- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 10 October 2018 22:08
- Hits: 8790
บล.บัวหลวง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ภาพตลาดและแนวโน้ม
ตลาดจะเริ่มประคองตัวได้
ตลาดหุ้นไทยที่ผันผวนสูงช่วง 1-2 วันที่ผ่านมา คาดเป็นผลจาก 1) การแรลรี่ของหุ้นไทยตลอด 2-3 เดือนที่ผ่านมา และพบว่าหุ้นหลายตัวทำจุดสูงสุดใหม่ จึงเป็นธรรมดา ที่หุ้นจะโดน เร่งขาย ล็อกกำไร เวลาเกิด Panic sell 2) ต่างชาติที่ยังขายไม่หยุดทำให้เปราะบางต่อข่าวลบ อย่างเช่น วิตกเศรษฐกิจจีน จากการลด RRR ล่าสุด ขณะที่มุมมองโบรกต่างชาติแต่ละที่มองกันคนละมุม เราจึงแนะนำ เลือกสะสมหุ้นเชื่อมโยงเศรษฐกิจในประเทศ แบงก์ ประกันชีวิต โรงไฟฟา แทนกลุ่ม Commodity, Global play ไปก่อนในช่วงนี้
วันนี้คาดดัชนีฯหุ้นไทยจะเริ่มประคองตัวได้ และจะค่อยๆขยับตัวออกจากโหมดของการปรับฐาน ถ้าประคองตัว ผ่านสัปดาห์หน้า ไปได้ จากคาดงบแบงก์ที่ดีกว่าคาด จะกลับมาหนุนแรงซื้อหุ้นอื่นที่เชื่อมโยง ส่วนกองทุนในประเทศที่ซื้อเข้าไปเยอะช่วง กลางเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา เชื่อว่าระดับดัชนีฯแถวนี้ ใกล้ต้นทุนที่ไล่หุ้นขึ้นมา ดังนั้นคาดแรงขายทำกำไรน่าจะเริ่มลดลงจากนี้ไป บวกกับแรงซื้อ LTF-RMF ช่วงที่หุ้นตกช่วงนี้ ซึ่งเป็นช่วงที่ใกล้โค้งสุดท้ายของปี จะช่วยจำกัด Downside ดัชนีหุ้นไทย
ระยะสัปดาห์ ดัชนีฯตลาดหุ้นไทย ลงเร็วเกินคาด หลุด 1,700 จุด ด้วยความเสี่ยงใหม่ "เศรษฐกิจจีน และค่าเงินหยวน" ที่เข้ามากระทบบรรยากาศลงทุน เราแนะนำ พิจารณา เลือกหุ้น Mid-Small Cap-หุ้น Domestic play เน้น กลุ่มธนาคาร ประกันชีวิต โรงไฟฟ้า และเน้นไปที่ Earnings 3Q Bottom out หรือมีลุ้นดีขึ้น เพื่อเล่นรอบระหว่างรอตลาดปรับฐาน
What to watch :
(+) ราคาน้ำมันดิบ บวกรับข่าว พายุ เฮอร์ริเคน ไมเคิล ได้ทวีความรุนแรงขึ้นเป็นระดับ 3 กำลังเคลื่อนตัวเข้าสู่ ฟลอริด้า สหรัฐฯ
(*) ทางการจีน ประกาศลด RRR ลงอีก 100bp มีผล 15 ต.ค.นี้ เพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้กลุ่มสถาบันการเงินจีนสามารถคืนเงินกู้ MLF 4.5 แสนล้านหยวน ที่กำลังครบกำหนด 15 ต.ค.นี้ และเพิ่มสภาพคล่อง 7.5 แสนล้านหยวน เข้าระบบ (แต่เงินนี้จะถูกดึงไปชดเชยภาษีจ่ายซึ่งจะไม่ได้ช่วยต่อระบบเศรษฐกิจมากนัก) MS เห็นว่า การลด RRR เป็นเพราะสินเชื่อในระบบอยู่ในระดับต่ำ และต้องการลดความเสี่ยง จากภาวะการชะลอตัวของเศรษฐกิจ จีนและโลก
(*) ก.คลังสหรัฐฯ จะออกรายงานรอบครึ่งปี ว่าด้วยการปั่นค่าเงิน วันที่ 15 ต.ค. นี้
หุ้นแนะนำ
NETBAY ดูรายงานวันนี้
BAY คาดจะมีโอกาสบันทึกกำไรจากการขาย บ.ลูก เงินติดล้อ ใน 4Q18
รายงานวันนี้
Healthcare : Superior growth can't go on forever
เราคาดหลังจากงบ 3Q18 ประกาศในช่วงกลางเดือน พ.ย. หุ้นในกลุ่มโรงพยาบาลจะลดความน่าสนใจลง เพราะจะเข้า low season ใน 4Q18 และกำไร 1H19 ก็จะเริ่มชะลอการเติบโตลง valuation สำหรับ BCH, BDMS, CHG และ THG ตึงแล้ว ขณะที่ BH และ RJH น่าจะยัง rebound ได้ในขาสุดท้าย เพราะ laggards
THG : Heavy investment phase
บริษัทอยู่ในช่วงของการลงทุนที่หนัก และเราคาดกว่าจะเห็นผลตอบแทนที่ดีจากเงินที่ลงทุนไปอาจใช้เวลาหลายปี กำไรระยะสั้น 3Q18 น่าจะเติบโตได้น้อยกว่ากลุ่ม เพราะฐานสูงในปีที่แล้ว และการเปิดโครงการใหม่ Thonburi Health Village ใน 4Q18 สร้างความประหลาดใจเชิงลบให้กับตลาด เพราะ Jin Wellbeing ก็ยังไม่ได้พิสูจน์ว่าประสบความสำเร็จ เราปรับลดประมาณการกำไรปี 2019 ลง 11% เป็น 625 ล้านบาท และปรับราคาเป้าหมายลงเป็น 32 บาท แนะนำ ขาย
NETBAY : Turning the frog back into a prince
เราเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงไปสู่ระบบดิจิตอลมากขึ้นนำโดยภาครัฐที่มีการออกร่าว พ.ร.บ. ต่างๆ ออกมาไม่ว่าจะเป็น ร่าง พ.ร.บ. รัฐบาลดิจิตอลที่หน่วยงานภาครัฐจะต้องจัดเก็บข้อมูลในระบบดิจิตอลและมีการพัฒนา Government Data Exchange Center อีกทั้งยังมีการออกร่าง พ.ร.บ. ดิจิตอลไอดี ซึ่ง National Digital Identification (NDID) จะมีการตั้งแพลตฟอร์มขึ้นมารองรับ เรามองว่า NETBAY มีโอกาสที่จะสร้างรายได้จากการเปลี่ยนแปลงทางภาครัฐดังกล่าว อย่างเช่น NDID ที่ทาง NETBAY ได้ถือหุ้นอยู่ด้วยรวมถึงยังเป็นกรรมการของ Thailand e-payment Trade Association และมีการเชื่อมโยงกับกรมทะเบียนราษฏ์อยู่แล้ว เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 47 บาท
Quick Take
BAY : Divestment of auto loan to new partners
BAY ออกมาประกาศว่าจะขายหุ้นเงินติดล้อ 50% ให้กลุ่มนักลงทุนต่างชาติ CVC Capital Partners Asia Fund IV และ Equity Partners Limited (EPL) ซึ่ง EPL เป็นธุรกิจของครอบครัวเจียรวนนท์ การผนึกกำลังในครั้งนี้ จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจไมโครไฟแนนซ์ในเครือกรุงศรีในการให้บริการสินเชือและผลิตภัณฑ์ประกันภัยแก่กลุ่มผู้บริโภคที่ไม่สามารถเข้าถึงบริการทางการเงินจากธนาคารพาณิชย์รวมถึงกลุ่มที่ไม่มีรายได้ประจำเราคาดว่าทั้ง CVC และ EPL สามารถสร้างความร่วมมือระยะยาวกับเงินติดล้อผ่านการแนะนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ เพื่อสนับสนุนธุรกิจ และ BAY พร้อมรับมือกับการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นในธุรกิจสินเชื่อเพื่อผู้บริโภคโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับธุรกิจไมโครไฟแนนซ์ ซึ่งธุรกิจนี้ในระยะยาวไม่เพียงต้องการขนาดของธุรกิจ แต่ยังต้องใช้แพลตฟอร์มที่ทันสมัยเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ,ความสะดวกสบายและการประหยัดค่าใช้จ่าย เรามีมุมมองบวกต่อแนวโน้มของ BAY ในการก้าวไปข้างหน้าครั้งนี้
หุ้นมีข่าว
(+) NPPG ขานรับ กระแสข่าว "ซีพี" จ้องเทคโอเวอร์ ราคาหุ้น ชนซีลิ่ง 29.63% ฟากบริษัทแจ้งตลาดหลักทรัพย์ ยอมรับเป็นคู่ค้า และพันธมิตรกับเครือเจริญโภคภัณฑ์ ลั่นอยู่ระหว่างดำเนินการปรับโครงสร้างธุรกิจ ยันพร้อมแจงทันทีเมื่อมีความคืบหน้าเรื่องเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้น (ที่มากรุงเทพธุรกิจ)
(*/-) MAJOR นายนรุตม์ เจียรสนอง รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝายการตลาด บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เมเจอร์ฯร่วมกับ เดลล์ เกมมิ่ง เปิดให้บริการโรงภาพยนตร์อีสปอร์ตแห่งแรกในโลก ที่โรงภาพยนตร์ 4 เอสพลานาด ซีนีเพล็กซ์ รัชดา ภายใต้ชื่อ "Dell Gaming Esports Cinema" สำหรับค่าบริการของโรงภาพยนตร์อีสปอร์ต มี 2 ประเภท คือราคาเหมาทั้งวัน 200,000 บาท และราคาเหมาครึ่งวัน 100,000 บาท รองรับผู้แข่งขันได้สูงสุด 60 คน และรองรับผู้เข้าชมได้กว่า 200 คน ตั้งเปารายได้ปีนี้กว่า 120 ล้านบาท (ที่มา มติชน)
(-) DTAC กสทช.ยันดีแทคจะมายื่นเอกสารเข้าร่วมประมูล 900MHz เช้าวันที่ 16 ต.ค.นี้ เหตุรอผลประชุมบอร์ดจากเทเลนอร์ แต่ถ้าดีแทคไม่มาก่อนเที่ยงจะดำเนินการยื่นอุทธรณ์คำสั่งศาลปกครองกลาง ที่ให้คุ้มครองชั่วคราวลูกค้าคลื่น 850MHz (ที่มา ข่าวหุ้น)
(-) KTC จะรายงานงบ 3Q18 วันที่ 11 ต.ค.นี้ Consensus คาดกำไร 1.4 พันล้านบาท (เราทำประมาณ 1.2 พันล้านบาท) (ที่มา ข่าวหุ้น)
(*) ลุ้น 7-11 หนุนเงินติดล้อ เพิ่มโอกาสเจาะตลาดสินเชื่อรายย่อยผ่าน ร้านเซเว่นฯ (ที่มา โพสต์ทูเดย์) / เมื่อวานข่าวนี้ กลายเป็นประเด็น กดดันราคาหุ้น SAWAD MTC
วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ Tel. (662) 618-1336
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน/ปัจจัยทางเทคนิค
ธนัท พจน์เกษมสิน,นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
นภนต์ ใจแสน, นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน
OO14886