เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา SET เกิด Technical rebound โดยมีแรงซื้อในกลุ่มพลังงานนำโดย PTTEP, PTT กลุ่มธนาคาร KBANK, SCB กลุ่มโรงไฟฟ้า GLOW, BCPG, CKP ณ สิ้นวัน SET ปิดที่ 1,696.1 จุด (+13.2 จุด) ด้วยมูลค่าการซื้อขายราว 3.9 หมื่นลบ. ลดลง จากวันก่อนหน้าที่ 8.2 หมื่นล้านบาท

 

  นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทยเป็นวันที่ 9 ติดต่อกันที่ 3,653 ล้านบาท (นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิที่ 4,716 ล้านบาท)  และกลับมาเปิดสถานะ Short SET50 index future สุทธิ 3,359 สัญญา

 

  ตลาดหุ้นผันผวนจากปัจจัยต่างประเทศ ยังคงประเมิน SET แกว่งตัว  : ตลาดหุ้นเข้าสู่ภาวะ Risk-off กล่าวคือเริ่มเผชิญกับความเสี่ยงโดยเฉพาะจากปัจจัยต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยเราให้น้ำหนักกับประเด็น ผลกระทบในระยะกลางของสงครามการค้าที่ยังไม่มีท่าทีการเจรจาในเร็วๆ นี้ ส่งผลให้การค้าโลกลดลง สอดคล้องกับมุมมอง IMF ที่ล่าสุดปรับอัตราการเติบโตของการค้าโลกลงเหลือ 4% (-50bps) ซึ่งประเด็นที่ต้องติดตามต่อคือผลกระทบต่อภาคการส่งออก โดยเฉพาะประเทศที่พึ่งพิงการส่งออกสูง (ประเทศไทยมีสัดส่วนการส่งออกมากกว่า 70%ของ GDP) ยิ่งไปกว่านั้นเรามองว่านักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ยังไม่ได้ประเมินผลกระทบทางอ้อมของ Term การค้าใหม่ๆที่สหรัฐเจรจา เช่น การที่สหรัฐกับแคนาดาตกลงร่วมกันใช้วัสดุในประเทศผลิตเพิ่มเป็น 75% (จากเดิม 62%) และใช้แรงงานในประเทศด้วยการกำหนดค่าแรงขั้นต่ำที่ 16 เหรียญ/ชั่วโมง  ซึ่งนั่นจะส่งผลให้ประเทศที่เคยส่งออกชิ้นส่วนอุปกรณ์ต่างๆไปยังสหรัฐและแคนาดาได้รับผลกระทบทั้งรายได้ที่ลดลงและการจ้างงาน

  Investment Theme: คาด SET ปรับฐานในกรอบ 1,670-1,710 จุด จนกว่าจะเห็นปัจจัยสนับสนุนใหม่จากทั้งต่างประเทศและในประเทศ แนะทยอยสะสมกลุ่มค้าปลีกที่มีหลายปัจจัยสนับสนุน และคาดรัฐออกมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อ (CPALL, BJC) กลุ่มก่อสร้างและวัสดุก่อสร้าง (TEAMG, STEC, SCCC)

 

  เมื่อคืนที่ผ่านมา –  IMF ปรับเป้า GDP เอเชียปีหน้าเหลือ 5.4% (ลดลง 0.2% จากการคาดการณ์ครั้งก่อน) / จีนปรับลด RRR 1% มีผลแล้วเมื่อวานที่ผ่านมา / ค่าการกลั่นปรับเพิ่มขึ้น 8.9% ที่ 5.75 เหรียญ/บาร์เรล

 

 

Trading idea – เก็งกำไร STEC คาดกำไร 3Q18 เติบโตเด่น YoY, QoQ พร้อมให้เป็น stock pick กลุ่มก่อสร้าง ราคาเป้าหมาย 29.0 บาท / ทยอยสะสม GLOW บริเวณ 82.0 บาท+/- ภายหลังราคาหุ้นปรับลดสะท้อนข่าวการยกเลิกการเข้าซื้อบริษัทไปพอสมควรแล้ว ในขณะที่ปัจจุบัน Yield สูงกว่า 6% / เก็งกำไร CPF คาดกำไรปกติ Q3 ฟื้นเด่น 22% YoY  / ทยอยสะสม BEM บริเวณ 8.20 บาท +/- คาดผลประกอบการ Q3 ทำระดับสูงสุดเป็นประวัติกาณ์/ หลีกเลี่ยงการลงทุนกลุ่มท่องเที่ยว AOT, CENTEL

 

 

 

  เกิดแรง Rebound ต่อเนื่อง มองแกว่งตัวในกรอบ 1680-1711 :  แรงซื้อจากหุ้นกลุ่มขนส่ง พลังงาน และธนาคาร ทำให้ดัชนีเกิดแรง Rebound ต่อเนื่อง ประกอบกับ Modified Stochastic ที่เริ่มหยุดลงบริเวณเขต Oversold จึงมองว่าดัชนีจะแกว่งออกข้างในกรอบ 1680-1711 ระยะสั้นหากยืนเหนือ 1690 อาจใช้เป็นจังหวะเก็งกำไรระยะสั้นในกรอบ 1690-1711  และชะลอการเก็งกำไรเมื่อหลุด 1690 ส่วนแนวโน้มระยะกลางจะกลับเป็นขาขึ้นอีกครั้งเมื่อดัชนีกลับมายินเหนือแนวต้าน 1711 (EMA200Day)

 

  กลยุทธ์การลงทุน 1) เล่น Rebound ในกรอบ 1690-1711 เน้นขายกำไรตามแนวต้าน 1700, 1711 เพื่อเล่นรอบ  หากหลุด 1690 แนะนำ เลิกเก็งกำไรระยะสั้น2)  ไม่มีหุ้น : หากรับความเสี่ยงได้สูง ในจังหวะอ่อนตัวสู่แนวรับหากไม่หลุด 1690 แนะนำเก็งกำไรในกรอบ 1690-1711 หากรับความเสี่ยงไม่ได้แนะนำชะลอการลงทุน

  แนวรับ : 1680, 1690 แนวต้าน : 1700, 1711

 

  ปัจจัยต่างประเทศ: Trump เตรียมเจรจาการค้าญี่ปุ่น / 17 ต.ค. จับตาการเจรจา Brexit /  Trump ส่ง Pompeo ไปยังซาอุสืบคดีการหายตัวไปของ Khashoggi

  ปัจจัยในประเทศ:  งบ TMB ออกพรุ่งนี้ / OSP เข้าซื้อขายพรุ่งนี้

 

  PTTEP (B146.00-147.00, Tp 152.00//155.00, Cut 145.00)

  EA (B 46.00, Tp 49.00, Cut 45.00)