เมื่อวานที่ผ่านมา SET เผชิญกับแรงขายตามภูมิภาคที่ปรับตัวลงตามตลาดหุ้นสหรัฐ โดยหุ้นกลุ่มพลังงานนำโดย PTT, PTTEP, BANPU, GULF ปรับตัวลง ในขณะที่  GLOW มีแรงขายเด่นภายหลังกกพ. มีมติไม่อนุมัติการเข้าซื้อโดย GPSC และหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าอย่าง BCPG, CKP, EA ก็มีแรงขายเด่นเช่นกัน  ณ สิ้นวัน SET ปิดที่ 1,682.8 จุด (-38.9 จุด) ด้วยมูลค่าการซื้อขายราว 8.2 หมื่นลบ. เพิ่มขึ้นจากวันก่อนหน้าที่ 4.6 หมื่นล้านบาท

  นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทยเป็นวันที่ 8 ติดต่อกันที่ 10,562 ล้านบาท (นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิที่ 1,702 ล้านบาท)  และเปิดสถานะ Long SET50 index future สุทธิ 23,013 สัญญา

 

  OPEC ปรับ Demand น้ำมันลง  : ภายหลังเราวิเคราะห์ถึงหลายปัจจัยความเสี่ยง (Risk-off) หนึ่งในนั่นคือการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกจะส่งผลโดยตรงต่อราคา Commodity อย่างไรก็ตามเราเคยคาด ราคาน้ำมันจะเป็นตัวสุดท้ายที่ปรับลง (คาด 1Q19) เนื่องจากยังถูกตรึงจากการคว่ำบาตรอิหร่านที่จะมีผลในวันที่ 4 พ.ย. ล่าสุด OPEC ได้ปรับประมาณการ Demand น้ำมันโลกในปีนี้และหน้าลง เหลือเติบโต 1.54 และ 1.36 ล้านบาร์เรล (-8 และ -5 หมื่น ตามลำดับ) อีกทั้งรายงานยอดการผลิตน้ำมันเดือนก.ย.เพิ่มขึ้นถึง 1.32 แสนจากเดือนก่อน เป็น 32.8 ล้านบาร์เรล จากซาอุ, ลิเบียและอื่น ๆ ซึ่ง offset การลดลงของ Iran , Venezuela บางส่วน ในขณะที่ซาอุดิอาระเบียระบุจะเพิ่มกำลังการผลิตต่อเนื่องทั้งในเดือนนี้และพ.ย.(คาดมากกว่า 10.7 ล้านบาร์เรล) แนะจับตาการประชุมในวันที่ 23 ต.ค. และ 7พ.ย. และเมื่อคืนที่ผ่านมา สหรัฐรายงานตัวเลขน้ำมันดิบคลังเพิ่มขึ้นมากกว่าคาดที่ 6 ล้านบาร์เรล (คาด 2.6ล้าน) โดยทุกๆ 1เหรียญน้ำมันดิบที่ปรับลง จะส่งผลต่อกำไรตลาดที่ลดลง 4-5 พันล้านบาท++ ไม่นับ Stock loss (โดยในปีหน้า Consensus คาดกำไรตลาดทั้งหมดประมาณ 1.15-1.17 ล้านล้านบาท )

  Investment Theme: คาด SET ปรับฐานในกรอบ 1,670-1,710 จุด จนกว่าจะเห็นปัจจัยสนับสนุนใหม่จากทั้งต่างประเทศและในประเทศ แนะทยอยสะสมกลุ่มค้าปลีกที่มีหลายปัจจัยสนับสนุน และคาดรัฐออกมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อ (CPALL, BJC) กลุ่มก่อสร้างและวัสดุก่อสร้าง (TEAMG, STEC, SCCC)

 

  เมื่อคืนที่ผ่านมา –  ประธานสนช.คาดอาคารรัฐสภาแห่งใหม่เปิดพร้อมใช้งาน พ.ค. 2562  / Brent ปรับตัวลงที่ 80.3 เหรียญ/บาร์เรล  / จับตาการพูดคุยถึงเรื่องสิทธิประโยชน์ทางภาษี LTF ที่กำลังจะหมด / สหรัฐรายงาน CPI ต่ำกว่าคาด 2.2% YoY

 

  Trading idea – ทยอยสะสม GLOW บริเวณ 82.0 บาท+/- ภายหลังราคาหุ้นปรับลดสะท้อนข่าวการยกเลิกการเข้าซื้อบริษัทไปพอสมควรแล้ว ในขณะที่ปัจจุบัน Yield สูงกว่า 6% / เก็งกำไร CPF คาดกำไรปกติ Q3 ฟื้นเด่น 22% YoY  / ทยอยสะสม BEM บริเวณ 8.20 บาท +/- คาดผลประกอบการ Q3 ทำระดับสูงสุดเป็นประวัติกาณ์/ หลีกเลี่ยงการลงทุนกลุ่มท่องเที่ยว AOT, CENTEL / กลุ่มโรงกลั่นเริ่มมี Upside จำกัด ในขณะที่ Catalyst เริ่มหมด มองว่าการปรับตัวขึ้นเป็นจังหวะขายทำกำไร

 

 

  เสียเทรนขาขึ้นระยะยาว ขณะนี้มองแกว่งตัวในกรอบ 1665-1700     :  ดัชนีปรับตัวลงตามตลาดต่างประเทศที่ปรับตัวลงแรงก่อนหน้า ทำให้ดัชนีปรับตัวลงหลุดแนวรับเส้น Uptrend ระยะยาว และปรับตัวลงปิด Gap ที่ 1680 แม้ระหว่างวันปรับตัวหลุด Gap แต่ท้ายตลาดก็กลับมาปิดยืนได้ ทำให้ระยะกลางมองว่าดัชนีเปลี่ยนจากเทรนขาขึ้นเป็นแกว่งออกข้างในกรอบ 1665-1700 ขณะนี้สำหรับคนที่รับความเสี่ยงไม่ได้แนะนำชะลอการลงทุน แต่หากรับความเสี่ยงได้แนะนำเทรดในกรอบ 1675-1700 เน้นรอซื้อเมื่ออ่อนตัวที่บริเวณ กลยุทธ์การลงทุน 1) เล่น Rebound ในกรอบ 1675-1700 เน้นขายกำไรตามแนวต้าน 1690, 1700 เพื่อเล่นรอบ  หากหลุด 1675 แนะนำ Lock Profit หรือ Stop Loss 2)  ไม่มีหุ้น : หากรับความเสี่ยงได้สูง ในจังหวะอ่อนตัวสู่แนวรับหากไม่หลุด 1675 แนะนำเก็งกำไรในกรอบ 1675-1700 หากรับความเสี่ยงไม่ได้แนะนำชะลอการลงทุน

แนวรับ : 1665, 1675 แนวต้าน : 1690, 1700

 

  ปัจจัยต่างประเทศ: Trump เตรียมเจรจาการค้าญี่ปุ่น 

  ปัจจัยในประเทศ:  -

  PTTEP (B143.00-145.00, Tp 150.00//152.00, Cut 142.00)

  AMATA (B 23.50, Tp 24.70, Cut 23.00)