- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 16 October 2018 20:22
- Hits: 4211
บล.หยวนต้า(ประเทศไทย) : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้
สะสมหุ้นที่คาดกำไรใน 3Q61 เด่น
Smart Pick
สะสม SCB
ราคาปิด 141.50 บาท
ราคาเหมาะสม 153.00 บาท
เรามองว่ากลุ่มธนาคารจะเกิดแรงเก็งกำไรในสัปดาห์นี้ ต่อประเด็นผลประกอบการ 3Q61 ที่จะรายงานตั้งแต่วันที่ 16-19 ต.ค.
SCB รายงานงบ 3Q61 วันที่ 18 ต.ค. เราคาดกำไร 3Q61 ที่ 1.11 หมื่นล้านบาท +9.8% YoY และ +0.1% QoQ พร้อมโอกาสที่กำไรจะดีกว่าคาดจากการตั้งสำรองที่ลดลง ขณะที่การลงทุนระบบ IT ขนาดใหญ่ได้ผ่านไปแล้วในช่วงก่อนหน้า ดังนั้นเรามองว่ามีโอกาสที่ตลาดจะปรับประมาณการและราคาเหมาะสมขึ้นได้
สะสม SAWAD
ราคาปิด 45.00 บาท
ราคาเหมาะสม 60.00 บาท
กลุ่มไฟแนนซ์ถูกปลดล็อก หลังครม.อนุมัติหลักการ พ.ร.บ.กำกับดูแลผู้ให้บริการทางการเงิน โดยไม่มีเงื่อนไขกำหนดเพดานดอกเบี้ย เป็นบวกต่อหุ้นกลุ่มจำนำทะเบียนรถยนต์ เช่น SAWAD, MTC
ขณะที่กำไรของ SAWAD ใน 3Q61 เราคาดเติบโต +12% YoY และ +15% QoQ เป็น 696 ล้านบาท รวมทั้งคุณภาพสินทรัพย์ดีขึ้น คาด NPL ลดลงเหลือ 5.2% ใน 3Q61 จาก 5.4% ใน 2Q61
สะสม BJC
ราคาปิด 57.00 บาท
ราคาเหมาะสม 72.00 บาท
เราคาดกำไร 3Q61 เติบโต YoY และ QoQ จากการฟื้นตัวของภาคบริโภคในประเทศ หนุนโดย SSSG ใน 3Q61 กลับมาเป็นบวก YoY จากที่ติดลบใน 2Q61 ราว -0.5% YoY
นอกจากนี้ เรามองว่าหุ้นกลุ่มค้าปลีกอาจเป็นเป้าหมายเข้าลงทุนจากกองทุน Trigger Fund ที่ระดมทุนอยู่ในช่วงนี้ 2 กองทุน วงเงิน 2 พันล้านบาท/กองทุน
เก็งกำไร SCC
ราคาปิด 420.00 บาท
แนวต้านทางเทคนิค 432.00 บาท
ราคาหุ้นฟื้นตัวทางเทคนิคในวันศุกร์ที่ผ่านมา เราคาดมีโอกาสขึ้นทดสอบแนวต้านที่ 432.00 บาท แนวรับ 418.00 บาท และ Stop loss หากต่ำกว่า 412.00 บาท
ขณะที่ปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง คาดธุรกิจปูนซีเมนต์ผ่านพ้นจุดต่ำสุดแล้ว และ Valuation น่าสนใจที่ระดับ PER2561 เพียง 10 เท่า พร้อมทั้งให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลปีละ 4.5%
Profit Taking : N.A.
กลยุทธ์วันนี้
บรรยากาศการลงทุนในวันนี้เรามองเป็น "กลาง" หลังเกิดแรงขายแบบแพนนิคในสัปดาห์ที่ผ่านมาจากเงินทุนต่างชาติ เนื่องจาก 1) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ อายุ 10 ปีเริ่มทรงตัวดีขึ้น 2) ดัชนีดอลลาร์สหรัฐฯ ทรงตัวดีขึ้น 3) ผลการดำเนินงานของกลุ่มธนาคารในสหรัฐฯ ออกมาดีกว่าคาดเป็นส่วนใหญ่ และ 4) บลจ.ไทยเริ่มทยอยประกาศขายกองทุนทริกเกอร์ฟันด์ สัปดาห์ก่อนเป็น SCBAM วงเงิน 2.0 พันล้านบาท และสัปดาห์นี้เป็นของ TISCOAM วงเงิน 2.0 พันล้านบาท ระดับทริกเกอร์ 5% ในหุ้นไทย สะท้อนกลับมาเป็นเป้าหมาย SET INDEX ที่ราว 1,770-1,780 จุด ปัจจัยดังกล่าวทำให้เราประเมินว่า SET INDEX วันนี้แกว่งทรงตัวดีขึ้นระหว่าง 1,685-1,705 จุด
สำหรับประเด็นทริกเกอร์ฟันด์นั้น เรามองว่ากองทุนจะมุ่งไปยังหุ้นขนาดใหญ่ / ขนาดกลาง ที่ราคาหุ้นปรับตัวลงมาแรงในช่วงก่อนหน้านี้ ขณะที่ปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง เช่น SCC / GPSC / SCB/ BJC/ ROBINS/ TU/ PTTEP เป็นต้น
ปัจจัยสำคัญวันนี้ จับตาท่าทีของ DTAC ต่อการตัดสินใจประมูลคลื่น 900MHz หรือไม่ และเย็นนี้ประกาศงบการเงิน 3Q61 เรามองว่าราคาหุ้น DTAC จะเคลื่อนไหวผันผวนระหว่างชั่วโมงการซื้อขายอยู่พอสมควร
ดังนั้นเชิงกลยุทธ์การลงทุน เราแนะนำให้นักลงทุนที่ทยอยสะสมหุ้นหลักมาตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ถือเพื่อรอขายทำกำไรรอบสั้นบริเวณ 1720-1730 จุดบางส่วน ส่วนนักลงทุนที่ลดน้ำหนักการลงทุนในสัปดาห์ที่ผ่านมา เราแนะนำให้เลือกทยอยสะสมหุ้นขนาดกลางที่คาดว่าจะได้อานิสงค์จากเม็ดเงินกองทุนทริกเกอร์ฟันด์ในรอบนี้เป็นสำคัญ
บทวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานวันนี้ ได้แก่ BCH เราคาดกำไรสุทธิ 3Q61 ราว 354 ล้านบาท เติบโตเด่น 42% QoQ, 17% YoY ทำสถิติสูงสุดใหม่รายไตรมาส จากปัจจัยฤดูกาล (High Season) และคาดโรงพยาบาล WMC พลิกกลับมามีกำไรราว 16 ล้านบาท เราคงคำแนะนำ "ซื้อ" ราคาเหมาะสม 20.80 บาท
HOT Topic
1. เข้าสู่ช่วงเก็งกำไรงบ 3Q61 ของกลุ่มธนาคาร หุ้นธนาคารใด เราคาดงบจะออกมาเด่น?
2. 1700 จุด สัปดาห์นี้จะผ่านได้หรือไม่
3. บทวิเคราะห์หุ้น BCH คาดกำไร 3Q61 ทำระดับสูงสุดใหม่
4. เห็นสัญญาณเปิดขายกองทุน Trigger Fund ใหม่ต่อเนื่อง สะท้อนภาพตลาดอย่างไร?
ตลาดหุ้นไทยวานนี้
วานนี้ SET INDEX ฟื้นตัวปิดที่ 1696.16 จุด บวก 13.27 จุด (+0.79%) ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่เบาบางเพียง 4 หมื่นล้านบาท
กระแสเงินทุน : สถาบันในประเทศเป็นผู้ซื้อสุทธิหลักเพียงรายเดียวราว 4.7 พันล้านบาท รวม 4 วันทำการซื้อสุทธิสะสมราว 1.4 หมื่นล้านบาท ขณะที่นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิเป็นวันที่ 9 อีกราว 3.7 พันล้านบาท รวม 9 วันทำการขายสุทธิสะสมราว 3.5 หมื่นล้านบาท ด้านตลาด SET50 Index Futures กลุ่มนักลงทุนสถาบันในประเทศและบัญชี บล. มีสถานะ Short สุทธิเป็นวันที่ 2 อีกราว 4.4 พันสัญญา รวม 2 วันทำการมีสถานะ Short สุทธิสะสมราว 1.2 หมื่นสัญญา ส่งผลให้ QTD มีสถานะ Long สุทธิคงเหลือ 1.6 หมื่นสัญญา เช่นเดียวกับนักลงทุนต่างชาติที่มีสถานะ Short สุทธิวันแรกในรอบ 3 วันทำการราว 3.4 พันสัญญา ส่งผลให้ QTD มีสถานะ Short สุทธิสะสม 4.8 พันสัญญา แม้ S50Z18 จะมี Discount จาก SET50 Index ราว 1.92 จุด
ตลาดตราสารหนี้ : นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิเล็กน้อยราว 659 ล้านบาท ขณะที่ค่าเงินบาททรงตัวอยู่ในระดับแข็งค่าที่ THB32.67/USD
ปัจจัยสำคัญวันนี้
จีนรายงานการส่งออกเดือน ก.ย. 61 ขยายตัว 14.5%YoY ดีกว่าที่ตลาดคาดเพิ่มขึ้น 8.2%YoY ขณะที่การนำเข้าสูงขึ้น 14.3%YoY ต่ำกว่าที่ตลาดคาดที่ 15.3%YoY
จีนรายงานยอดเกินดุลการค้าสหรัฐฯที่ระดับ US$3.41 หมื่นล้าน สูงสุดเป็นประวัติการณ์
คณะรัฐมนตรีอิตาลีอนุมัติแผนงบประมาณขาดดุลปี 2562 ที่ระดับ 2.4% ต่อ GDP เพิ่มขึ้นจากปี 2561 ที่ระดับ 1.8% ต่อ GDP
การเจรจาระหว่างอังกฤษและ EU ต่อประเด็น Brexit วันอาทิตย์ที่ผ่านมายังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงได้ โดยจะมีการเจรจาอีกครั้งในวันที่ 17 ต.ค. 61
นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นประกาศขึ้นภาษีอุปโภคบริโภค (VAT) จาก 8% เป็น 10% โดยมีผลบังคับใช้ในเดือน ต.ค.2562
Baker Hughes รายงานปริมาณแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบสหรัฐฯเพิ่มขึ้น 11 แท่นในสัปดาห์ที่ผ่านมา
ติดตามการรายงานเงินเฟ้อจีนเดือน ก.ย. ตลาดคาดขยายตัว 2.5% YoY วันที่ 16 ต.ค.
ติดตามการรายงานเงินเฟ้ออังกฤษ และอียู เดือนก.ย. ในวันที่ 17 ต.ค.
ติตตามการรายงานเงินเฟ้อ ญี่ปุ่น เดือนก.ย. ตลาดคาดขยายตัว 1.3% YoY และการรายงาน GDP 3Q61 ของจีน ตลาดคาดขยายตัว 6.6% YoY วันที่ 19 ต.ค.
ติดตามการประกาศงบการเงิน 3Q61 ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
Strategist Team
Mayuree Chowvikran Head of Research 662-009-8050
Padon Vannarat Strategist 662-009-8060
Piyapat Patarapuvadol Strategist 662-009-8062
Nutt Treepoonsuk Strategist 662-009-8059
OO15051