CNS Daily Strategy: คาดตลาด “UP” ต้าน 1721/1730จุด รับ 1691/1684จุด ตลาดหุ้น Dow Jones รีบาวด์รับผลประกอบการบมจ.ขนาดใหญ่โตเด่น ผสานค่าเงินดอลล่าร์อ่อนค่าต่อเนื่อง รับ 1)Trump ย้ำ FED เร่งขึ้นดอกเบี้ยเกินไป ท่ามกลางเงินเฟ้อที่ยังชะลอตัว 2)ค่าเงินปอนด์แข็งค่าเด่น จากแนวโน้มที่ UK-EU จะเจรจา Brexit กันได้ภายใน 1 สัปดาห์ ซึ่งค่าเงินดอลล่าร์ที่อ่อนค่า หนุนค่าเงินเอเชียแข็งค่าขึ้น ทำให้ ETF MSCI EM-Asia ปรับตัวขึ้นกว่า +2.51% โดยเฉพาะ ETF ของกลุ่ม TIPs ที่ฟื้นตัว 1.9 - 3.5% หนุนตลาดเอเชียและไทยฟื้นตัวได้ในวันนี้ แนะนำ Theme “Big Cap Play” : PTT, STEC, TMB

 

 

(+) US: ตลาดหุ้น Dow Jones รีบาวด์รับผลประกอบการบมจ.ขนาดใหญ่โตเด่น

(+) US: Trump ย้ำ FED เร่งขึ้นดอกเบี้ยเกินไป ท่ามกลางเงินเฟ้อที่ยังชะลอตัว

(+) EU: ความคืบหน้าการเจรจาแผนงบประมาณขาดดุลของอิตาลีต่อ EC

(+) UK: แนวโน้มที่ UK และ EU จะสามารถเจรจา Brexit กันได้ภายใน 1 สัปดาห์

(+) Asia: ETF MSCI EM-Asia ฟื้นกว่า +2.51% โดยเฉพาะ ETF ของกลุ่ม TIPs ที่ฟื้นเด่น

(+) OIL: ราคาน้ำมันดิบวานนี้ WTI +0.20% สู่ $71.92 /bbl / BRT +0.78% สู่ $81.41 /bbl

(-) Fund Flow:ล่าสุดขายหุ้น-2,827ลบ,Short Future-1,578สัญญา,ขายBond-1,356ลบ.

 

Equity Daily Outlook :  คาดดัชนีวันนี้ “UP” ต้าน 1721/1730จุด รับ 1691/1687จุด ตลาดหุ้นDow Jones สหรัฐฯ รีบาวด์รับผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่ที่เติบโตดี ไม่ว่าจะเป็น มอร์แกน สแตนลีย์, จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน และยูไนเต็ดเฮลธ์ กรุ๊ป  ผสานตัวเลขเศรษฐกิจที่สดใส หลังดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนก.ย. เพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 ที่ระดับ +0.3% ดีกว่าคาดที่ +0.2% เป็นจิตวิทยาบวกต่อสินทรัพย์เสี่ยงโลกฟื้นตัว นอกจากนี้สัญญาณค่าเงินดอลล่าร์ที่มีแนวโน้มจะอ่อนค่าลงต่อเนื่อง จากประเด็น 1) ปธน. Donald Trump เน้นย้ำอีกครั้งว่า FED เร่งขึ้นดอกเบี้ยมากเกินไป ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อชะลอตัว ไม่เป็นผลดีต่อสหรัฐฯ ซึ่งเราจะเห็นชัดว่า Trump มักจะออกมาส่งสัญญาณกดดันค่าเงินดอลล่าร์ทุกครั้งที่ Dollar Index เหนือ 95 จุด 2)ความคืบหน้าการเจรจาแผนงบประมาณขาดดุลของอิตาลีต่อสหภาพยุโรป(EC) กระตุ้นค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้น และ 3)ตัวเลขจ้างงานของสหราชอาณาจักร ปรับตัวขึ้นมากที่สุดในรอบเกือบ 10 ปี ประกอบกับแนวโน้มที่ UK และ EU จะสามารถเจรจา Brexit กันได้ภายใน 1-2 สัปดาห์ หนุนค่าเงินปอนด์แข็งค่าขึ้น ปัจจัยดังกล่าวถ่วงค่าเงินดอลล่าร์อ่อนค่า หนุนค่าเงินเอเชียแข็งค่าขึ้นเช้านี้เฉลี่ย -0.1% ล่าสุดค่าเงินบาทแข็งค่าที่ 32.51บาทต่อเหรียญฯ เป็นปัจจัยหนุนความน่าสนใจของตลาด EM-ASIA ที่ค่า PER ถูก มีส่วนลดจากค่าเฉลี่ยราว 1เท่า ถูก Reallocating เงินเข้ารอบใหม่ โดยวานนี้  ETF MSCI EM-Asia ปรับตัวขึ้นกว่า +2.51% โดยเฉพาะ ETF MSCI ของกลุ่ม TIPs ที่ฟื้นตัวเด่น นำโดย อินโดนีเซีย +3.46% ฟิลิปปินส์ +2.64% และไทย +1.93% บ่งชี้ จุดเริ่มต้นของ Bullish Sentiment รอบใหม่

 

 

Daily Strategy : ถือหุ้น 75% Sector Rotation เน้นสะสม Domestic Play BBL, KBANK, TMB, CPALL, ROBINS, ADVANC, CK, STEC, PYLON, AMATA, GOLD, SC, ERW, BH, และ Global Play (PTT, PTTEP) วันนี้เน้น “Theme “Big Cap Play”

 

น้ำมันขึ้น : Trump ส่งสัญญาณนักข่าวเสียชีวิตอาจเกี่ยวข้องซาอุฯ +PTT, +PTTEP

BANK : สัปดาห์นี้เริ่มทยอยประกาศผลประกอบการ กลยุทธ์แนะนำเก็งกำไรกลุ่มที่คาดกำไรโต qq yy ได้แก่ TMB(+2.1%yy, +6.1%qq), BBL(+16.4%yy, +3.3%qq), คาดประกาศ ดังนี้ 17ตค(TMB), 18ตค(TCAP, SCB, BBL), 19ตค(KBANK, KTB)

Golden Week 1-7ตค 2018 นักท่องเที่ยวจีนฟื้นตัว +2.77%y-y และวันที่ 18 ตคนี้ ทางการจะหารือมาตรการเสริมการท่องเที่ยว(Double VISA) หนุน AOT, ERW, SPA

กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน(TFFIF) กำลังจะเปิดขาย IPO 12-19 ตค ผสาน TOR 4 โครงการเร่งด่วน เข้า ครม หนุน STEC, AMATA, WHA, CK,  PYLON

หุ้นเก็งเข้า MSCI รอบเดือน พย 2018 GULF, TOA

กลุ่ม รฟฟ เด่นการเติบโต เน้น GULF BGRIM PSTC BWG

OCT 2018 Portfolio Top Picks : AMATA GUNKUL PTT TMB SC STEC

Election Play 2019 : PTT, PTTEP,  BBL, KBANK, TMB,  CPALL, ROBINS, ADVANC,  STEC, AMATA, SC, GOLD

4Q18 : MPC First Rate Hike Play  : BBL, KBANK, GFPT, TU, ADVANC and Investment Related : STEC, AMATA, GULF

2H18 Theme Domestic : Election play when oil surge

Best Picks 2H18 : PTT, IVL, BBL, KBANK, CPALL, CK, STEC, SEAFCO, PYLON, AMATA, GOLD

1.  Index Driver : PTT, BBL, KBANK, CPALL, PTTEP, IVL

2.  Government Spending : STEC, CK, PYLON, SEAFCO, AMATA, ROJNA, SCC

3.  Property : GOLD, SC

4.  Tourism & Transport : ERW, BTS

5.  Global Play : IVL, PTL

6.   ICT : ADVANC

 

Fundamental & Tactical Daily Top Picks :

 

PTT (TP19F 63.5*):  Support 50.25/49.5 Resistant 52.5/53.0 

 

Earnings Outlook: ประเมินกำไรปีนี้ +14% จากธุรกิจน้ำมัน (ต้นน้ำ) ที่ราคาน้ำมันเป็นขาขึ้น จากทั้งด้าน Demand เพิ่ม และปัญหา Supply หนุนราคาเป็นขาขึ้น และช่วยชดเชยธุรกิจโรงกลั่น - ปิโตรที่ยังอ่อนตัว ระยะสั้นคาด 3Q18F กลุ่มโรงกลั่น-อะโรเมติกส์ฟื้นตัว GSP-Olefins ทรงตัว

Valuation: Upside เปิดกว้าง 24.5% และมีความคืบหน้าการนำ PTTOR เข้าตลาดฯ ในช่วงกลางปี 2019F

Catalyst: ราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง +0.8% สู่ $81.4 /bbl จากประเด็นนักข่าวชาวซาอุฯหายตัวไป และสหรัฐ คาดว่าราชวงศ์ซาอุฯมีส่วนรู้เห็น ทำให้เกิดความไม่แน่นอนทางการเมืองระหว่างความสัมพันธ์สหรัฐและซาอุฯ แต่กลับเป็นบวกต่อราคาน้ำมัน กลุ่มพลังงานนำตลาด PTT เด่น

STEC (TP19F 32*): Support 24.6/24.1 Resistant 25.25/26.0

 

Earnings Outlook: คาดกำไร 3Q18F แรงที่ 360 ลบ. (+66% y-y, +18% q-q) จากรายได้รับงานมากขึ้นจากงานรถไฟฟ้า (ส้ม ชมพู เหลือง) และ Margin ที่เริ่มฟื้นตัว จากสัดส่วนงานใหม่มี Margin สูง และคาดกำไร 4Q18F ยังโตต่อเนื่อง y-y, q-q จาก Backlog ที่ยังมีสูงมาก รองรับรายได้ถึง 2020F 

Valuation: ยัง under-own โดยซื้อขายเพียง P/BV19F 2.9x ยังเหมาะสมจากความสามารถในการทำกำไรสูง, ฐานะการเงินแข็งแกร่ง upside เปิดกว้าง 30% และมี Hidden value จากการถือ GULF 40 ล้านหุ้น@ทุน 45 บาท/หุ้น

Catalyst: ได้ประโยชน์จากการลงทุนรอบใหญ่โดยเฉพาะโครงสร้างพื้นฐานของประเทศและ EEC สอดรับกับภาพระยะสั้นคาดรัฐจะเร่งงานประมูลออกมาก่อนเลือกตั้ง (รถไฟ High speed เชื่อม 3 สนามบิน, รถไฟฟ้าสีส้ม, รถไฟทางคู่, มาบตาพุดเฟส 3 ฯลฯ) + คาดไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์เปิดขายปลาย ต.ค.18 นี้ หนุน Sentiment กลุ่มอิงการลงทุน

TMB (TP19F 2.5*): Support 2.30/2.26 Resistant 2.40/2.44

 

Earnings Outlook: เราคาดกำไรสุทธิผ่านจุดต่ำสุดแล้ว โดย 3Q18F คาดทยอยฟื้นตัวอยู่ที่ 2.15 พันลบ. (+2% y-y, +6% q-q) จากสินเชื่อฟื้นตัว, สำรองทรงตัว และคาดกำไร 4Q18F ยังเป็นภาพเติบโต y-y, q-q และต่อเนื่องใน 2019F ที่ +11% y-y นอกจากนี้ยังเป็นหนึ่งในผู้นำด้านเทคโนโลยี จึงพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ยุคดิจิตัลของกลุ่มธนาคาร

Valuation: ราคาหุ้น Laggard กลุ่ม Bank โดย YTD -22.5% VS กลุ่ม -3.3% ตอบรับการลดประมาณการของตลาดก่อนหน้านี้ไปแล้ว และยัง Under-owned อยู่มาก โดยราคาปัจจุบันเป็นโซนซื้อที่ได้เปรียบ PER19F 10.6 เท่า และ PBV19F เพียง 1.0 เท่า โดยหลังปี 2010 เป็นต้นมา PBV Zone 1.0-1.1เท่า คือจุดซื้อในเชิงพื้นฐานที่ดีที่สุดของ TMB เกิดขึ้น 4 ครั้งในช่วง 8 ปีหลัง และมักให้ผลตอบแทนที่ดีจากการซื้อหุ้นที่ Zone นี้

Catalyst: มองกลุ่ม Bank ยังน่าสนใจ Downside ต่ำ และมี catalyst บวกจากแนวโน้มดอกเบี้ยกลับสู่ขาขึ้น โดย TMB เป็นตัวเลือกที่ดีที่คาดจะรายงานกำไร 3Q18F บวกทั้ง y-y, q-q (ประกาศงบวันนี้)

Note: TP (Bloomberg Consensus) , *TP(CNS), **TP(Nomura)