg Consensus 53.38)รายงานกำไรสุทธิ 3Q61 อยู่ที่ -921 ลบ –253%YoY เนื่องจากมีค่าเสื่อมราคาและมีค่าตัดจำหน่ายพิเศษในการระงับข้อพิพาทกับ กสท. เพิ่มขึ้น 21%YoY สู่ 7,856 ลบ. และรายได้รวมลดลง 5%YoY สู่ 17,963 ลบ. จากจำนวนผู้ใช้บริการลดลงกว่า 3 แสนเลขหมาย สู่ 21.3 ล้านเลขหมาย ประกอบกับต้นทุนการให้บริการที่เพิ่มขึ้นราว 15%YoY สู่ 13,495 ลบ. อย่างไรก็ดีบริษัทยังคงสามารถรักษา EBITDA margin ได้ที่ระดับ 40% จากต้นทุนการจำหน่ายเครื่องโทรศัพท์ที่ลดลงถึง 27%YoY สู่ 1,780 ลบ.
เพิ่มเติมในประเด็นการเข้าร่วมประมูลคลื่น : มองว่าหากการประมูลคลื่น 900 MHz ลุล่วงไปได้ด้วยดี จะทำให้ DTAC มีค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นมากในช่วง 1-3 ปี จากการติดตั้งโครงข่ายเพิ่มเติม การทำโปรโมชั่นเพื่อเพิ่มจำนวนผู้ใช้บริการ เป็นต้น แต่มองว่าเป็นเรื่องที่ดีที่ทำให้บริษัทสามารถแข่งขันได้ในระยะยาว
+ TAKUNI เดินเกมรับงานก่อสร้างเต็มสูบ ล่าสุดคว้างาน 2 โครงการใหม่เข้าพอร์ตมูลค่า 361.9 ล้านบาท ดันแบ็กล็อกทะยานแตะ 3.16 พันล้านบาท ด้านแม่ทัพหญิงลั่นรายได้ก่อสร้างปีนี้มีลุ้นพุ่งทะลุ 60% ส่วนที่เหลือจากการจำหน่ายก๊าซ 30% และธุรกิจทดสอบ ขนส่ง อื่นๆ อีก 10% (ที่มาทันหุ้น)
ประเด็นลบกลุ่มท่องเที่ยว ก.ท่องเที่ยวฯ เผยยอดนทท.ต่างชาติ 9 เดือนปี 61 เพิ่มขึ้น 8.71% มาที่ 28.5 ล้านคน สร้างรายได้รวม 1.5 ล้านลบ. โดยในเดือนกันยายนปี 2561 มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจำนวน 2,655,562 คนขยายตัว 2.13% อย่างไรก็ตามนักท่องเที่ยวจีนหดตัว 15% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
+ MINT ทำสัญญาร่วมทุน Vietnam Investments Group รับสิทธิเฟรนไชส์"เดอะ คอฟฟี่ คลับ"ในเวียดนาม
KBANK (Bloomberg Consensus 232 )
คาด ‘เสี่ยปั้น’ หักปากกาเซียน ลุ้นงบกสิกรไทยทะลุ 1 หมื่นล.หลังไตรมาส 2 หักปากกาเซียนมาแล้ว สำรองลดลง และรายได้ค่าฟีดีเกินคาด กำไรมีสิทธิทะลุหมื่นล้านบาทรอบนี้ จากคาดการณ์ 9.9 พันล้านบาท (ที่มา ข่าวหุ้น)
ความเห็น : ตัวแปรของกำไรที่จะดีกว่าคาดคือการลดลงของรายได้ค่าธรรมเนียมที่เป็นผลกระทบจากการให้บริการฟรีสำหรับธุรกรรมโอนเงินผ่านช่องทางดิจิตอลและคชจ.สำรองหนี้สูญต่ำกว่าคาดการณ์ คาด KBANK จะส่งงบฯในเช้าวันศุกร์ที่ 19 ต.ค. ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยยังมีมุมมองบวกต่อปัจจัยพื้นฐานระยะยาวจากการเป็นธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ที่จะได้ประโยชน์จากฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
นักวิเคราะห์ 02-6725999
วิลาสินี บุญมาสูงทรง ext.5937
ณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ext.5936
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
สรรพกัณฑ์ ปัทมบริสุทธิ์
ทศพล วิไลประภากร
สลักบุญ วงศ์อัครเดช
OO15119