- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 11 October 2018 17:52
- Hits: 3248
บล.หยวนต้า(ประเทศไทย) : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้
หาจังหวะสะสมหุ้นเป้าหมาย หากราคาหุ้นปรับตัวลงแรงผิดปกติจากภาวะตลาด
Smart Pick
สะสม BBL
ราคาปิด 212.00 บาท
ราคาเหมาะสม 235.00 บาท
SET INDEX วันนี้คาดปรับตัวลงแรงตามตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดลบกว่า 3% กลายเป็นโอกาสสะสมหุ้นกลุ่ม Domestic Play เช่น กลุ่มธนาคาร เพื่อเก็งกำไรงบ 3Q61 เริ่มประกาศตั้งแต่วันนี้ถึงสัปดาห์หน้า
เราคาดกำไรสุทธิ 3Q61 เติบโต +17% YoY และ +4% QoQ เป็น 9.57 พันล้านบาท และมีความเสี่ยงจำกัดจากการคุมเข้มสินเชื่อที่อยู่อาศัยของธปท. เพราะมีสัดส่วนสินเชื่อที่อยู่อาศัยน้อยสุดในกลุ่มธนาคาร ขณะที่ Valuation ซื้อขายที่ PBV เพียง 0.9 เท่า
สะสม SAWAD
ราคาปิด 46.25 บาท
ราคาเหมาะสม 60.00 บาท
วานนี้ครม.อนุมัติหลักการ พ.ร.บ.กำกับดูแลผู้ให้บริการทางการเงิน เราประเมินว่าเป็นบวกต่อกลุ่มสินเชื่อจำนำทะเบียนรถยนต์ เช่น SAWAD และ MTC เพราะไม่มีการกำหนดเพดานอัตราดอกเบี้ย อย่างที่ตลาดเคยกังวลก่อนหน้า
ขณะที่กำไร 3Q61 เราคาดเติบโต +12% YoY และ +15% QoQ เป็น 696 ล้านบาท รวมทั้งคุณภาพสินทรัพย์ดีขึ้น คาด NPL ลดลงเหลือ 5.2% ใน 3Q61 จาก 5.4% ใน 2Q61
สะสม BJC
ราคาปิด 57.75 บาท
ราคาเหมาะสม 72.00 บาท
เรามองว่าหุ้นกลุ่มค้าปลีกจะเป็นเป้าหมายการเข้าซื้อของกองทุนในประเทศ จาก (1) เม็ดเงินหมุนจากกลุ่ม Global Play เข้าสู่กลุ่ม Domestic Play (2) กลุ่มค้าปลีกได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของภาคบริโภคในประเทศ และ (3) ได้ Sentiment บวกจาก Theme เลือกตั้ง
แนวโน้มกำไรปกติ 3Q61 เราคาดเติบโต YoY จาก SSSG กลับมาเป็นบวก ผลักดันให้กำไรปกติปี 2561 เติบโต +29% YoY เป็น 6.79 พันล้านบาท เติบโตสูงสุดในหุ้นกลุ่มค้าปลีก
เก็งกำไร QH
ราคาปิด 3.24 บาท
แนวต้านทางเทคนิค 3.30 บาท
ราคาหุ้นยืนเหนือเส้น 200 วันที่ 3.20 บาท +/- ได้ คาดมีโอกาสขึ้นทดสอบแนวต้านที่ 3.30 บาท และ 3.40 บาท ตามลำดับ แนวรับ 3.18 บาท และ Stop loss หากต่ำกว่า 3.12 บาท
QH มีผลกระทบจำกัดต่อนโยบายคุมเข้มสินเชื่อของธปท. เนื่องจาก (1) สัดส่วนรายได้จากโครงการแนวสูงถึง 85% (2) กลุ่มลูกค้าเป็น Real Demand เพื่ออยู่อาศัย และ (3) รายได้จาก Recurring Income เช่น กองทุน Property Fund และการถือหุ้น HMPRO คิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 50% ของกำไรบริษัท
Profit Taking : N.A.
กลยุทธ์วันนี้
บรรยากาศการลงทุนในวันนี้ แน่นอนว่า "เป็นลบ" หลังตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดลบมากถึง 3-4% นำโดยกลุ่มเทคโนโลยีจาก Valuation ที่ตึงตัว อีกทั้งราคาน้ำมันดิบ NYMEX ปรับตัวลงราว 2% ผลจาก API รายงานสต๊อคน้ำมันดิบรายสัปดาห์เพิ่มขึ้นมากถึง 9.75 ล้านบาร์เรล สูงกว่าคาดการณ์ของตลาดอย่างมีนัยสำคัญ แต่หากพิจารณาการเคลื่อนย้ายเงินทุนระหว่าง Asset Class ระหว่างตลาดหุ้น / ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ / ทองคำ / ตลาดตราสารหนี้ พบว่าเงินทุนไหลออกจากตลาดหุ้นเป็นหลัก ออกจากตลาดน้ำมันเล็กน้อย แต่ก็กลับเข้าทองคำและตลาดตราสารหนี้ไม่มากเช่นกัน ทำให้ประเมินว่านักลงทุนเลือกที่จะถือเงินสดเพื่อรอดูทิศทางการลงทุนที่ชัดเจน
และหากพิจารณาจากตลาดหุ้นเช้านี้ที่เปิดทำการแล้ว (8.15 น.) อย่าง NIKKEI / KOSPI เปิดลบราว 2.5% ดังนั้น SET INDEX วันนี้ก็ย่อมเปิดลบไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นๆ ในเอเชียเช่นกัน ประเมิน SET INDEX จะเปิดลงแพนนิคสู่แนว 1,680-1,690 จุด ก่อนการฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปลุ้นปิดยืนเหนือ 1,700 จุดได้ในวันนี้
ขณะที่ปัจจัยพื้นฐานด้านเศรษฐกิจ / การลงทุนในตลาดหุ้นไทยยังคงแข็งแกร่ง การอ่อนตัวลงมาลักษณะแพนนิคนั้นกลายเป็นโอกาสของการเข้าสะสม โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่ม Domestic Play ผสมผสานทั้งหุ้น Big Cap และ Mid Cap ที่แนวโน้มผลการดำเนินงาน 3Q61 โตเด่นกว่ากลุ่ม หรือ Valuation ลงมาอยู่ในโซนที่ปลอดภัย หรือ มีปันผลสูงเป็นเบาะรองรับ ได้แก่ ADVANC/ BBL/ BJC/ AMATA/ SAWAD/ RS/ QH
วันนี้ ติดตามการรายงานผลการดำเนินงานงวด 3Q61 ของกลุ่มธนาคาร/ กลุ่มการเงิน ได้แก่ TISCO เราคาดกำไรสุทธิ 1.57 พันล้านบาท (+4.3% QoQ, +13.4% YoY) และ KTC คาดกำไรสุทธิทำสถิติสูงสุดใหม่รายไตรมาสอีกครั้ง ที่ 1.4 พันล้านบาท (+7.5% QoQ, +66% YoY)
HOT Topic
1. ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เซถลากว่า -3% เราวางกลยุทธ์อย่างไร?
2. หุ้นกลุ่มธนาคารและการเงินเริ่มรายงานงบ 3Q61 วันนี้ ได้แก่ TISCO, KTC
3. โอกาสในการเข้าซื้อหุ้นกลุ่ม Domestic Play เราชอบหุ้นตัวใด?
4. ธปท.เริ่ม Public Hearing มาตรการคุมเข้มสินเชื่อภาคอสังหาฯ วันที่ 11-22 ต.ค.
ตลาดหุ้นไทยวานนี้
วานนี้ SET INDEX ฟื้นตัวขึ้นเด่นถึง 24.90 จุด (+1.47%) ปิดที่ 1721.82 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่เบาบางเพียง 4.7 หมื่นล้านบาท โดยหุ้นที่ปรับตัวขึ้นเด่นเป็นหุ้นในดัชนี SET50 (+1.63%) และ SET100 (+1.66%) ขณะที่ดัชนี sSET +0.92%
กระแสเงินทุน: สถาบันในประเทศเป็นผู้ซื้อสุทธิเพียงรายเดียวหนาแน่นถึง 4.7 พันล้านบาท และเป็นการซื้อสุทธิวันที่ 2 รวมกว่า 7.2 พันล้านบาท สวนทางกับนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิเป็นวันที่ 7 อีกราว 1.8 พันล้านบาท รวม 7 วันทำการขายสุทธิสะสมกว่า 2 หมื่นล้านบาท ด้านตลาด SET50 Index Futures กลุ่มสถาบันในประเทศและบัญชี บล. มีสถานะ Long สุทธิเป็นวันที่ 7 อีก 781 สัญญา รวม 7 วันทำการมีสถานะ Long สุทธิสะสม 2.9 หมื่นสัญญา เช่นเดียวกับนักลงทุนต่างชาติที่มีสถานะ Long สุทธิเป็นวันที่ 2 แต่เล็กน้อยเพียง 548 สัญญา โดย S50Z18 ยังคงมี Discount จาก SET50 Index อยู่ราว 1.33 จุด
ตลาดตราสารหนี้ : นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิเป็นวันที่ 2 อีกราว 4.9 พันล้านบาท รวม 2 วันทำการซื้อสุทธิสะสมราว 8.3 พันล้านบาท
ปัจจัยสำคัญวันนี้
ตัวแทนเจรจาฝ่าย EU เผยความคืบหน้าการเจรจาข้อตกลงหลัง Brexit กับอังกฤษได้กว่า 80-85% และคาดว่าจะบรรลุข้อตกลงทั้งหมดภายในสัปดาห์หน้า โดยมีกำหนดการประชุมอีกครั้งในวันที่ 17 ต.ค. 2561
ครม.มีมติอนุมัติหลักการ พ.ร.บ. กำกับดูแลผู้ให้บริการทางการเงิน โดยคณะกรรมการฯคอยควบคุมไม่ให้เรียกเก็บอัตราดอกเบี้ยเกินความเหมาะสม
API รายงานสต๊อกน้ำมันดิบสหรัฐฯเพิ่มขึ้น 9.75 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่ตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 2.62 ล้านบาร์เรล และเป็นการเพิ่มขึ้นมากสุดนับตั้งแต่ ก.พ. 2560
รัฐมนตรีกระทรวงการคลังของสหรัฐฯเตือนประเทศจีนเกี่ยวกับค่าเงินหยวนที่อ่อนค่ามากเกินไป และต้องการให้มีข้อตกลงด้านค่าเงินในการเจรจาทางการค้ากับจีน
PTT ขึ้นเครื่องหมาย XD จ่ายเงินปันผลหุ้นละ 0.8 บาท มีผลต่อดัชนีราว -2.26 จุด
ติดตามการรายงานเงินเฟ้อ CPI ของสหรัฐฯ เดือน ก.ย. ตลาดคาดขยายตัว 2.4%YoY วันนี้
ติดตามการประชุมชี้แจงและรับฟังความเห็นระหว่างธนาคารแห่งประเทศไทย และสถาบันการเงิน/ ผู้ประกอบการ/ ผู้บริโภค ต่อแนวทางการกำกับดูแลสินเชื่อภาคอสังหาฯ ในวันนี้
ติดตามการรายงานนำเข้า-ส่งออกจีน เดือน ก.ย. ตลาดคาดส่งออกขยายตัว 9.5%YoY และนำเข้าขยายตัว 15.6%YoY วันที่ 12 ต.ค.
Strategist Team
Mayuree Chowvikran Head of Research 662-009-8050
Padon Vannarat Strategist 662-009-8060
Piyapat Patarapuvadol Strategist 662-009-8062
Nutt Treepoonsuk Strategist 662-009-8059
OO14924